Rail Travel

ใบไม้ร่วงสวยต้องชินเอ็ทสึ ตอนที่ 2: ใบไม้แดงน่าชมแห่งจังหวัดนีงาตะ

ใบไม้ร่วงสวยต้องชินเอ็ทสึ ตอนที่ 2: ใบไม้แดงน่าชมแห่งจังหวัดนีงาตะ

อัปเดตเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2023
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2022

 

ฤดูใบไม้ร่วงเป็นหนึ่งในฤดูกาลโปรดของคุณหรือไม่? ด้วยแมกไม้หลากสีสัน ทิวทัศน์ที่สวยงาม และอากาศเย็นสดชื่นประจำฤดู ทำให้ฤดูนี้เป็นฤดูกาลโปรดของฉันแน่ๆ แล้วคนหนึ่ง! ในตอนที่ 1 ของซีรี่ส์นี้ ฉันได้แนะนำจุดชมใบไม้แดงจุดโปรดของฉันในจังหวัดนากาโนะไปแล้วบางแห่ง และในตอนที่ 2 นี้เราจะไปกันที่อีกพื้นที่หนึ่งแห่งชินเอ็ทสึ (信越 Shin’etsu) นั่นก็คือจังหวัดนีงาตะ (新潟県 Niigata-ken) ชินเอ็ทสึ (信越 Shin’etsu) เป็นชื่อเรียกพื้นที่จังหวัดนากาโนะและนีงาตะ และมีที่มาจากอักษรแรกของชินชู (信州 ชื่อเก่าจังหวัดนากาโนะ) และเอจิโกะ (越後 ชื่อเก่าจังหวัดนีงาตะ)

 

แผนที่สถานที่ต่างๆ ที่จะแนะนำในบทความนี้ (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

นีงะตะเป็นจังหวัดที่มีสกีรีสอร์ทหลายแห่งในญี่ปุ่น และเป็นจังหวัดที่มีภูเขาสูงและปริมาณหิมะตกมาก ปัจจัยดังกล่าวนี้ยังเป็นปัจจัยชั้นดีที่เอื้อต่อการผลิตข้าวและสาเกรสเลิศ ซึ่งเป็นสองผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อของนีงาตะ แม้ว่าฤดูหนาวจะเป็นช่วงเวลาที่ดีเยี่ยมสำหรับการมาเยือนนีงาตะ แต่ฉันอยากบอกว่าฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูกาลที่สวยงามควรค่าแก่การมาเที่ยว อีกทั้งยังมีอากาศเย็นๆ และวิวสวยงามให้ชื่นชมกัน

 

ในบทความนี้ ฉันจะแนะนำสถานที่ห้ามพลาดสำหรับการชมสีสันสวยงามแห่งฤดูใบไม้ร่วงของจังหวัดนีงาตะ ไม่ต้องห่วง สถานที่ทั้งหมดนี้สามารถไปถึงได้ง่ายโดยนั่งรถบัสหรือเดินเท้าจากสถานีที่ใกล้ที่สุด คุณพร้อมหรือยัง? ไปกันเลย!

 

① Dragondola

ช่วงชมใบไม้แดง: กลางเดือนตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน (ต่างกันไปในแต่ละปี)

Dragondola ในฤดูใบไม้ร่วง (เครดิตภาพ: 新潟県観光協会)

 

อย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ นีงาตะเป็นจังหวัดที่มีสกีรีสอร์ทมากมาย หนึ่งในนั้นคือนาเอบะ (苗場 Naeba) โดยในฤดูหนาวนาเอบะจะเป็นสวรรค์ของบรรดานักสกี แต่ในฤดูใบไม้ร่วงผู้คนจะพากันมาที่นี่ด้วยอีกเหตุผลหนึ่ง นั่นคือการชมสีสันละลานตาแห่งฤดูใบไม้ร่วงจาก Dragondola (ドラゴンドラ  Doragondora) กระเช้าลอยฟ้าสุดพิเศษ

 

Dragondola ณ ช่วงเส้นทางเหนือแม่น้ำคิยตสึ (เครดิตภาพ: photoAC)

 

ดรากอนโดลาที่ความสูง 5,481 ม. เป็นหนึ่งในกระเช้าลอยฟ้าที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น และการนั่งกระเช้าลอยฟ้านี้ใช้เวลาราว 25 นาทีสำหรับขาไปขาเดียว ระหว่างที่นั่งกระเช้านี้ คุณสามารถชมสีสันฤดูใบไม้ร่วงโดยรอบแบบชิวๆ ได้ และบรรดาใบไม้สีเหลืองและส้มสดใสเหล่านี้จะทำให้ทั้งภูเขาดูเหมือนกำลังลุกเป็นไฟ!

