Japan Rail Times
The
Rail Way
to Travel
Rail Travel

ตามล่าหา “เอกิเบ็น” ข้าวกล่องรถไฟของญี่ปุ่น

ตามล่าหา “เอกิเบ็น” ข้าวกล่องรถไฟของญี่ปุ่น

เอกิเบ็น (駅弁) เป็นสิ่งที่มีแค่ที่ญี่ปุ่นเท่านั้นเลยก็ว่าได้ และก็เลยดึงดูดความสนใจของคนทั่วโลกอย่างมากทีเดียว ชื่อมีความหมายว่า ‘ข้าวกล่องสถานีรถไฟ’ โดยคำว่า ‘เอกิ’ แปลว่า สถานีรถไฟ ส่วนคำว่า ‘เบ็น’ ย่อมาจาก เบ็นโตะ (弁当 ข้าวกล่อง) ซึ่งเอกิเบ็นส่วนใหญ่จะแตกต่างจากข้าวกล่องทั่วไปที่หาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ เพราะจะมีจำหน่ายในสถานีรถไฟเท่านั้น และบางทีก็วางจำหน่ายที่ เอกิเบ็นยะ (駅弁屋 ร้านข้าวกล่องสถานีรถไฟ) ที่ชานชาลาหรือแม้กระทั่งบนรถไฟเพื่อให้ผู้โดยสารที่เดินทางไกลๆ ได้กินรองท้องระหว่างทาง ญี่ปุ่นไม่เหมือนกับบางประเทศตรงที่เราสามารถทานอาหารบนรถไฟได้แบบไม่มีปัญหา ผู้โดยสารจึงสามารถรับประทานข้าวกล่องในระหว่างการเดินทางโดยรถไฟได้

 

ซุ้มขายเอกิเบ็น (ขวาสุด) ที่งานเอกิเบ็นยะมัตสึริ ในสถานีรถไฟโตเกียว (เครดิตรูปภาพ: JR East Foods Co., Ltd.)

 


ซุ้มขายเอกิเบ็นที่ชานชาลารถไฟ (เครดิตรูปภาพ: おぎのや/663highland/CC BY 2.5)

 

ในการเดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่นนั้น เอกิเบ็นถือเป็นความสนุกที่สุดอย่างหนึ่ง ในบทความนี้ผมจะแนะนำความเป็นมาของเอกิเบ็น ทั้งวัฒนธรรมและความหลากหลาย รวมถึงแนะนำเอกิเบ็นดังๆ ที่ทั้งชาวท้องถิ่นและชาวต่างชาติต่างหลงรักให้ได้รู้จักกัน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปสำรวจโลกของเอกิเบ็นกันเลยดีกว่า!

 

กำเนิดเอกิเบ็น

จุดเริ่มต้นของเอกิเบ็นเริ่มขึ้นในสมัยเดียวกับที่ญี่ปุ่นเริ่มพัฒนารางรถไฟสายแรกขึ้นมา ก่อนที่จะมีการเดินทางโดยรถไฟนั้น สิ่งที่มาก่อนเอกิเบ็นก็คือเบ็นโตะ (弁当) ที่มีประวัติยาวนานย้อนกลับไปในสมัยเอโดะ (江戸時代 เอโดะ จิได) ซึ่งวางจำหน่ายในโรงน้ำชาและโรงละครคาบุกิหรือโรงละครโน โดยมีชื่อเรียกในสมัยนั้นว่า มาคุโนอุจิ เบ็นโตะ  (幕の内弁当 ข้าวกล่องระหว่างการแสดง) ต่อมาเมื่อการเดินทางโดยรถไฟเริ่มแพร่หลาย เบ็นโตะที่รับประทานบนรถไฟก็ถูกเรียกว่าเอกิเบ็น และกลายเป็นที่นิยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

 

การขายเอกิเบ็นที่สถานีโยโคคาวะในอดีต (เครดิตรูปภาพ: おぎのや)

 

ความจริงแล้วกระแสความนิยมเอกิเบ็นเริ่มต้นขึ้นที่สถานีหนึ่ง นั่นคือสถานีโยโคคาวะ (横川駅 โยโคคาวะ เอกิ) ในจังหวัดกุนมะ (群馬県 กุนมะเค็น) ซึ่งมีเอกิเบ็นชื่อว่า โทโอเกะ โนะ คามะเมชิ (峠の釜めし) ที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้โดยสารรถไฟเป็นอย่างมาก สถานีนี้เคยเป็นสถานีกลางสำหรับผู้ที่จะเดินทางไปคารุอิซาวะ (軽井沢) บนทางรถไฟสายหลักชินเอ็ทสึ (信越本線 ชินเอ็ทสึ ฮนเซ็น) โดยจะต้องมีการเชื่อมต่อรถไฟกับหัวรถจักรดีเซลก่อนเพื่อให้รถวิ่งขึ้นเนินระหว่างโยโคคาวะกับคารุอิซาวะได้ ขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลา เพื่อไม่ให้เสียเวลาเปล่า จึงมีเอกิเบ็นจำหน่ายให้ผู้โดยสารที่ชานชาลานี้นั่นเอง!

 

พนักงานขาย (ซ้าย) และรถเข็นที่ใช้ขายโทโอเกะ โนะ คามาเมชิ (ขวา) (เครดิตรูปภาพ: おぎのや) 

 

แต่นับตั้งแต่มีการเปิดตัวนากาโนะชินกันเซ็น (長野新幹線) ในปี 1997 ทางสันเขาอุซุอิที่อยู่ใกล้ๆ ก็ปิดตัวลง ทำให้สถานีโยโคคาวะกลายเป็นสถานีปลายทาง ภาพของผู้คนที่มาซื้อเอกิเบ็นระหว่างรอการต่อรถไฟจึงเหลือเพียงแค่ความทรงจำ แต่ว่าก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังคงมาเที่ยวที่นี่หรือแม้แต่มาตามหาเอกิเบ็นด้วย

(เพิ่มเติม: ผมเขียนเกี่ยวกับทางสันเขาอุซุอิไว้ในบทความก่อนหน้า คุณสามารถตามไปอ่านได้ที่นี่)

 

แนวคิดล้ำๆ ฉบับเอกิเบ็น

เอกิเบ็นต้องเป็นแบบไหน? (เครดิตรูปภาพ: photoAC)

 

แม้ว่าคนทั่วไปจะเข้าใจว่าเอกิเบ็นก็คือข้าวกล่องที่ขายในสถานีรถไฟ แต่ว่าความจริงแล้วก็มีจุดสังเกตที่แตกต่างระหว่างข้าวกล่องประเภทนี้กับข้าวกล่องทั่วไปด้วยเช่นกัน กล่องและแพ็กเกจจิ้งหรือกระดาษที่ใช้ห่อเอกิเบ็นจะดูโดดเด่นสะดุดตา และเดิมทีจะจำหน่ายในสถานีรถไฟเฉพาะแห่งเท่านั้น ทำให้คนท้องถิ่นจำนานมากมีความคิดที่ว่า “ถ้าจะไปสถานีนี้ละก็ ต้องลองเอกิเบ็นท้องถิ่นของที่นั่น!”

