ย้อนอดีตสู่「Night on the Galactic Railroad」และเทพนิยายเรื่องอื่นๆ ไปกับ SL Ginga
ออกเดินทางได้! SL Ginga (SL 銀河) เป็นรถไฟหัวรถจักรไอน้ำ (SL) หนึ่งในสองขบวนที่วิ่งในภูมิภาคโทโฮคุ รถไฟที่เปี่ยมด้วยมนต์ขลังขบวนนี้เองที่ทำให้นิยายคลาสสิกที่ทุกคนหลงรักเรื่อง “Night on the Galactic Railroad” (銀河鉄道の夜 กินกะ เททสึโด โนะ โยรุ) ของมิยาซาวะ เคนจิ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
เทพนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กหนุ่มที่ท่องไปในกาแลคซี่บนทางรถไฟอันน่าอัศจรรย์ และระหว่างทางเขาได้เรียนรู้ถึงความสุขและความหมายที่แท้จริงของชีวิต และก็เช่นเดียวกัน รถไฟ SL Ginga (SL 銀河) จะพาคุณท่องเที่ยวไปกับการเดินทางสุดมหัศจรรย์ผ่านย่านชนบทในจังหวัดอิวาเตะ (岩手県) พร้อมกับมอบความสุขให้แก่นักเดินทางและผู้คนที่ผ่านไปมา
กำเนิดรถไฟ SL Ginga
การตกแต่งด้านนอกรถไฟ SL Ginga (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
SL Ginga วิ่งบนทางรถไฟ JR สายคามาอิชิ (釜石線) ในจังหวัดอิวาเตะ โดยเป็นรถไฟที่ยกเครื่องจากรถไฟ C58 239 SL เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ปี 2011 (東日本大震災 ฮิงาชิ-นิฮน ไดชินไซ)
มิยาซาวะ เคนจิ เป็นชาวจังหวัดอิวาเตะ เขาได้รับการยกย่องจากคนในภูมิภาคฮานามากิ และ SL Ginga ก็วิ่งบนเส้นทางระหว่างสถานี JR ฮานามากิและสถานี JR คามาอิชิ ตัวรถไฟด้านนอกได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานของมิยาซาวะโดยทำเป็นกาแลคซีสีน้ำเงินเข้มที่ถูกแต่งแต้มด้วยหมู่ดาว
รถไฟ C58 239 SL ที่จัดแสดงอยู่ในสวนก่อนการบูรณะใหม่ (เครดิตรูปภาพ: JR East สาขาโมริโอกะ)
แรกเริ่มเดิมทีรถไฟ C58 239 SL ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1940 และปลดระวางในปี 1972 โดยได้รับการเก็บรักษาไว้ที่สวนสาธารณะประจำจังหวัด ที่ซึ่งรถไฟได้รับการทำนุบำรุงมานานหลายทศวรรษ การซ่อมแซมรถไฟให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้งนั้นต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ด้วยน้ำพักน้ำแรงของพนักงานรถไฟ ทำให้รถไฟขบวนนี้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่เป็น SL Ginga ในเดือนเมษายนปี 2014 และเปิดตัวท่ามกลางความยินดีของคนในชุมชน โดยรถไฟ SL Ginga ได้ฉลองครบรอบ 6 ปีในปี 2020 นี้เอง
อาสาสมัครท้องถิ่นอวยพรให้ผู้โดยสารรถไฟเดินทางโดยสวัสดิภาพ (เครดิตรูปภาพ: JR East สาขาโมริโอกะ)
รถไฟ SL Ginga ไม่เพียงแต่เชื่อมต่อคุณไปสู่จุดหมายปลายทางเท่านั้น ด้วยความที่เป็นรถไฟที่เกิดใหม่จากความรักและความฝันของผู้คนในโทโฮคุ ทำให้รถไฟขบวนนี้เชื่อมโยงถึงใจของผู้คนที่ได้พบเจอด้วยเช่นกัน เมื่อขึ้นรถไฟขบวนนี้ คุณจะได้เห็นและสัมผัสการต้อนรับที่อบอุ่นจากผู้คนในท้องถิ่นตลอดการเดินทาง ซึ่งจะทำให้คุณยิ้มไม่หุบและรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างแน่นอน