 

เมื่อมองลงมา คุณจะเห็นแม่น้ำคิยตสึ (Kiyotsu River) ที่มีต้นสน Larch (カラマツ karamatsu) สีทองเรียงรายขนาบข้างอยู่ และเมื่อมองขึ้นไปคุณก็จะเห็นภูเขานาเอบะ (Mount Naeba) ที่ถูกปกคลุมด้วยเฉดสีเหลืองและส้มสุดร้อนแรง

 

ทะเลสาบฟุตาอิในฤดูใบไม้ร่วง (เครดิตภาพ: photoAC)

 

เมื่อผ่านช่วงกลางของเส้นทางไปได้นิดนึง จะมีหนึ่งในวิวสวยงามให้ชมกันนั่นคือทะเลสาบฟุตาอิ (二居湖 Futai-ko) ทะเลสาบขนาดเล็กที่เกิดจากการทำเขื่อน ณ ส่วนหนึ่งของแม่น้ำคิยตสึ ผืนน้ำของทะเลสาบเป็นประกายสีเขียวมรกตสวยงามและล้อมรอบไปด้วยบรรดาต้นไม้หลากสีสันบนไหล่เขา แต่นอกจากนี้ ว่ากันว่าสีของน้ำในทะเลสาบนั้นจะมีทั้งหมดเจ็ดเฉดสีด้วยกันซึ่งจะเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศ

 

หลังลงจากกระเช้าที่สถานีด้านบน จะมีเส้นทางที่ปูด้วยกระดานไม้ยาว 1.5 กม. ที่น่าเดินอยู่ ซึ่งคุณสามารถเดินตามเส้นทางนี้ผ่านป่าเพื่อชมสีสันฤดูใบไม้ร่วงได้ สถานีของ Dragondola ที่อยู่ด้านล่างนั้นจะตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 921 ม. เหนือระดับน้ำทะเล ในขณะที่สถานีที่อยู่ด้านบนนั้นจะอยู่ที่ระดับความสูง 1,346 ม. เหนือระดับน้ำทะเล

 

Dragondola (苗場ドラゴンドラ )
ที่อยู่: 202 Mikuni, Yuzawa-machi, Minami Uonuma-gun, Niigata 949-6292
การเดินทาง: จากสถานี JR Echigo-Yuzawa ให้นั่งรถบัส 50 นาที ไปยังป้าย Naeba Ski Resort Schnee (苗場スキー場シュネー前) จากตรงนั้น นั่งรถชัตเติ้ลบัสที่ให้บริการฟรี หรือเดิน 20 นาทีไปที่สถานีกระเช้าลอยฟ้าที่อยู่ด้านล่าง

 

② ช่องเขาคิยตสึ

ช่วงชมใบไม้แดง: กลางเดือนตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน (ต่างกันไปในแต่ละปี)

บรรดาวิวของช่องเขาคิยตสึจากจุดชมวิวต่างๆ ภายในอุโมงค์ (เครดิตภาพ: Japanmase)

 

เมื่อลงไปตามแม่น้ำคิยตสึเราจะเจอกับอีกจุดชมใบไม้แดงที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือ Kiyotsu Gorge Tunnel (清津峡渓谷トンネル Kiyotsukyо̄ keikoku tonneru) ช่องเขาคิยตสึเป็นหนึ่งในสามช่องเขาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น (日本三大峡谷 Nihon Sandai Kyо̄koku) โดยอีกสองช่องเขานั้นได้แก่ช่องเขาคุโรเบะ (Kurobe Gorge) ในจังหวัดโทยามะและหุบเขาโอสุกิดานิ (Osugidani Valley) ในจังหวัดมิเอะ

 

ช่องเขาคิยตสึในฤดูใบไม้ร่วง (เครดิตภาพ: photoAC และ Japanmase)

 

แนวหน้าผาสุดอลังการที่ขนาบทั้งสองฝั่งแม่น้ำคิยตสึก่อให้เกิดช่องเขารูปตัว V และแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวพร้อมสีสันสวยงามในฤดูใบไม้ร่วงนั้นทำให้ช่องเขาแห่งนี้เป็นวิวชั้นเยี่ยมที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ มาเข้าไปใน Kiyotsu Gorge Tunnel เพื่อชมวิวแบบจุใจ พร้อมเพลิดเพลินกับการเที่ยวช่องเขาแห่งนี้ในแบบที่หาที่ไหนไม่ได้กัน!