 

โลโก้อย่างเป็นทางการของเอกิเบ็น (เครดิตรูปภาพ: JR East/Carissa Loh/Nazrul Buang)

 

นักท่องเที่ยวที่ช่างสังเกตจะเห็นโลโก้หนึ่งบนเอกิเบ็น (ดูภาพด้านบน) โลโก้นี้เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งชี้ว่าเอกิเบ็นนี้วางจำหน่ายที่สถานีรถไฟ JRโดยองค์กรที่ได้รับอนุญาต

 

เอกิเบ็นรุ่นบุกเบิก

หนึ่งในเอกิเบ็นชุดแรกๆ ที่วางจำหน่ายในญี่ปุ่นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 (เครดิตรูปภาพ: Ekiben Museum)

 

แม้ว่าเอกิเบ็นจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับการเดินทางโดยรถไฟ แต่ก็ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับเอกิเบ็นกล่องแรกที่ขายในสถานีรถไฟอย่างเป็นทางการ แต่ทฤษฎีที่มีคนกล่าวถึงมากที่สุดคือเอกิเบ็นชุดแรกวางจำหน่ายที่สถานีอุทสึโนมิยะ (宇都宮駅 อุทสึโนมิยะ เอกิ) โดยชิโรคิยะ (白木屋) โรงเตี๊ยมที่ให้สัมปทานโดยนิปปอนเรลเวย์  (日本鉄道 นิปปอน เททสึโด) บริษัทรถไฟเอกชนบริษัทแรกของญี่ปุ่น เอกิเบ็นดังกล่าวนี้ประกอบด้วยข้าวปั้น (おにぎりโอนิกิริ)  2 ลูก และหัวไชเท้าดอง (沢庵 ทาคุอัน) ห่อด้วยเปลือกไม้ไผ่ โดยวางจำหน่ายที่สถานีเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 1887

 

แพ็คเกจจิ้งแหวกแนว

ภาชนะใส่เอกิเบ็นแบบต่างๆ (เครดิตรูปภาพ: Ekiben Museum)

 

เอกิเบ็นนั้นมีมากมายหลายแบบจนทำให้หลายคนเลือกซื้อกันไม่ถูก ไม่ใช่แค่เมนูที่หลากหลาย รูปแบบแพ็กเกจจิ้งก็แตกต่างเช่นกัน! ผู้ผลิตเอกิเบ็นต่างทุ่มความคิดและความพยายามเพื่อให้มั่นใจว่าเอกิเบ็นของตนจะโดดเด่นที่สุด และต่อไปนี้คือวิธีการที่พวกเขาใช้เพื่อให้ผลงานของตัวเองออกมาเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

 

A) กระดาษห่อ

กระดาษที่ใช้ห่อเอกิเบ็นไม่ได้มีเพียงข้อมูลทั่วไปอย่างเช่นชื่อของเอกิเบ็น แหล่งผลิต และข้อความโน้ตเท่านั้น แต่ยังใช้ในการแนะนำและโปรโมทท้องที่นั้นๆ ด้วย (เช่น กระดาษห่อของเอบิเซ็นเรียวจิชาริ ที่ระบุอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดนีงาตะไว้) นี่เป็นวิธีที่ดีในการสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งบางคนถึงขั้นสะสมกระดาษห่อเหล่านี้ไว้เป็นที่ระลึกจากการขึ้นรถไฟเลยก็มี

 

B) กล่องบรรจุภัณฑ์

ใครว่ากล่องบรรจุภัณฑ์จะต้องเป็นแบบทั่วไปเท่านั้นละ? ผู้ผลิตเอกิเบ็นไม่ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการทำกระดาษห่อเท่านั้น แต่รวมถึงกล่องบรรจุภัณฑ์ด้วย บ้างก็ทำออกมาในดีไซน์แบบดั้งเดิม บ้างก็คิดนอกกรอบด้วยการใช้วัสดุที่แตกต่างหรือแม้กระทั่งผนวกรวมศิลปะเข้าไปด้วย (เช่น ดารุมะเบ็นโตะ ที่กล่องบรรจุมีรูปร่างหน้าตาเหมือนตุ๊กตาดารุมะ, ฮิปปะริดะโคเมชิ ที่ใช้ภาชนะดินเผารูปร่างเหมือนที่ดักปลาหมึก เป็นต้น) และแน่นอนว่าย่อมต้องมีนักสะสมเอกิเบ็นที่ตระเวนไปสถานีรถไฟนับไม่ถ้วนเพียงเพื่อที่จะตามเก็บกล่องบรรจุภัณฑ์เอกิเบ็นที่หายากและมีจำนวนจำกัดเหล่านี้

 

กินร้อนหรือกินเย็น?

เอกิเบ็นไม่เหมือนกับอาหารทั่วไปตรงที่มักจะรับประทานแบบเย็นๆ หรือที่อุณหภูมิห้อง (เครดิตรูปภาพ: Ekiben Museum)

 

เอกิเบ็นไม่เหมือนกับอาหารทั่วไปตรงที่จะจำหน่ายให้รับประทานกันแบบเย็นๆ หรือที่อุณหภูมิห้องได้เลย ซึ่งจริงๆ แล้วนี่คือพ้อยท์หลักเลย เพราะมันถูกออกแบบมาให้รับประทานทั้งอย่างนั้นโดยไม่จำเป็นต้องนำไปอุ่นก่อน! ดังนั้นความท้าทายหลักในการเตรียมเอกิเบ็นก็คือจะทำให้มั่นใจว่าจะสามารถรับประทานแบบเย็นๆ ได้โดยไม่มีผลต่อรสชาติโดยรวมได้อย่างไร ผู้ผลิตเอกิเบ็นใช้วิธีการต่างๆ ดังต่อไปนี้

 

① ส่วนผสมบางอย่างจะแข็งขึ้นเมื่อทิ้งไว้นานๆ ผู้ผลิตเอกิเบ็นบางรายจึงเลือกใช้วัตถุดิบที่จะยังคงความนุ่มอยู่แม้เวลาจะผ่านไประยะหนึ่งแล้ว วัตถุดิบเหล่านี้รวมถึงเนื้อสัตว์ ท็อปปิ้ง ไปจนถึงข้าวที่ใช้ในการปรุงสูตรลับของตัวเองขึ้นมา

② อาหารมันๆ ก็จะแข็งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปเช่นกัน ผู้ผลิตเอกิเบ็นจึงต้องแน่ใจว่าเอกิเบ็นของตนไม่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ หรือต้องพยายามเอาน้ำมันออกให้ได้มากที่สุด วิธีหนึ่งคือการต้มเนื้อบางประเภทแบบ double-boil เพื่อให้เนื้อนุ่มขึ้นและมันน้อยลง

③ อาหารมักจะสูญเสียรสชาติเมื่อเย็นลงตามเวลาที่ผ่านไป เอกิเบ็นจึงใช้เครื่องปรุงพิเศษและปรุงรสชาติให้เข้มข้นขึ้น การปรุงรสเนื้อมีความสำคัญมาก ผู้ผลิตเอกิเบ็นจำนวนมากจึงทำและใช้ซอสของตนเอง และในบางเจ้าก็ใช้ซอสที่มีรสเข้มขึ้นกว่าปกติหรือปรุงรสด้วยซอสซ้ำสองรอบ