ด้านในรถไฟ SL Ginga
ด้วยความที่ฉันเป็นแฟนตัวยงของรถไฟแบบมีธีม ฉันจึงอยากนั่งรถไฟ SL Ginga มานานแล้ว แต่ว่าก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้นั่งสักที เพราะรถไฟขบวนนี้วิ่งไม่บ่อยนัก ในเดือนสิงหาคมปี 2019 ในที่สุดฉันก็ได้ขึ้นรถไฟที่ใครๆ ก็รักขบวนนี้ และนี่ก็คือประสบการณ์การนั่งรถไฟหัวรถจักรไอน้ำครั้งแรกของฉันค่ะ
ที่นั่งบนรถไฟ SL Ginga (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ทันทีที่ขึ้นรถไฟ SL Ginga ฉันก็รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ที่มิยาซาวะ เคนจิยังมีชีวิตอยู่ บรรยากาศของที่นั่งหุ้มกำมะหยี่สไตล์วินเทจ โครงเหล็ก และหน้าต่างกระจกสีในรถไฟจะทำให้คุณรู้สึกราวกับถูกคลื่นแห่งความหลังซัดเข้าใส่เลยทีเดียว
กลางทางเดินมีพรมสีแดงนำทางคุณไปยังที่นั่งอย่างเลิศหรู คุณสามารถเข้าไปชมการตกแต่งภายในรถไฟ SL Ginga แบบพาโนรามาเสมือนจริงได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ
ที่นั่งแบบกล่อง (boxed seat) ในรถไฟ SL Ginga (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ที่นั่งทั้งหมด 176 ที่ บนรถไฟทั้งสี่ตู้เป็นแบบกล่อง (boxed seats) สำหรับ 4 คน คุณจึงสามารถพูดคุยกับเพื่อนร่วมทางได้อย่างสะดวกสบาย ฉันเดินทางคนเดียว และได้นั่งกับคู่สามีภรรยาและลูกชายที่ชื่นชอบรถไฟค่ะ พวกเขากำลังเดินทางไปฮานามากิเพื่อพักผ่อนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ออนเซ็น (温泉) ครอบครัวนี้เห็นฉันเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็เลยเล่าเรื่อง “Night on the Galactic Railroad” แบบเข้าใจง่ายให้ฉันฟัง พร้อมทั้งแนะนำที่เที่ยวโปรดของพวกเขาในอิวาเตะให้ด้วย บางครั้งการเจอะเจอกันโดยบังเอิญก็สร้างเรื่องราวที่น่าจดจำให้กับทริปได้เหมือนกันค่ะ
กิจกรรมบนรถไฟ SL Ginga
รับประทานเอกิเบ็น
เพลิดเพลินไปกับเอกิเบ็นบนรถไฟ SL Ginga (เครดิตรูปภาพ: JR East)
สำหรับนักโดยสารรถไฟตัวยงแล้ว เอกิเบ็น (駅弁 ข้าวกล่องสำหรับรับประทานบนรถไฟ) ถือเป็นส่วนสำคัญของการนั่งรถไฟเลยทีเดียวค่ะ โดยทั่วไปมักจะหาซื้อได้ตามสถานีก่อนขึ้นรถไฟ ซึ่งเอกิเบ็นส่วนใหญ่จะใช้ส่วนผสมหรือเมนูอาหารเฉพาะที่มีจำหน่ายในภูมิภาคนั้นๆ ด้วยความที่ SL Ginga วิ่งในจังหวัดอิวาเตะ ทำให้เอกิเบ็นจำนวนมากประกอบด้วยอาหารทะเลที่ได้จากชายฝั่งซันริคุนั่นเอง
โชว์ท้องฟ้าจำลอง
ตั๋วชมโชว์ท้องฟ้าจำลอง (ซ้าย) และภายในท้องฟ้าจำลอง (ขวา) (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa (ซ้าย) and JR East (ขวา))
ตู้รถไฟที่ 1 เป็นท้องฟ้าจำลองที่เข้ากันกับธีมกาแลคซีของรถไฟ ซึ่งผู้โดยสารสามารถนั่งชมโชว์ท้องฟ้าจำลองสั้นๆ ได้ คุณรู้หรือเปล่าคะว่า SL Ginga เป็นรถไฟ Joyful Train ขบวนแรกที่มีท้องฟ้าจำลองเป็นของตัวเองเลยนะ ส่วนรถไฟขบวนที่สองคือ HIGH RAIL 1375 ซึ่งมีท้องฟ้าจำลองทรงโดม สำหรับฉันแล้วนี่คือไฮไลท์ที่ห้ามพลาดเลยเมื่อนั่งรถไฟ SL Ginga