 

จุดถ่ายรูปลง Instagram ที่ห้ามพลาดใน Kiyotsu Gorge Tunnel (เครดิตภาพ: photoAC และ Japanmase)

 

Kiyotsu Gorge Tunnel ที่ยาว 750 ม. นี้ถูกสร้างโดยเจาะผ่านเข้าไปข้างในผาเสาหินและมีจุดชมวิวสี่จุดที่ให้เราชมวิวช่องเขาได้แบบพาโนรามา ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูที่ช่องเขาคิยตสึจะมีคนพลุกพล่านมากที่สุดและเป็นช่วงที่วิวที่นี่จะดูราวกับภาพวาด โดยมีองค์ประกอบคือกำแพงผาหินขรุขระตัดกับสีสันละลานตาของแมกไม้ในฤดูใบไม้ร่วง

 

แต่ละจุดของจุดชมวิวทั้งสี่นั้นจะให้ประสบการณ์ที่ต่างกันออกไป โดยจุดที่ 4 จะเป็นจุดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเพราะจะมีภาพเงาสะท้อนบนผืนน้ำด้วย ที่นี่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ โดยเฉพาะในฐานะจุดถ่ายรูปลง Instagram ยอดนิยม

 

งานศิลปะภายใน Kiyotsu Gorge Tunnel (เครดิตภาพ: photoAC และ Japanmase)

 

Kiyotsu Gorge Tunnel เพิ่งได้รับการรีโนเวทใหม่ในปี 2018 และเนื่องจากที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของ Echigo Tsumari Art Trienniale ภายในอุโมงค์จึงมีผลงานศิลปะของ Ma Yansong / MAD Architects จัดแสดงให้ชมกัน ทำให้อุโมงค์แห่งนี้ถูกเปลี่ยนโฉมและถูกผลักดันให้มีชื่อเสียงไปทั่วโลกผ่าน Instagram โดยมี Tunnel of Light ที่มีการจัดแสงสีหลากสีสันภายในอุโมงค์ และห้องน้ำแคปซูลที่จุดชมวิวที่ 2 ซึ่งดูเหมือนเหล็กทึบเมื่อมองจากด้านนอกแต่มีหน้าต่างที่มองผ่านได้จากด้านใน รวมถึงสระน้ำตื้นที่สะท้อนภาพวิว ณ จุดชมวิวที่ 4 และการจัดแสดงอีกมากมายที่ถูกเพิ่มเข้ามาและทำให้ Kiyotsu Gorge Tunnel กลายเป็นแหล่งถ่ายรูปลง Instagram แม้ว่าปัจจุบันจะมีชิ้นงานบางส่วนเท่านั้นที่ยังจัดแสดงอยู่ แต่ตัวอุโมงค์ก็ยังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเพื่อชมวิวฤดูใบไม้ร่วงและงานจัดแสดงศิลปะที่ยังเหลือให้ชมกันอยู่

 

ช่องเขาคิยตสึ (清津峡)
ที่อยู่: 2119-2 Koide, Tokamachi-shi, Niigata
การเดินทาง: จากสถานี JR Echigo-Yuzawa (越後湯沢駅) นั่งรถบัส 25 นาที ไปลงป้าย Kiyotsukyo Iriguchi (清津峡入口) และเดิน 30 นาทีไปยัง Kiyotsu Gorge Tunnel

 

③ ป่าบิจินบายาชิ

ช่วงชมใบไม้แดง: ต้น-กลางเดือนพฤศจิกายน (ต่างกันไปในแต่ละปี)

ต้นบีชของป่าบิจินบายาชิในฤดูใบไม้ร่วง (เครดิตภาพ: photoAC)

 

ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหน บิจินบายาชิ (美人林 ป่าหญิงงาม) เป็นสถานที่ที่ดูเหมือนหลุดออกมาจากภาพวาดก็ไม่ปาน โดยมีต้นบีชสวยงามที่มีลำต้นผอมตรงซึ่งดูราวกับกำลังเอื้อมขึ้นไปบนท้องฟ้า แม้จะเป็นสถานที่ที่ชาวต่างชาติไม่ค่อยรู้จักนัก แต่ป่าบิจินบายาชิกำลังกลายเป็นจุด “อาบป่า” ที่มีชื่อเสียงในกลุ่มนักท่องเที่ยวท้องถิ่นชาวญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว

 

การ “อาบป่า” (森林浴 shinrin’yoku) คือการที่นักเดินทางจัดทริปพักผ่อนเข้าป่าเพื่อผ่อนคลายและฟื้นฟูตัวเอง โดยมีจุดประสงค์เพื่อรักษาสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกาย นักท่องเที่ยวสามารถชาร์จพลังให้กับจิตวิญญาณของตัวเองได้โดยการสัมผัสถึงพลังงานแห่งการเยียวยาจากผืนโลกและเพลิดเพลินไปกับความงามที่มีมนต์เสน่ห์ของป่าไม้

 

ต้นบีชของป่าบิจินบายาชิในฤดูใบไม้ร่วง (เครดิตภาพ: photoAC)

 

ในฤดูใบไม้ร่วง ต้นบีชของป่าบิจินบายาชิจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้มสวยงาม และเมื่อรวมกับเงาสะท้อนที่สวยไร้ที่ติของป่าแห่งนี้บนบึงและแอ่งน้ำต่างๆ แล้ว ทำให้การเดินในป่าแห่งนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในภาพวาดเลยก็ว่าได้ การได้สูดหายใจเอาอากาศสดชื่นของฤดูใบไม้ร่วงเข้าปอดและอาบพลังงานแห่งการเยียวยาของธรรมชาติแบบนี้…เป็นอะไรที่ชวนผ่อนคลายสุดๆ ไปเลย!