④ เอกิเบ็นมักจะอัดแน่นด้วยข้าว วัตถุดิบหลากหลายอย่างรวมถึงท็อปปิ้งจนเต็มกล่อง การอัดจนแน่นจะทำให้เอกิเบ็นอยู่ตัว ทำให้มั่นใจได้ว่าอาหารข้างในจะไม่ผสมปะปนกัน

 

คัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดของภูมิภาค

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เอกิเบ็นได้ช่วยให้ของดีประจำท้องถิ่นในภูมิภาคต่างๆ ของญี่ปุ่น (特産品 โทคุซันฮิง) เป็นที่รู้จักมากขึ้น ญี่ปุ่นเป็นแหล่งรวมอาหารน่าทึ่ง ทำให้อาหารญี่ปุ่นเต็มไปด้วยของอร่อยที่หลากหลาย และเอกิเบ็นก็คือสิ่งที่แสดงให้เห็นของดีประจำแต่ละภูมิภาคได้เป็นอย่างดี เพราะผู้ผลิตเอกิเบ็นเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นที่บ่งบอกถึงรสชาติอันมีเอกลักษณ์ในพื้นที่นั้นๆ นั่นเอง

 

ความจริงแล้วทุกๆ ปีจะมีเอกิเบ็นใหม่ๆ ออกมาหลายร้อยแบบ และผู้คนก็ต่างพยายามตามหาข้าวกล่องที่อยากได้ที่สุด เพราะเอกิเบ็นส่วนใหญ่จะวางจำหน่ายเฉพาะในสถานีที่กำหนดเท่านั้น ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือมีแม้กระทั่งการแข่งขันเอกิเบ็นทัวร์นาเมนต์เพื่อเฟ้นหาเอกิเบ็นที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น และจัดแสดงของเด่นของดีประจำแต่ละภูมิภาค ยกตัวอย่างเช่น บริษัทรถไฟเจอาร์ตะวันออก (JR East) จะเป็นเจ้าภาพจัดงาน Ekiben Grand Prix (駅弁味の陣 เอกิเบ็น อะจิ โนะ จิน) เพื่อจัดแสดงเอกิเบ็นที่ดีที่สุดจากญี่ปุ่นตะวันออก

 

แผนที่เอกิเบ็นที่มีชื่อเสียงจากทั่วญี่ปุ่น (เครดิตรูปภาพ: Google Maps/Ekiben Museum/JR East)

 

ผมจะขอแนะนำเอกิเบ็นที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นส่วนหนึ่งโดยแบ่งตามภูมิภาคของรถไฟ JR (ไล่จากเหนือลงใต้) นะ

(หมายเหตุ: ราคาของเอกิเบ็นแต่ละรายการด้านล่างเป็นราคาโดยประมาณและอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ บรรจุภัณฑ์และส่วนประกอบในเอกิเบ็นอาจแตกต่างกันไปตามปี/รุ่น)

 

พื้นที่ JR Hokkaido (JR北海道)

คาคิเมชิ (かきめし)

สถานีหลัก: สถานี Akkeshi (厚岸駅)
ราคา: ~1,080 เยน

 

คาคิเมชิ (เครดิตรูปภาพ: Ekiben Museum)

 

เรามาเริ่มกันที่ภาคเหนือที่จังหวัดฮอกไกโด (北海道) ในเมืองอัคเคชิ (厚岸) ที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกสุดของจังหวัด เนื่องจากเป็นเมืองท่าที่หันหน้าออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้เมืองอัคเคชิรุ่งเรืองจากการเป็นท่าเรือประมงมาตั้งแต่สมัยเอโดะ โดยมีหอยนางรม (かき คากิ) เป็นของขึ้นชื่อ จึงไม่น่าแปลกใจที่เอกิเบ็นที่มีชื่อของเมืองนี้จะมีหอยนางรมเป็นไฮไลท์หลัก

 

คาคิเมชิ เป็นข้าวที่หุงในซุปหอยนางรม โรยด้วยสาหร่ายฮิจิกิ และท็อปปิ้งด้วยหอยนางรม หอยกาบ หอยแมลงภู่ และบัตเตอร์เบอร์ยักษ์แบบเน้นๆ  เอกิเบ็นชุดนี้เปิดตัวในปี 1960 และได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวจากรสชาติที่เข้มข้นและรสสัมผัสที่โดดเด่น วางจำหน่ายที่สถานี Akkeshi (厚岸駅 อัคเคชิเอกิ) บนทางรถไฟสาย Nemuro Line (根室線 เนมุโรเซ็น) ในจังหวัดฮอกไกโด

 

อิกะเมชิ (いかめし)

สถานีหลัก: สถานี Mori (森駅)
ราคา: ~780 เยน

อิกะเมชิ (เครดิตรูปภาพ: Ekiben Museum)

 

เอกิเบ็นชุดถัดไปของฮอกไกโดน่าจะเป็นเอกิเบ็นที่โดดเด่นมากที่สุดในภูมิภาคนี้ นักท่องเที่ยวสามารถลิ้มลองหนึ่งในเอกิเบ็นที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮอกไกโดได้ที่เมืองโมริ (森町 โมริมาจิ) อันเงียบสงบ ภายในกล่องข้าวประกอบด้วยหมึกญี่ปุ่น (マイカ ไมกะ) ยัดไส้ข้าวและข้าวเหนียว (อัตราส่วน 2:1) ที่นำไปเคี่ยวในซอสถั่วเหลือง เอกิเบ็นสุดพิเศษชุดนี้ได้รับการยกย่องจากรสชาติที่เรียบง่ายแต่ล้ำลึก และมักจะปรากฏในการแข่งขันเอกิเบ็นมากมายหลายงานเลย

 

อิกะเมชิเป็นหนึ่งในเอกิเบ็นที่ขายดีที่สุดของญี่ปุ่นมาตั้งแต่เปิดตัวในปี 1941 แม้ว่าจะจำหน่ายที่สถานี Mori (森駅 โมริเอกิ) บนทางรถไฟสายหลักฮาโกดาเตะ (函館本線 ฮาโกดาเตะฮนเซ็น) ในฮอกไกโดเป็นหลัก แต่ว่ายอดขายมากกว่า 95 เปอร์เซ็นต์นั้นมาจากการแข่งขันเอกิเบ็นและการจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า และเมื่อก่อนที่สถานีก็มักจะขายหมดเกลี้ยง

 

พื้นที่ JR East (JR東日本)

③ โทริเมชิ (鶏めし)

สถานีหลัก: สถานี Odate (大館駅)
ราคา: ~900 เยน

โทริเมชิ (เครดิตรูปภาพ: JR East)

 

ขยับลงจากฮอกไกโดมาที่ภูมิภาคโทโฮคุ เริ่มต้นที่จังหวัดอาคิตะ (秋田県 อาคิตะเคน) เมืองโอดาเตะ (大館) ในจังหวัดอาคิตะเป็นถิ่นที่อยู่ของฮิไนจิโดริ (比内地鶏 ไก่ฮิไน) ไก่ที่มีราคาแพงมากที่สุดพันธุ์หนึ่งของญี่ปุ่น จึงเป็นเหตุผลให้เอกิเบ็นของเมืองนี้ใช้เนื้อไก่นี้เป็นส่วนประกอบชูโรงนั่นเอง

(หมายเหตุ: ผมเขียนเกี่ยวกับฮิไนจิโดริเอาไว้ในบทความที่แล้ว อ่านได้ที่นี่เลย!)