เมื่อคุณเข้าไปข้างในท้องฟ้าจำลองแล้ว ห้องทั้งห้องก็จะมืดสนิทและการแสดงจะเริ่มขึ้น โดยมีการฉายกลุ่มดาวและดวงดาวนับพันบนเพดาน ฉับพลันนั้นเองฉันก็รู้สึกราวกับถูกส่งไปยังอวกาศ ในระหว่างการแสดงไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนการแสดงนะคะ
โชว์ท้องฟ้าจำลองไม่มีค่าใช้จ่าย แต่จำเป็นต้องมีตั๋ว (มาก่อนได้ก่อน) เมื่อขึ้นรถไฟมาแล้วให้คุณเดินไปที่รถไฟตู้ที่ 1 และขอรับตั๋วชมการแสดงจากพนักงานได้เลย เมื่อได้ตั๋วมาแล้วให้จดจำเวลาบนตั๋วเอาไว้ เวลาแรกเป็นเวลารวมตัว (ให้รวมกันด้านนอกท้องฟ้าจำลอง) ส่วนเวลาที่สองเป็นเวลาที่การแสดงจะเริ่ม
หอศิลป์มิยาซาวะ เคนจิ
หอศิลป์มิยาซาวะ เคนจิ บนรถไฟ SL Ginga (เครดิตรูปภาพ: JR East)
ทั่วทั้งขบวนรถไฟเป็นมินิแกเลอรี่ที่อุทิศให้กับมิยาซาวะ เคนจิและภูมิภาคโทโฮคุ โดยแบ่งเป็นธีมหลักๆ สามธีมที่เนรมิตให้โลกของมิยาซาวะมีชีวิตชีวาขึ้นมา มีโซนที่เกี่ยวกับ Ihatov ซึ่งเป็นเมืองในอุดมคติของมิยาซาวะที่เขาพูดถึงในบทกวีของเขา และมีสิ่งของที่เกี่ยวกับภูมิภาคโทโฮคุอันเป็นที่รักของมิยาซาวะจัดแสดงไว้ให้ชมด้วยค่ะ
จุดจัดแสดงหม้อโลหะนัมบุและมุมโหราศาสตร์ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ในรถไฟตู้ที่ 3 เป็นที่จัดแสดงหม้อโลหะนัมบุ โดยเครื่องโลหะนัมบุ (南部鉄器 นัมบุ เทกกิ) นั้นเป็นงานฝีมือโลหะแบบดั้งเดิมของจังหวัดอิวาเตะ ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในงานโลหะที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น ว่ากันว่าน้ำที่ต้มในหม้อโลหะนัมบุจะมีรสชาติอร่อยเป็นพิเศษจากเหล็กและแร่ธาตุที่ออกมาผสมกับน้ำ ตัวฉันเองยังไม่เคยลองดื่ม แต่ถ้าวันไหนที่ฉันสามารถซื้อเครื่องโลหะนัมบุได้แล้วละก็ ฉันจะลองชิมดูแล้วมาเล่าให้ฟังนะคะ!
ข้างๆ ท้องฟ้าจำลองในรถไฟตู้ที่ 1 มีมุมที่ทำขึ้นมาเพื่อคนรักโหราศาสตร์โดยเฉพาะ โดยมีคำทำนายดวงชะตาของมิยาซาวะอยู่ด้วย
กาชาปอง
ตู้กาชาปองในรถไฟ SL Ginga (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ในรถไฟตู้ที่ 2 มีมุมห้องสมุดเล็กๆ ที่คุณสามารถอ่านงานของมิยาซาวะ เคนจิได้ และนอกจากหนังสือแล้วก็มีตู้กาชาปอง (ตู้หมุนไข่) ที่เล่นได้ในราคาครั้งละ 100 เยนเท่านั้น ในไข่เป็นเข็มกลัดพร้อมคำคมจากงานเขียนของมิยาซาวะ เพราะเขาคนนี้ไม่ได้เป็นเพียงนักเขียนเท่านั้น แต่ยังเป็นนักปรัชญาที่นำอุดมการณ์ของตัวเองมาใส่ไว้ในผลงานด้วย
เข็มกลัดมีทั้งหมด 50 แบบด้วยกัน โดยที่แต่ละสีบ่งบอกถึงหมวดหมู่ของคำคมนั้นๆ ฉันลองเล่นไปสามครั้ง ได้สีเหลืองมาหนึ่งกับสีน้ำเงินเข้มอีกสอง สีน้ำเงินเข้มหมายถึงกาแลคซี และมีคำคมเกี่ยวกับกาแลคซี จักรวาล พระจันทร์ และดวงดาวค่ะ
ความทรงจำจากการเดินทางไปกับรถไฟ SL Ginga
โปสการ์ดที่ระลึก