 

การเดินทาง:

จากสถานี Matsudai (まつだい駅) บนทางรถไฟสาย Hokuhoku ให้นั่งรถบัสมาลงที่ป้าย Sakaimatsu (堺松バス停) แล้วเดินต่อจากป้ายรถบัสมาอีก 20 นาทีก็จะถึงป่าบิจินบายาชิ

 

④ เมียวโกะโคเก็น

เมียวโกะโคเก็น (妙高高原 Myо̄kо̄-kо̄gen) ตั้งอยู่ใน Myoko Togakushi Renzan National Park (妙高戸隠連山国立公園 Myо̄kо̄-Togakushi Renzan Kokuritsu Kо̄en) ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติที่คาบเกี่ยวระหว่างจังหวัดนากาโนะและนีงาตะ อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของสกีรีสอร์ทนานาชาติแห่งแรกของญี่ปุ่นที่เริ่มเปิดให้บริการเมื่อปี 1930 ด้วย

 

ในเวลาอื่นนอกจากช่วงฤดูหนาว เมียวโกะโคเก็นจะเป็นพื้นที่แห่งความงามอันเงียบสงบ และจะสวยงามที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ณ สองจุดชมนี้ ได้แก่บึงอิโมริ (Imori Pond) และน้ำตกนาเอนะ (Naena Falls) ด้วยความที่ทั้งสองที่นี้ตั้งอยู่ไม่ห่างกันนักและสามารถเดินทางไปได้ง่ายด้วยรถบัส ฉันขอแนะนำให้ไปเที่ยวทั้งสองจุดนี้ในทีเดียวเป็นอย่างยิ่ง

 

บึงอิโมริ

ช่วงชมใบไม้แดง: กลางเดือนตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน (ต่างกันไปในแต่ละปี)

บึงอิโมริในฤดูใบไม้ร่วง (เครดิตภาพ: photoAC)

 

บึงอิโมริ (いもり池 Imori-ike) ที่เป็นจุดที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมียวโกะโคเก็นแห่งนี้ มีชื่อเสียงเรื่องผืนน้ำที่นิ่งสงบ ซึ่งผิวน้ำที่นี่จะทำหน้าที่ราวกับกระจกที่สะท้อนภาพภูเขาเมียวโกะ (妙高山 Myо̄kо̄-san) ที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างสวยงามไร้ที่ติ บึงแห่งนี้มีเส้นรอบวง 500 ม. และมีทางเดินที่ราบเรียบทอดตัวอยู่รอบๆ ทางเดินกว้างเส้นนี้ใช้เวลาราว 15 นาทีในการเดินให้รอบและเป็นเส้นทางที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมวิวทิวทัศน์รอบข้างสุดประทับใจและสงบได้ ซึ่งจะสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ร่วง

 

วิวภูเขาเมียวโกะจากบึงอิโมริ (เครดิตภาพ: photoAC)

 

ภูเขาเมียวโกะที่สูง 2,454 ม. นี้เป็นสิ่งที่ต้องชมให้ได้เลยเมื่อมาเที่ยวเมียวโกะโคเก็น คุณอาจจะได้เห็นสีสันฤดูใบไม้ร่วงบนไหล่ภูเขาเมียวโกะ หรือเห็นภูเขาเมียวโกะที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะพร้อมสีสันฤดูใบไม้ร่วงที่บึงอิโมริก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณมาที่นี่ในช่วงไหน!

 

ถ้าคุณกำลังรู้สึกหิวขึ้นมาบ้างแล้ว ไม่ต้องห่วงไป เพราะที่นี่มีร้านอาหารชื่อ Bashoen (芭蕉苑) ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับบึง ที่นั่นคุณสามารถหาเมนูง่ายๆ เช่นโซบะและอุด้งกินได้ หรือของหวานเช่นไอศกรีม รวมถึงของฝากท้องถิ่นก็มีเช่นกัน

 

การเดินทาง:

จากสถานี Myōkō-Kōgen (妙高高原駅) ของทางรถไฟ Echigo TOKImeki ให้นั่งรถบัสสาย Suginosawa 15 นาที มาลงที่ป้าย Imori Pond  (いもり池入口)

 

น้ำตกนาเอนะ

ช่วงชมใบไม้แดง: กลาง-ปลายเดือนตุลาคม (ต่างกันไปในแต่ละปี)

น้ำตกนาเอนะในฤดูใบไม้ร่วง (เครดิตภาพ: 新潟県観光協会)

 