 

เอกิเบ็นชุดนี้ประกอบด้วยข้าวอาคิตะโคมาจิ (あきたこまち) ที่หุงในน้ำซุปกระดูกไก่และซีอิ๊วขาว ท็อปปิ้งด้วยเนื้อไก่ฮิไนเปรี้ยวหวานและไข่หวาน พร้อมด้วยผักดองและของนึ่งเป็นเครื่องเคียง ตัวข้าวและเนื้อไก่มีรสหวานที่โดดเด่น ทำให้เอกิเบ็นนี้มีชื่อเสียงเรียงนามนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 1947

 

และที่สุดยอดมากๆ ก็คือ โทริเมชิได้รับรางวัลเกียรติยศสูงสุดของ 'Ekiben General' ที่งาน Ekiben Grand Prix สองครั้งในปี 2015 และ 2016 ว่ากันว่ามียอดขายมากถึง 470,000 ชุดในหนึ่งปีเลยทีเดียว! โทริเมชิเป็นความภาคภูมิใจของโอดาเตะและจังหวัดอาคิตะ และคนรักเอกิเบ็นไม่ควรพลาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเดินทางผ่านสถานีโอดาเตะ

 

④ อุนิเบ็นโตะ  (うに弁当)

สถานีหลัก: สถานนี Kuji (久慈駅)
ราคา: ~1,570 เยน

อุนิเบ็นโตะ (เครดิตรูปภาพ: Ekiben Museum)

 

คนรักหอยเม่น (うに อุนิ) คงต้องอยากแวะที่สถานี Kuji ในจังหวัดอิวาเตะ (岩手県 อิวาเตะเคน) เป็นแน่เพราะเอกิเบ็นตัวแทนของสถานีนี้อัดแน่นไปด้วยไข่หอยเม่นที่คลุมทั้งกล่องจนมิดโดยมีข้าวซ่อนอยู่ด้านล่าง มาพร้อมเลมอนและหัวไชเท้าดองฝานเป็นแผ่น

 

นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 1986 เอกิเบ็นนี้ก็ฮอตฮิตเป็นพิเศษจากหลายเหตุผลด้วยกัน โดยจะมีจำหน่ายเฉพาะช่วงที่ไม่ใช่ฤดูหนาว (เดือนเมษายน-ตุลาคม ยกเว้นวันจันทร์) ในจำนวนจำกัดต่อวันเท่านั้น ถือเป็นเอกิเบ็นที่ได้รับความนิยมสูงในหมู่นักท่องเที่ยว จึงต้องรีบหาซื้อให้ไวก่อนที่จะหมดเสียก่อน!

 

⑤ กิวตันเบ็นโตะ  (牛タン弁当)

สถานีหลัก: สถานี Sendai (仙台駅)
ราคา: ~1,100 เยน

กิวตันเบ็นโตะ (เครดิตรูปภาพ: Ekiben Museum)

 

เมื่อพูดถึงเซ็นได (仙台) เมืองที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดมิยางิ (宮城県 มิยางิเค็น) และภูมิภาคโทโฮคุแล้ว ผู้คนก็มักจะนึกถึงกิวตัน (牛タン) หรือลิ้นวัวย่าง อาหารเลิศรสและสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นเซ็นไดได้ดี เอกิเบ็นของเมืองนี้จึงมีกิวตันมาเป็นไฮไลท์ไปโดยปริยาย 

 

เอกิเบ็นชุดนี้ออกแนวเรียบง่าย มีแค่ลิ้นวัวย่างถ่าน 5-6 ชิ้นวางบนข้าว กับผักดองนิดหน่อยเป็นเครื่องเคียง แต่การได้รับประทานเอกิเบ็นนี้ช่างเป็นประสบการณ์ที่แสนพิเศษ และความลับก็อยู่ในภาชนะคายความร้อนที่สามารถนำไปอุ่นเพื่อให้รสชาติอร่อยมากขึ้นได้นั่นเอง

 

เอกิเบ็นนี้เปิดตัวในปี 1990 จึงยังจัดว่าเป็นน้องใหม่อยู่มาก ตัวเอกิเบ็นมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งทั้งหมดได้สร้างชื่อเสียงให้กับสถานี Sendai อย่างมาก สามารถหาซื้อเอกิเบ็นนี้ได้ที่โทโฮคุชินคันเซ็น (東北新幹線) และห้างสรรพสินค้าชั้นนำบางแห่งในโตเกียว ด้วยเอกิเบ็นกล่องนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินไปกับกิวตันไม่เฉพาะแค่ในเซนไดเท่านั้น แต่ในระหว่างการเดินทางสู่ตัวเมืองด้วย

 

ชาเกะฮาราโกะเมชิ (鮭はらこめし)

สถานีหลัก: สถานี Sendai (仙台駅)
ราคา: ~1,400 เยน

ชาเกะฮาราโกะเมชิ (เครดิตรูปภาพ: JR East)

 

หลายคนอาจจะแปลกใจว่ากิวตันไม่ได้เป็นตัวแทนของเซ็นไดเสมอไป เพราะก่อนจะมีกิวตันเบ็นโตะนั้น เอกิเบ็นอันดับหนึ่งของเมืองนี้คือชาเกะฮาราโกะเมชิ ซึ่งเป็นข้าวหน้าปลาและไข่ปลาแซลมอน โดยมีขึ้นเพื่อฉลองการเปิดสถานี Sendai เส้นทาง Tōhoku Shinkansen ที่สร้างขึ้นใหม่ระหว่างสถานี Omiya (大宮駅 โอมิยะเอกิ) และสถานี Morioka (盛岡駅 โมริโอกะเอกิ) ในปี 1982 และเริ่มวางจำหน่ายทั่วไปหลังจากนั้นเพียงสองปีในปี 1984 โดยเราสามารถหาซื้อเอกิเบ็นนี้ได้ที่สถานี Sendai เช่นเดียวกับกิวตันเบ็นโตะ

 

กิวนิคุโดมันนากะ (牛肉どまん中)

สถานีหลัก: สถานี Yonezawa (米沢駅)
ราคา: ~1,250 เยน

กิวนิคุโดมันนากะ (เครดิตรูปภาพ: JR East)

 

เมื่ออยู่ที่โยเนซาวะ (米沢) ให้กินเนื้อโยเนซาวะ (米沢牛 โยเนซาวะกิว) เมืองทางตอนใต้ของจังหวัดยามากาตะ (山形県 ยามากาตะเค็น) แห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องเนื้อโยเนซาวะในตำนาน ซึ่งเป็นหนึ่งในสามแบรนด์เนื้อวัวที่โด่งดังที่สุดในญี่ปุ่นร่วมกับเนื้อมัทสึซากะ (松阪牛 มัทสึซากะกิว) และเนื้อโกเบ (神戸牛 โกเบกิว) เพราะอย่างนี้เองเนื้อโยเนซาวะจึงมาอยู่ในเอกิเบ็นที่เป็นตัวเแทนของเมืองนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

(หมายเหตุ: ผมได้พูดถึงเนื้อโยเนซาวะในบทความก่อนหน้านี้ด้วย ตามไปอ่านได้ที่นี่!)

 

เอกิเบ็นนี้ประกอบด้วยเนื้อโยเนซาวะตุ๋นรสเผ็ดหวานและเนื้อสับ (牛そぼろ กิวโซโบโระ) โปะบนข้าวโดมันนากะ (どまん中) ที่ปลูกในท้องถิ่น เสิร์ฟพร้อมกับคามาโบโกะ ไข่หวาน และหัวไชเท้าดอง เป็นเมนูอาหารง่ายๆ ที่ผสมผสานสองสิ่งที่ดีที่สุดของโยเนซาวะคือ เนื้อวัวและข้าว นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 1993 เอกิเบ็นชุดนี้ก็ได้รับความนิยมอย่างมากในการแข่งขันเอกิเบ็นและห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ เสมอมา

 

ยังมีกิวนิคุโดมันนากะอีกหลากหลายรูปแบบ เช่น มิโซะ แกงกะหรี่ หรือแม้แต่บิบิมบับ ถึงแม้ว่าเดิมทีเอกิเบ็นนี้จะวางจำหน่ายที่สถานี Yonezawa (米沢駅 โยเนซาวะเอกิ) แต่ก็ยังหาซื้อได้ตามสถานที่ต่างๆ เช่น สถานี Tokyo (東京駅 โตเกียวเอกิ) และแหล่งช้อปปิ้งใหญ่ๆ อย่างเช่นห้างสรรพสินค้าเคโอ ในชินจูกุ เป็นต้น

 

โนริโนริเบ็น (海苔のりべん)

สถานีหลัก: สถานี Koriyama (郡山駅)
ราคา: ~1,000 เยน

โนริโนริเบ็นโตะรูปแบบหนึ่ง (เครดิตรูปภาพ: JR East)

 

โนริโนริเบ็น เป็นเอกิเบ็นประกอบด้วยวัตถุดิบอันเป็นแก่นแท้ของอาหารญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ตามชื่อเลย ส่วนประกอบหลักที่เป็นไฮไลท์ก็คือ โนริ (海苔 สาหร่าย) เอกิเบ็นนี้เป็นอาหารพิเศษจากเมืองโคริยามะ (郡山) ในจังหวัดฟุกุชิมะ (福島県 Fukushima-ken)

 

ข้างในกล่องประกอบด้วยข้าวที่ปลูกในท้องถิ่นห่อโนริ โรยด้วยสาหร่ายทะเลซึคุดานิ (佃煮) ปลาโอแห้งขูดฝอย และบ๊วยดองด้านบน มาพร้อมเครื่องเคียงได้แก่ รากโกโบ มันฝรั่งกุ้ง และอื่นๆ

 

⑨ เอบิเซ็นเรียวจิราชิ (えび千両ちらし)

สถานีหลัก: สถานี Niigata (新潟駅)
ราคา: ~1,380 เยน

เอบิเซ็นเรียวจิราชิ (เครดิตรูปภาพ: JR East)

 

นีงาตะ (新潟) เป็นเมืองที่หันหน้าออกทะเลญี่ปุ่นโดยตรง จึงมีชื่อเสียงเรื่องอาหารทะเลมาก และก็เป็นจังหวัดที่มีข้าวโคชิฮิคาริ (コシヒカリ) ที่ขึ้นชื่อด้วยเช่นเดียวกัน เอกิเบ็นประจำเมืองนี้จึงมีวัตถุดิบสองอย่างข้างต้นอยู่ในกล่องไปโดยปริยาย ภายในประกอบด้วยอาหารทะเลมากมาย ได้แก่ คาบายากิ (蒲焼) ปลาไหลย่าง ปลาหมึกแห้ง ปลาแชดหมักน้ำส้มสายชู (コハダ โคฮาดะ) และกุ้งนึ่งที่สอดไส้อยู่ระหว่างไข่เจียวด้านบนและข้าวที่ปลูกในท้องถิ่นด้านล่าง

 

เอบิเซ็นเรียวจิราชิถือเป็นเอกิเบ็นที่หรูหราด้วยราคาที่สูงกว่าเอกิเบ็นทั่วไป โดยสามารถหาซื้อได้ที่สถานี Niigata และสถานี Tokyo ในช่วงที่มีงานอิเวนต์พิเศษ

 

⑩ โทเกะ โนะ คามะเมชิ  (峠の釜飯)

สถานีหลัก: สถานี Yokokawa (横川駅)
ราคา: ~1,100 เยน

โทเกะ โนะ คามะเมชิ (เครดิตรูปภาพ: JR East)

 

ครั้งแรกที่ได้เห็นโทเกะ โนะ คามะเมชิ ไม่ว่าใครก็ต้องสะดุดตากับภาชนะดินเผาที่ดูแปลกตานี้ นี่คือหนึ่งในเอกิเบ็นที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น ชื่อนี้แปลว่า 'ข้าวปั้นดินเผาแห่งช่องเขา' ซึ่งก็มาจากภูมิประเทศที่เป็นภูเขาของภูมิภาคนี้ ประกอบด้วยข้าวกล้อง ไก่ หน่อไม้ รากโกโบ เห็ดหอม เกาลัด ปลาซาร์ดีน ไข่นกกระทา ขิงดอง และถั่วลันเตา เอกิเบ็นนี้วางจำหน่ายที่สถานีโยโคคาวะมาตั้งแต่ปี 1953

 

⑪ ดารุมะเบ็นโตะ  (だるま弁当)

สถานีหลัก: สถานี Takasaki (高崎駅)
ราคา: ~1,100 เยน

ดารุมะเบ็นโตะ (เครดิตรูปภาพ: JR East)

 

เมืองทาคาซากิ (高崎) ในจังหวัดกุนมะนั้นขึ้นชื่อเรื่องดารุมะ (達磨) ซึ่งเป็นตุ๊กตาแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่มีลักษณะกลวงและกลม ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เอกิเบ็นของเมืองจะมาในภาชนะที่มีรูปร่างเหมือนดารุมะ ดารุมะเบ็นโตะนั้นคล้ายกับโทเกะ โนะ คามะเมชิอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือเป็นหนึ่งในเอกิเบ็นที่โดดเด่นที่สุดในญี่ปุ่น และสองคือเป็นเอกิเบ็นที่นำเสนออาหารภูเขาของกุนมะด้วย เอกิเบ็นนี้ประกอบด้วยไก่ ไก่ฮาจิมัน (八幡) โรล ก้อนบุกแดงและดำ เห็ดหอม หน่อไม้ ผักภูเขาตุ๋น รากโกโบ มะเขือม่วง และเกาลัด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

 