เพียงนั่งรถบัส 15 นาทีจากบึงอิโมริคุณก็จะมาถึงจุดชมอีกความมหัศจรรย์ของฤดูใบไม้ร่วงแห่งเมียวโกะโคเก็น นั่นคือน้ำตกนาเอนะ (苗名滝 Naena-taki) น้ำตกสุดยิ่งใหญ่ที่มีความสูง 55 เมตรแห่งนี้ติดอันดับ 100 สุดยอดน้ำตกของญี่ปุ่นและสวยโดดเด่นตัดกับหน้าผาหินบะซอลต์ขรุขระ สิ่งที่น่าทึ่งเกี่ยวกับน้ำตกแห่งนี้คือปริมาณน้ำที่ไหลลงมา เสียงน้ำไหลลงมาที่ดังราวกับฟ้าคำรามนั้นดังมากจนแม้จะอยู่ที่ไกลก็ยังได้ยิน โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิซึ่งจะเป็นช่วงที่มีน้ำที่ละลายจากภูเขาเมียวโกะเป็นปริมาณมาก ส่วนในฤดูใบไม้ร่วงซึ่งเป็นช่วงที่จะไม่มีน้ำที่ละลายมาแล้ว น้ำตกแห่งนี้จะมีเสียงและน้ำที่กระเซ็นน้อยลง ดังนั้นช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่น่ามาเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อมองจากมุมที่เหมาะคุณจะมองเห็นแมกไม้แดงก่อตัวเป็นรูปหัวใจโดยมีน้ำตกอยู่ตรงกลางด้วย!

 

น้ำตกนาเอนะในฤดูใบไม้ร่วง  (เครดิตภาพ: JR East / Carissa)

 

น้ำตกนาเอนะตั้งอยู่ในฝั่งจังหวัดนีงาตะ ณ เส้นแบ่งเขตแดนระหว่างจังหวัดนีงาตะและจังหวัดนากาโนะ น้ำตกแห่งนี้เชื่อมไปยังแม่น้ำเซคิกาวะ (関川) แม่น้ำที่ส่วนหนึ่งทำหน้าที่เป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างจังหวัดนากาโนะและนีงาตะ แม้ว่าโดยส่วนใหญ่แล้วแม่น้ำเส้นนี้จะไหลผ่านจังหวัดนีงาตะ ณ บริเวณเส้นแบ่งเขตแห่งนี้ แต่บางส่วนจะไหลในเขตจังหวัดนีงาตะในขณะที่ส่วนอื่นจะไหลผ่านในพื้นที่จังหวัดนากาโนะ

 

น้ำตกนาเอนะในฤดูใบไม้ร่วง  (เครดิตภาพ: 新潟県観光協会)

 

จากป้าย Naena Taki ให้เดินตามเส้นทางที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเข้าไปในป่า พอเดินไปได้ 15 นาทีตามเส้นทางที่ยาว 500 ม. คุณก็จะมาถึงที่น้ำตก วิธีเพลิดเพลินกับวิวที่นี่มีทั้งการชมวิวจากสะพานแขวน การแหงนหน้าชมน้ำตกจากโขดหินที่อยู่ใกล้ฐานน้ำตก และอีกมากมาย สีสันฤดูใบไม้ร่วงที่สวยงามซึ่งตัดกับหินบะซอลต์ขรุขระ บวกกับภาพน้ำตกที่มีชีวิตชีวาและทรงพลังแล้ว คุณจะสามารถรับรู้และได้ยินเสียงอันพลังของน้ำตกนาเอนะได้แบบใกล้ชิด และน้ำตกนี้ดูราวกับภาพวาดที่เคลื่อนไหวได้ทีเดียว!

 

ถ้าคุณหิว ที่ใกล้ๆ ป้ายรถบัสจะมีจุดพักรถที่มีร้านอาหารซึ่งคุณสามารถหาอะไรรองท้องได้ เมนูที่ฉันแนะนำให้ลองเป็นอย่างยิ่งคือโซบะเห็ด (きのこそば kinoko soba) และผักภูเขา (山菜 sansai)

 

การเดินทาง:

จากป้าย Imori Pond (いもり池入口) นั่งรถบัสสาย Myoko Sanroku 15 นาที มาลงที่ป้าย Naena Taki (苗名滝)

 

⑤ หุบเขาต้นเมเปิ้ลยาฮิโกะ (สวนยาฮิโกะ)

ช่วงชมใบไม้แดง: ปลายเดือนตุลาคม-กลางเดือนพฤศจิกายน (ต่างกันไปในแต่ละปี)

สวนยาฮิโกะในฤดูใบไม้ร่วง (เครดิตภาพ: 新潟県観光協会 และ photoAC)

 

หนึ่งในจุดชมวิวใบไม้แดงที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดนีงาตะก็คือหุบเขาต้นเมเปิ้ลในสวนยาฮิโกะ (弥彦公園もみじ谷 Yahiko Kо̄en Momiji Dani) ซึ่งเต็มไปด้วยบรรดาต้นเมเปิ้ลที่จะเปลี่ยนเป็นสีแดงส้มสุดร้อนแรงในฤดูใบไม้ร่วง เมื่อรวมกับสะพานคันเก็ทสึ (Kangetsu Bridge) สีชาดสดแล้ว จึงเกิดเป็นทิวทัศน์สวยสะดุดตาซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศให้มาเยี่ยมชม และข้อดีที่สุดก็คือเราสามารถเข้าชมสวนนี้ได้ฟรี และสามารถเดินไปถึงได้ภายใน 1 นาทีจากสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดด้วย!

 

สวนยาฮิโกะเป็นสวนที่มีความงามแบบญี่ปุ่น โดยมีน้ำตก สระน้ำ และโคมไฟหิน อีกทั้งบรรดาต้นไม้ยังถูกปลูกโดยอิงตามสภาพพื้นที่ ที่นี่ถือเป็นสถานที่ชั้นเยี่ยมสำหรับการเดินเล่นสบายๆ และเพลิดเพลินไปกับสีสันละลานตาแห่งฤดูใบไม้ร่วง

 

สวนยาฮิโกะในฤดูใบไม้ร่วง (เครดิตภาพ: 新潟県観光協会)

 

ในฤดูใบไม้ร่วงนั้น นอกจากสวนยาฮิโกะจะขึ้นชื่อเรื่องทิวทัศน์ที่มีสีสันชวนผ่อนคลายในตอนกลางวันแล้ว ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องการจัดแสดงแสงสีที่มีมนต์ขลังในตอนกลางคืนอีกด้วย ถ้าเป็นไปได้ ฉันขอแนะนำให้มาที่นี่ในช่วงบ่ายแก่ๆ และอยู่ยาวจนถึงช่วงเย็น ซึ่งคุณจะสามารถชื่นชมภาพวิวต้นเมเปิ้ลที่ต่างออกไปได้ ในช่วงเย็นตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน จะมีการเปิดไฟแสงสีที่ต้นเมเปิ้ลซึ่งสร้างบรรยากาศชวนฝันและมีมนต์เสน่ห์ให้กับสวน

 

หุบเขาต้นเมเปิ้ลยาฮิโกะ (弥彦公園もみじ谷)
ที่อยู่: 667-1 Yahiko, Nishikanbara, Niigata 959-0323
การเดินทาง: จากสถานี JR Yahiko (弥彦駅) เดิน 1 นาทีก็จะถึงหุบเขาเมเปิ้ลยาฮิโกะ

⑥ เมืองนีงาตะ

สุดท้ายนี้ มาปิดท้ายลิสต์สถานที่แนะนำของฉันกันที่เมืองนีงาตะ เมืองหลักของจังหวัดนีงาตะ ในขณะที่สถานที่ก่อนหน้านี้จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและสวนสาธารณะ แต่คุณสามารถชื่นชมสีสันฤดูใบไม้ร่วงที่สวยงามในเมืองได้ด้วยเช่นกัน มาลองดูสถานที่เหล่านี้บางแห่งกัน

 

บ้านพักตากอากาศนีงาตะไซโต

ช่วงชมใบไม้แดง: ต้น-กลางเดือนพฤศจิกายน (ต่างกันไปในแต่ละปี)

บ้านพักตากอากาศนีงาตะไซโตในฤดูใบไม้ร่วง (เครดิตภาพ: 旧齋藤家別邸)

 

บ้านพักตากอากาศนีงาตะไซโต (旧齋藤家別邸 Kyū Saitо̄ke Bettei) เดิมเป็นบ้านพักของพ่อค้าที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1918 โดยไซโต คิจูโร (Saito Kijuro) รุ่นที่สี่ของตระกูลไซโต โดยตระกูลไซโตที่เป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในนีงาตะแห่งนี้เป็นตระกูลพ่อค้าที่ร่ำรวย ซึ่งก่อร่างสร้างตัวมาจากการเดินเรือสินค้าตามเส้นทางเดินเรือคิตามาเอะบุเนะ (北前船) ที่เป็นเส้นทางเดินเรือสายหลักที่ถูกใช้ในยุคเอโดะ (1603–1868)

 

วิวจากข้างในบ้านพักตากอากาศนีงาตะไซโตในฤดูใบไม้ร่วง (เครดิตภาพ: Niigata Visitors & Convention Bureau และ 旧齋藤家別邸)

 

บ้านพักตากอากาศนีงาตะไซโตถูกออกแบบมาโดยมีคอนเซปต์ในการเชื่อมพื้นที่บ้านและพื้นที่สวน เพื่อให้สามารถชมวิวสวนที่สวยงามได้จากข้างในห้องต่างๆ โดยที่แต่ละห้องจะเปิดให้เห็นวิวสวนในมุมที่ต่างกันไป แม้ว่าคุณจะกำลังชมสวนจากข้างในบ้าน แต่คุณก็จะรู้สึกเหมือนคุณกำลังอยู่ในสวนเลยทีเดียว!