ได้มีการทำดารุมะเบ็นโตะรุ่นพิเศษออกมา เช่น เบ็นโตะสีเขียวเพื่อฉลองการเปิดตัวนากาโนะ ชินคันเซ็นในปี 1997 เบ็นโตะสีขาวสำหรับโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 1998 หรือแม้แต่เวอร์ชั่นเฮลโลคิตตี้ในปี 2000

 

⑫ ชิอุไมเบ็นโตะ  (シウマイ弁当)

สถานีหลัก: สถานี Yokohama (横浜駅)
ราคา: ~860 เยน

ชิอุไมเบ็นโตะรูปแบบหนึ่ง  (เครดิตรูปภาพ: JR East)

 

เมืองโยโกฮาม่า (横浜) เป็นที่ตั้งของไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น (横浜中華街 โยโกฮาม่า จูกะไก) ดังนั้นจะมีอะไรดีไปกว่าการทำเอกิเบ็นสไตล์จีนให้เป็นตัวแทนของเมืองนี้กันละ อาหารจีนนั้นมีความหลากหลายสูง แต่เมนูหนึ่งที่โดดเด่นมากๆ ในญี่ปุ่นคือขนมจีบหรือ ชิอุไม ในเอกิเบ็นชุดนี้ คุณจะได้ข้าวที่มีรูปทรงกระบอกเหมือนฟางอัดก้อน กับชิอุไม (5-6 ชิ้น) ไก่ทอด คามาโบโกะ และไข่หวาน

 

วัตถุดิบในเอกิเบ็นนี้ถูกปรับเปลี่ยนหลายครั้งตั้งแต่ที่เปิดตัวในปี 1954 โดยเราสามารถหาซื้อได้ที่สถานี Yokohama รวมถึงสถานีรถไฟและห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองด้วย

 

พื้นที่ JR Central (JR東海)

⑬ อินาริซูชิ (稲荷寿司)

สถานีหลัก: สถานี Toyohashi (豊橋駅)
ราคา: ~580 เยน

อินาริซูชิ (เครดิตรูปภาพ: Ekiben Museum)

 

อินาริซูชิ จัดว่าเป็นหนึ่งในซูชิที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด ทำจากเป็นข้าวผสมน้ำส้มสายชูห่อด้วยเต้าหู้ทอดที่เรียกว่า อะบุระอะเกะ (油揚げ) โดยตั้งชื่อตามเทพเจ้าชินโตอินาริ เทพผู้มีสุนัขจิ้งจอกเป็นผู้ส่งสารที่ว่ากันว่าชอบเต้าหู้ทอด และรูปร่างของอินาริซูชิก็คล้ายกับหูจิ้งจอกด้วย เราสามารถพบกับเอกิเบ็นที่เต็มไปด้วยอินาริซูชินี้ได้ในเมืองโทโยฮาชิ (豊橋)

 

คนที่ซื้อครั้งแรกอาจรู้สึกว่าเอกิเบ็นนี้ออกจะดูเรียบง่ายเกินไปสักหน่อย แต่อย่าให้รูปลักษณ์ภายนอกหลอกคุณได้ เพราะมีคนที่บอกว่าเอกิเบ็นนี้เป็นหนึ่งในเอกิเบ็นที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว ถึงจะเรียบง่ายแต่ว่าลึกซึ้งนะ

 

⑭ กันโซะไทเมชิ (元祖鯛めし)

สถานีหลัก: สถานี Shizuoka (静岡駅)
ราคา: ~750 เยน

กันโซะ ไทเมชิ  (เครดิตรูปภาพ: Ekiben Museum)

 

สำหรับใครที่ชอบทานปลา ต้องไปที่สถานี Shizuoka (静岡駅 ชิสุโอกะเอกิ) เมืองนี้ภูมิใจนำเสนอปลาไท (鯛 ไท) เป็นดาวเด่นในเอกิเบ็น ในกล่องข้าวอัดแน่นด้วยปลาไทด้านบนและข้าวที่อยู่ด้านล่าง นี่คือหนึ่งในเอกิเบ็นที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นซึ่งเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1897

 

พื้นที่ JR West (JR西日本)

มาสุ โนะ ซูชิ (ますのすし)

สถานีหลัก: สถานี Toyama (富山駅)
ราคา: ~1,500 เยน

มาสุ โนะ ซูชิ (เครดิตรูปภาพ: Ekiben Museum)

 

ถ้าหากว่าคุณยังไม่จุใจกับเมนูปลา ก็มุ่งหน้าไปต่อกันที่สถานี Toyama (富山駅 โทยามะเอกิ) ที่มีปลาเทร้าท์ (ます มาสุ) เป็นของขึ้นชื่อประจำเมืองประจำจังหวัดกันเลย สำหรับใครที่ซื้อเป็นครั้งแรกจะต้องประหลาดใจแน่ๆ เพราะเอกิเบ็นนี้มาในถังไม้เลย เมื่อเปิดฝาออกจะพบกับปลาเทราท์ที่เต็มกล่องโดยมีข้าวอยู่ข้างใต้ที่ถูกห่อด้วยใบไผ่ท้ังหมด

 

เอกิเบ็นชุดนี้จัดว่าเป็นตัวเลือกที่หรูหราและได้รับคำชมมากมายจากผู้ที่ได้ลิ้มลอง และยังได้รับรางวัล 'Ekiben Master' (駅弁の達人 เอกิเบ็น โนะ ทัทสึจิน) ในปี 2004 ระหว่างแคมเปญท่องเที่ยว 'DISCOVER WEST' ของ JR West อีกด้วย

 

เอจิเซ็นคานิเมชิ (越前かにめし)

สถานีหลัก: สถานี Fukui (福井駅)
ราคา: ~1,300 เยน

เอจิเซ็นคานิเมชิ (เครดิตรูปภาพ: Ekiben Museum)

 

คุณชอบปูหรือเปล่า จุดหมายต่อไปคือสถานี Fukui ที่นักท่องเที่ยวจะพบกับเอกิเบ็นที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อปู เซ็ทนี้เปิดตัวเมื่อปี 1961 ประกอบด้วยข้าวที่หุงกับมันปูมิโสะ และเนื้อปูหิมะพูนๆ ซึ่งเป็นของดีประจำเมืองนี้

 

เอกิเบ็นแบบดั้งเดิมเซ็ทนี้เป็นหนึ่งในเอกิเบ็นท่ีได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น และอาจจะเป็นตัวแทนตัวเต็งเลยก็ได้ นักท่องเที่ยวต้องไม่ควรพลาดเอกิเบ็นเซ็ทนี้หากมีโอกาสได้ไปเที่ยวฟุกุอิในญี่ปุ่นตะวันตก

 

กันโซะคานิซูชิ  (元祖かにずし)

สถานีหลัก: สถานี Tottori (鳥取駅)
ราคา: ~1,280 เยน

กันโซะคานิซูชิ (เครดิตรูปภาพ: Ekiben Museum)

 

ถ้าเกิดว่ายังทานปูไม่จุใจ ก็ไปต่อกันที่สถานี Tottori (鳥取駅 Tottori-eki ทตโตริเอกิ) เลย จังหวัดและเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องปู แถมยังเป็นแหล่งกำเนิดเอกิเบ็นซูชิปูที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1952 อีกด้วย เพราะที่นี่มีปูให้ทานได้ตลอดทั้งปีจากการใช้เทคนิคการถนอมอาหารรูปแบบใหม่นั่นเอง

 

เอกิเบ็นชุดนี้ประกอบด้วยข้าวอินาบะผสมน้ำส้มสายชู โปะด้านบนด้วยเนื้อปูและไข่หวานมากมายเช่นเดียวกับเอกิเบ็นของจังหวัดฟุกุอิ และยังได้รับรางวัล 'Ekiben Master' ในปี 2004 ระหว่างแคมเปญการท่องเที่ยว 'DISCOVER WEST' ด้วย

 

ฮิปปาริดาโกะเมชิ (ひっぱりだこ飯)

สถานีหลัก: สถานี Nishi-Akashi (西明石駅)
ราคา: ~1,100 เยน

ฮิปปาริดาโกะเมชิ (เครดิตรูปภาพ: Ekiben Museum)

 

ที่สถานี Nishi-Akashi นักท่องเที่ยวจะพบกับเอกิเบ็นชนิดพิเศษที่มีชื่อว่า ฮิปปาริดาโกะเมชิ เอกิเบ็นนี้เปิดตัวในปี 1998 เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดสะพานอาคาชิไคเคียวอันงดงาม แต่หลังจากนั้นก็ได้รับการยอมรับในระดับประเทศเลยทีเดียว

 

เอกิเบ็นนี้มาในภาชนะเครื่องปั้นดินเผาสีน้ำตาลที่มีรูปร่างเหมือนกับดักปลาหมึกแบบดั้งเดิม ข้างในเป็นข้าวที่ปรุงรสด้วยซีอิ๊ว โดยมีปลาหมึกอากาชิตุ๋น ซูริมิเทมปุระ หน่อไม้ ปลาไหลคองเกอร์ เห็ดมัตสึทาเกะ แครอท และอื่นๆ อีกมากมายโปะอยู่ด้านบน โดยเป็นเอกิเบ็นที่ได้รับรางวัล 'Ekiben Master' ในปี 2004

 

ชาโมจิคาคิเมชิ (しゃもじかきめし)

สถานีหลัก: สถานี Hiroshima (広島駅)
ราคา: ~1,300 เยน

ชาโมจิคาคิเมชิ (เครดิตรูปภาพ: Ekiben Museum)

 

สถานีฮิโรชิม่าเป็นถิ่นของชาโมจิคาคิเมชิ เอกิเบ็นที่มีหอยนางรมเป็นวัตถุดิบพิเศษประจำท้องถิ่น เปิดตัวครั้งแรกในปี 1968 แพ็คเกจจิ้งมีรูปร่างเหมือนทัพพีตักข้าวสีแดง มาพร้อมข้าวที่หุงกับน้ำสต็อกหอยนางรม หอยนางรมต้ม หอยนางรมทอด หอยนางรมผสมมิโสะ ไข่หวาน และผักฮิโรชิม่าดอง เอกิเบ็นนี้มีจำหน่ายเฉพาะในช่วงฤดูหนาวตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงมีนาคมเท่านั้น เพราะเป็นฤดูกาลของหอยนางรมนั่นเอง

 

อานาโกะเมชิ (あなごめし)

สถานีหลัก: สถานี Miyajimaguchi (宮島口駅)
ราคา: ~2,200 เยน

อานาโกะเมชิ (เครดิตรูปภาพ: Ekiben Museum)

 

ปลาไหลคองเกอร์ (あなご อานาโกะ) ถือเป็นของดีประจำจังหวัดฮิโรชิม่าอีกอย่างหนึ่ง ที่สถานีมิยาจิมะกุจิ สถานีรถไฟที่เป็นประตูสู่มิยาจิมะ หนึ่งในจุดชมวิวสามแห่งที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น (日本三景 นิฮนซันเคอิ) นั้น นักท่องเที่ยวจะสามารถลิ้มลองอะนาโกะเมชิอันทรงคุณค่า ซึ่งประกอบด้วยปลาไหลย่างสไตล์คาบายากิมากมายที่ชุ่มฉ่ำด้วยซอสถั่วเหลืองซึ่งผ่านการย่างสามครั้ง แล้วนำมาวางเรียงบนข้าวที่หุงในน้ำสต็อกปลาไหลคองเกอร์อีกที

 

เอกิเบ็นชุดนี้เปิดตัวตั้งแต่ปี 1901 ทำให้เป็นหนึ่งในเอกิเบ็นที่เก่าแก่ที่สุด และแฟนๆ เอกิเบ็นรวมถึงผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็บอกว่านี่คือเอกิเบ็นที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว เนื่องจากเป็นเอกิเบ็นที่หรูหรา ทำให้มีราคาสูงกว่าเอกิเบ็นทั่วไป และก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่เอกิเบ็นนี้จะได้รับรางวัล 'Ekiben Master' ในปี 2004

 

พื้นที่ JR Shikoku (JR四国)

เซโตะ โนะ โอชิซูชิ (瀬戸の押寿司)

สถานีหลัก: สถานี Imabari (今治駅)
ราคา: ~1,400 เยน

เซโตะ โนะ โอชิซูชิรูปแบบหนึ่ง (เครดิตรูปภาพ: Ekiben Museum)

 

ต่อไปเราจะมุ่งหน้าไปยังชิโกกุ (四国) ซึ่งมีเอกิเบ็นเรือธงอยู่ที่สถานี Imabari ในจังหวัดเอฮิเมะ (愛媛県 เอฮิเมะเคน) โอชิซูชิ เป็นซูชิชนิดพิเศษที่ทำโดยการกดข้าวปั้นซูชิและส่วนผสมอื่นๆ ลงในกล่องหรือแม่พิมพ์ ที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้พบกับเอกิเบ็นที่แสดงให้เห็นสิ่งนั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

เซโตะ โนะ โอชิซูชิ เป็นเอกิเบ็นเรียบง่ายแต่ประณีตที่มีหน้าตาสวยดึงดูดสายตาและรสชาติที่น่าทึ่ง มาในภาชนะไม้รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ข้าวผสมน้ำส้มสายชู ใบไผ่ และปลากระพงที่จับได้สดๆ จากทะเลเซโตะใน (瀬戸内海 เซโตะ ไนไก) ที่อยู่ใกล้ๆ

 

พื้นที่ JR Kyushu (JR九州)

คาชิวะเมชิ (かしわめし)

สถานีหลัก: สถานี Orio (折尾駅)
ราคา: ~700 เยน

คาชิวะเมชิ (เครดิตรูปภาพ: Ekiben Museum)

 

และแล้วเราก็เดินทางมาถึงภูมิภาคคิวชู (九州) ทางตอนใต้ เริ่มต้นที่จังหวัดฟุกุโอกะ (福岡県 ฟุกุโอกะเค็น) สถานี Orio เป็นถิ่นกำเนิดของคาชิวะเมชิ ซึ่งได้รับการขนานนามจากแฟน ๆ ว่าเป็นเอกิเบ็นเนื้อไก่ที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น ประกอบด้วยข้าวที่หุงในน้ำซุปไก่ สาหร่ายสับ ไข่หวาน และเนื้อไก่ที่เรียกว่าคาชิวะ (かしわ)