 

บ้านพักตากอากาศแห่งนี้มีพื้นที่ราว 4,500 ตร.ม. โดยในจำนวนนี้เป็นพื้นที่สวนไปแล้ว 4,400 ตร.ม. ลองนึกภาพดูสิว่าทิวทัศน์ที่นี่วิเศษขนาดไหน ในฤดูใบไม้ร่วง ต้นเมเปิ้ลสีแดงสดจะตัดกับต้นสนสีเขียว เกิดเป็นภาพที่ชวนตื่นตาและมีสีสัน

 

การเปิดไฟประดับในฤดูใบไม้ร่วง ณ บ้านพักตากอากาศนีงาตะไซโต (เครดิตภาพ: 旧齋藤家別邸)

 

ในบางคืนวันหยุดสุดสัปดาห์ (วันศุกร์-วันอาทิตย์) ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ทางบ้านพักตากอากาศนีงาตะไซโตจะจัดอีเว้นท์เปิดไฟประดับ ซึ่งต้นไม้ในสวนจะมีการประดับไฟแสงสีเพื่อเผยให้เห็นสีสันฤดูใบไม้ร่วงสุดพิเศษของตัวบ้านพักตากอากาศในแบบที่ต่างออกไป ห้ามพลาดชมวิวนี้เชียวล่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณจะค้างที่เมืองนีงาตะในฤดูใบไม้ร่วง

 

บ้านพักตากอากาศนีงาตะไซโต (旧齋藤家別邸)
ที่อยู่: 576 Nishi-Ohatacho, Chuo-ku, Niigata-shi, Niigata 951-8104
การเดินทาง: จากสถานี JR Niigata (新潟駅) ให้นั่งรถ Niigata City Loop Bus มาลงที่ป้าย Hoppo Bunka Hakubutsukan Niigata Bunkanmae (北方文化博物館新潟分館前) 

 

สวนฮาคุซัน

ช่วงชมใบไม้แดง: กลางเดือนพฤศจิกายน (ต่างกันไปในแต่ละปี)

สีสันฤดูใบไม้ร่วงที่สวนฮาคุซัน (เครดิตภาพ: Niigata Visitors & Convention Bureau)

 

สวนฮาคุซัน (白山公園 Hakusan Kо̄en) หนึ่งในสวนสาธารณะแห่งแรกของญี่ปุ่นนี้เปิดให้บริการเมื่อปี 1873 และเป็นสวนสไตล์ดัตช์สำหรับเดินเล่น ทำให้ที่นี่เหมาะสำหรับการเดินเล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วง สวนที่กว้างขวางและปลอดโปร่งสบายแห่งนี้ติดอันดับ 100 สวนในเมืองที่ดีที่สุดของประเทศญี่ปุ่น (Japan’s 100 Best City Parks) และเป็นที่ที่คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับฤดูกาลที่เปลี่ยนผ่านทั้งสี่ฤดูได้ โดยในฤดูใบไม้ร่วง บรรดาต้นไม้จะเปลี่ยนเป็นสีเฉดแดง ส้ม และเหลืองที่สวยจับตา และการได้เดินเล่นใต้ต้นไม้เหล่านี้พลางมองขึ้นไปยังท้องฟ้าสีครามผ่านแมกไม้นั้นเป็นความรู้สึกที่วิเศษสุดๆ ไปเลย

 

คุณสามารถเดินทางจากบ้านพักตากอากาศนีงาตะไซโตไปยังสวนแห่งนี้ได้โดยใช้เวลาเดินเพียง 15 นาที ดังนั้นฉันขอแนะนำให้เที่ยวทั้งสองที่นี้ด้วยกันในทริปเดียว นอกจากนี้ สวนฮาคุซันยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าฮาคุซัน (白山神社 Hakusan Jinja) ศาลเจ้าที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่แสวงหาโชคด้านความรัก

 

ถ้าคุณอยากรู้ว่าคุณสามารถชิมและชมอะไรได้บ้างในเมืองนีงาตะ สามารถอ่านบทความเก่าจากทีมงานสาขานีงาตะของเราได้ที่นี่

 

สวนฮาคุซัน (白山公園)
ที่อยู่: 1-2 Ichibanboridoricho, Chuo-ku, Niigata-shi, Niigata 951-8132
การเดินทาง: จากสถานี JR Niigata ให้นั่งรถ Niigata City Loop Bus 10 นาทีมาลงที่ป้าย Hakusan Park (白山公園前) โดยสวนจะอยู่ติดๆ กับป้ายรถบัส อีกเส้นทางหนึ่งคือเดิน 20 นาทีจากสถานี JR Hakusan (白山駅) มาที่สวน

 

Northern Culture Museum

ช่วงชมใบไม้แดง: ต้น-กลางเดือนพฤศจิกายน (ต่างกันไปในแต่ละปี)

สีสันฤดูใบไม้ร่วง ณ Northern Culture Museum (เครดิตภาพ: 新潟県観光協会)

 

ท้ายที่สุดนี้ เรามาปิดท้ายลิสต์จุดชมใบไม้แดงในจังหวัดนีงาตะของฉันกันด้วย Northern Culture Museum แม้ว่าที่นี่จะจัดว่าอยู่ในพื้นที่เมืองนีงาตะ แต่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่ได้ตั้งอยู่ที่ใจกลางเมืองเหมือนบ้านพักตากอากาศนีงาตะไซโตและสวนฮาคุซัน ถึงอย่างนั้นเราสามารถเดินทางไปถึงที่นี่ได้ด้วยรถบัสต่อเดียว และบอกเลยว่าคุ้มค่าแก่การเดินทางไปอย่างแน่นอน

 

Northern Culture Museum (北方文化博物館 Hoppо̄ Bunka Hakubutsukan) เป็นสถานที่อนุรักษ์และจัดแสดงมรดกและของตกทอดของตระกูลอิโต ซึ่งเป็นตระกูลเจ้าของที่ดินที่ร่ำรวยแห่งเอจิโกะ (ชื่อเก่าของจังหวัดนีงาตะ)

 

สีสันฤดูใบไม้ร่วง ณ Northern Culture Museum (เครดิตภาพ: Niigata Visitors & Convention Bureau (บน) และ 新潟県観光協会 (ล่าง))

 

นอกจากชิ้นงานศิลปะและเอกสารต่างๆ ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจังหวัดนีงาตะแล้ว Northern Culture Museum ยังมีสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่สวยงามอีกด้วย ซึ่งจะสวยงามมากๆ ในฤดูใบไม้ร่วง เมื่อต้นไม้ผลัดไปเป็นใบไม้แดงเต็มที่ สวนแห่งนี้จะมีการเปิดไฟประดับในตอนเย็น ทำให้ที่นี่มีบรรยากาศที่เยี่ยมสุดๆ ไปเลย

 

Northern Culture Museum (北方文化博物館)
ที่อยู่: 2-15-25 Soumi, Konan-ku, Niigata-shi, Niigata 950-0205
การเดินทาง: จากสถานี JR Niitsu (新津駅) ให้นั่งรถบัส S94 17 นาทีมาลงที่ป้าย Kamisomi Museum (上沢海博物館前) อีกเส้นทางหนึ่งคือจากสถานี JR Niigata (新潟駅) ให้นั่งรถบัส S94 45 นาทีมาลงที่ป้าย Kamisomi Museum (上沢海博物館前) จากนั้นเดินอีก 2 นาทีมาถึง Northern Culture Museum

 

ปิดท้าย

จังหวัดนีงาตะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยวิวฤดูใบไม้ร่วงสวยงามมากมาย และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสถานที่ที่ฉันแนะนำเท่านั้น  และยังมีสถานที่อีกมากมายที่รอคุณไปค้นพบในนีงาตะ คุณอยากจะไปเที่ยวที่ไหนในทริปต่อไปเอ่ย?

 

และเผื่อคุณยังไม่ได้เข้าไปดู คุณสามารถอ่านตอนที่ 1 ของซีรี่ส์ฤดูใบไม้ร่วงแห่งชินเอ็ทสึนี้ได้ โดยในบทความนี้ฉันได้แนะนำบางส่วนของจุดท่องเที่ยวฤดูใบไม้ร่วงที่โปรดของฉันในจังหวัดนากาโนะ!

 

JR EAST PASS (Nagano, Niigata area)

ตั๋ว JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) และพื้นที่ที่ครอบคลุม (เครดิตภาพ: JR East)

 

ถ้าคุณกำลังคิดเรื่องเที่ยวภูมิภาคชินเอ็ทสึอยู่ล่ะก็ ขอแนะนำ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) ตั๋ว Pass ราคาย่อมเยาที่ให้คุณนั่งรถไฟบนทางรถไฟของ JR East ได้อย่างไม่จำกัดเที่ยว (รวมถึงชินกันเซ็น) ในพื้นที่ที่ตั๋วครอบคลุมตลอดระยะเวลา 5 วันติดกัน ด้วยราคาเพียง 18,000 เยนเท่านั้น ตั๋วนี้จึงมีราคาถูกกว่าค่าเดินทางไป-กลับระหว่างโตเกียวและนีงาตะ (~21,500 เยน) คุณยังสามารถจองที่นั่งบนรถไฟชินกันเซ็น รถด่วนพิเศษบางขบวน และรถไฟ Joyful Train บนช่องทางออนไลน์ล่วงหน้านานถึง 1 เดือนได้ฟรีที่นี่

 

ตั๋ว JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) สามารถใช้กับประตูอัตโนมัติได้ และผู้ถือพาสปอร์ตต่างชาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นก็สามารถใช้ตั๋วนี้ได้ด้วย

 

เครดิตภาพปก: photoAC และ 新潟県観光協会
Translated by ANNGLE

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

Share this article:
TSC-Banner