 

แม้ว่าจะมีแหล่งกำเนิดที่สถานี Orio แต่ว่าเราก็ยังสามารถซื้อเอกิเบ็นนี้ได้ในสถานีรถไฟอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงบนทางรถไฟสายหลัก Kagoshima (鹿児島本線 คาโกชิมะฮนเซ็น) เช่น สถานี Yahata (八幡駅 ยาฮาตะเอกิ) และสถานี Kurosaki (黒崎駅 คุโรซากิเอกิ) เป็นต้นด้วย

 

อาริตะยากิคาเร (有田焼カレー)

สถานีหลัก: สถานี Arita (有田駅)
ราคา: ~1,890 เยน

อาริตะยากิคาเร (เครดิตรูปภาพ: Ekiben Museum)

 

คุณอาจคุ้นเคยกับแกงกะหรี่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว แต่เคยได้ยินเอกิเบ็นแกงกะหรี่ญี่ปุ่นหรือเปล่า? สถานีอาริตะในจังหวัดซากะ (佐賀県) เป็นที่ที่คุณสามารถลิ้มลองแกงอาริตะยากิสูตรพิเศษที่ใส่มาในภาชนะกระเบื้องเคลือบแบบอาริตะ พร้อมด้วยข้าวแกงเผ็ดกับเนื้อสับ แกงกะหรี่นี้ทำจากเครื่องเทศ 28 ชนิด อบในภาชนะกระเบื้องเคลือบ

 

อาริตะยากิคาเรเปิดตัวในปี 2007 และได้รางวัลที่ 1 ในงาน Kyushu Ekiben Ranking ครั้งที่ 7 เมื่อปี 2010 เอกิเบ็นนี้มีชื่อเสียงในหมู่คนรักเอกิเบ็นจากดีไซน์ที่แปลกใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรวมกับเครื่องชามกระเบื้องเคลือบอาริตะด้วย

 

㉔ เฮียะคุเน็น โนะ ทาบิโมโนกาตาริ คาเรอิงาวะ (百年の旅物語かれい川)

สถานีหลัก: สถานี Kareigawa Station (嘉例川駅)
ราคา: ~1,200 เยน

เฮียะคุเน็น โนะ ทาบิโมโนกาตาริ คาเรอิงาวะ (เครดิตรูปภาพ: Ekiben Museum)

 

และแล้วเรามาถึงจุดสิ้นสุดของการเดินทางที่ตอนใต้สุด ณ สถานี Kareigawa ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเอกิเบ็นที่มีชื่อเป็นบทกวีว่า เฮียะคุเน็น โนะ ทาบิโมโนกาตาริ คาเรอิงาวะ ซึ่งแปลว่า 'เรื่องราวของการเดินทาง 100 ปี: คาเรอิงาวะ' ที่เปิดตัวในปี 2004 เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัวคิวชูชินคันเซ็น (九州新幹線) ในปี 2004 และรถไฟด่วนพิเศษ ฮายาโตะ โนะ คาเสะ (はやとの風)

 

ตัวกล่องห่อหุ้มด้วยไม้ไผ่ ด้านในเป็นข้าวที่หุงกับเห็ดหอมและหน่อไม้ ซัตสึมะอาเกะ (薩摩揚げ ทอดมันปลาสไตล์คาโกชิมะ) คร็อกเก้ เห็ด และเห็ดหอมกับหน่อไม้ตุ๋น เอกิเบ็นนี้มักจะได้อยู่ในการจัดอันดับ Kyushu Ekiben Ranking (九州駅弁ランキング) โดย JR Kyushu อยู่เป็นประจำ ทุกปีจะติดอยู่ใน 5 อันดับแรก และขายได้มากถึง 6,000 กล่องในแต่ละปี

 

เอกิเบ็นนั้นมีหลากหลายรูปแบบและมีเอกิเบ็นใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ ทุกปี ทำให้ผู้คนต่างอยากที่จะค้นหาเอกิเบ็นใหม่ๆ อยู่เสมอ และการเพลิดเพลินไปกับเอกิเบ็นแสนอร่อยพร้อมชมทิวทัศน์ที่สวยงามจากหน้าต่างรถไฟก็เป็นประสบการณ์ที่ทุกคนคู่ควร! เอกิเบ็นทุกกล่องเต็มไปด้วยเสน่ห์อันงดงามและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น และเนื่องจากเราสามารถรับประทานอาหารบนรถไฟญี่ปุ่นได้ ข้าวกล่องเหล่านี้เป็นเหมือนเพื่อนร่วมทางที่ดีที่สุดเลย มาร่วมสร้างความทรงจำอันแสนวิเศษไปกับเอกิเบ็นที่น่าตื่นตาตื่นใจจากทั่วประเทศญี่ปุ่นกันเถอะ!

 

(คำแนะนำจากคนวงใน: หากคุณกำลังวางแผนไปตามหาเอกิเบ็นในภาคตะวันออกของญี่ปุ่นล่ะก็ JR EAST PASS จะเป็นตัวช่วยที่ดีมากๆ!)

 

JR EAST PASS (Tohoku area)

JR EAST PASS (Tohoku area) แบบใหม่ และพื้นที่ที่สามารถใช้ได้ (เครดิตรูปภาพ: JR East)

 

JR EAST PASS (Tohoku area) เป็นบัตรโดยสารราคาประหยัดที่ให้คุณขึ้นรถไฟสาย JR East รวมถึงรถไฟชินกันเซ็นในพื้นที่ที่ครอบคลุมได้ไม่จำกัดเป็นเวลา 5 วันติดต่อกัน ด้วยราคาเพียง 20,000 เยน ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้มาเที่ยวในภูมิภาคนี้ โดยผู้ถือบัตรโดยสารยังสามารถจองที่นั่งออนไลน์ได้ฟรีล่วงหน้าถึง 1 เดือน

 

หมายเหตุ: ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2021 เป็นต้นไป ได้มีการเปลี่ยนแปลงการใช้งานและราคาของ JR EAST PASS (Tohoku area) โปรดตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่

 

JR EAST PASS (Nagano, Niigata area)

JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) แบบใหม่ และพื้นที่ที่ใช้งานได้ (เครดิตรูปภาพ: JR East)

 

JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) เป็นบัตรโดยสารราคาประหยัดที่ให้คุณขึ้นรถไฟสาย JR East รวมถึงรถไฟชินกันเซ็นภายในพื้นที่ได้ไม่จำกัดเป็นเวลา 5 วันติดต่อกัน ด้วยราคาเพียง 18,000 เยน ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้มาเที่ยวในภูมิภาคนี้ โดยผู้ถือบัตรโดยสารยังสามารถจองที่นั่งออนไลน์ได้ฟรีล่วงหน้าถึง 1 เดือน

 

หมายเหตุ: ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2021 เป็นต้นไป ได้มีการเปลี่ยนแปลงการใช้งานและราคาของ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) โปรดตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม ที่นี่

 

เครดิตรูปภาพส่วนหัว: JR East/Carissa Loh
Translated by ANNGLE

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

Share this article:
TSC-Banner