โปสการ์ดท่ีระลึก (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ผู้โดยสารรถไฟ SL Ginga จะได้รับโปสการ์ดเป็นของที่ระลึก เมื่อได้มาแล้วให้คุณตรงไปที่รถไฟตู้ 4 เพื่อแสตมป์ด้านหลังการ์ดด้วยตราประทับแบบย้อนยุค! ที่ด้านหลังของโปสการ์ดยังมีภาพป้ายสถานีที่รถไฟ SL Ginga แวะจอดซึ่งได้รับการตกแต่งเป็นพิเศษอีกด้วยนะคะ
ของที่ระลึกและของขวัญ
ของที่ระลึกที่จำหน่ายบนรถไฟ SL Ginga (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ที่รถไฟตู้ 4 ยังเป็นที่ตั้งของร้านจำหน่ายของที่ระลึกด้วย คุณสามารถหาซื้อสินค้าสุดพิเศษในธีม SL Ginga กลับไปฝากครอบครัวและเพื่อนๆ (หรือซื้อให้ตัวเองก็ได้) มีทั้งแฟ้มขนาด A4 ลูกกวาด กระเป๋าหิ้ว พวงกุญแจ ปากกา และอื่นๆ อีกมากมาย
รูปถ่ายที่ระลึก
ของที่ระลึกจากการนั่งรถไฟ SL Ginga (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
นอกจากนี้พนักงานต้อนรับบนรถไฟจะเดินไปรอบๆ พร้อมกับหมวกคนขับรถไฟและป้ายที่เป็นพร็อพเพื่อให้คุณได้ภาพถ่ายที่ระลึกจากการเดินทางโดยรถไฟ SL Ginga อีกด้วย ฉันถ่ายรูปนี้และซื้อพวงกุญแจ SL Ginga มาเป็นของที่ระลึกค่ะ
ขนม SL Ginga ตามสถานีใหญ่ๆ
การคอลลาโบเรชั่นระหว่าง SL Ginga x คาโมเมะ โนะ ทามาโกะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
คาโมเมะ โนะ ทามาโกะ (かもめの玉子) น่าจะเป็นของฝากที่ดังที่สุดของจังหวัดอิวาเตะแล้วละค่ะ เป็นสปันจ์เค้กสอดไส้ถั่วขาวบดรสหวานเคลือบไวท์ช็อกโกแลตที่ทำให้มีรูปร่างเหมือนไข่นกนางนวล อันเป็นที่มาของชื่อขนมในภาษาญี่ปุ่นนั่นเอง
ในการคอลลาโบเรชั่นแบบพิเศษนี้ คุณอาจจะได้เห็นคาโมเมะ โนะ ทามาโกะ เวอร์ชั่น SL Ginga รุ่นลิมิเต็ทที่สอดไส้ช็อกโกแลตและเคลือบด้วยดาร์กช็อกโกแลตแทนแบบนี้ โดยมีเวอร์ชั่นที่มาในแพ็กเกจพิเศษรูปรถไฟด้วย!
อีกหนึ่งของฝากยอดนิยมจากจังหวัดอิวาเตะคือ นัมบุเซมเบ้ (南部せんべい) ซึ่งก็มีที่เป็นแบบลิมิเต็ทในเวอร์ชั่น SL Ginga ด้วยเช่นกัน
การถ่ายภาพรถไฟและการต้อนรับอย่างอบอุ่นที่สถานีมิยาโมริ
รถไฟ SL Ginga กำลังข้ามสะพานมิยาโมริงาวะ (เครดิตรูปภาพ: JR East)
รถไฟ SL Ginga วิ่งไม่บ่อยนัก และได้รับความนิยมจากแฟนๆ และคนรักรถไฟมากมายที่อยากจะถ่ายรูปรถไฟมากกว่านั่งรถไฟ จุดสวยงามและมีชื่อเสียงมากที่สุดในการถ่ายรูปรถไฟ SL Ginga อยู่ห่างจากสถานี JR มิยาโมริ (宮守駅) ประมาณ 700 เมตรโดยการเดิน จากจุดชมวิวนี้ คุณจะมองเห็นรถไฟแล่นข้ามสะพานมิยาโมริงาวะ (宮守川橋梁 มิยาโมริงาวะ เคียวเรียว) ซึ่งมีชื่อเล่นน่ารักๆ ว่า “สะพานแว่นตา” (メガネ橋 เมงาเนะบาชิ) จากรูปทรงของโค้งสะพานนั่นเอง
ภาพของไอน้ำที่พวยพุ่งออกมาจากรถไฟเมื่อแล่นข้ามสะพานโค้งช่างเป็นภาพที่น่าอัศจรรย์ พาให้คุณย้อนกลับไปสู่เรื่องราวในนิทานที่เคยอ่านสมัยเด็ก สำหรับแฟนๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์แล้วภาพนี้อาจจะทำให้นึกถึงรถไฟด่วนฮอกวอตส์ก็เป็นได้
ฝูงชนยืนต้อนรับรถไฟ SL Ginga ขณะกำลังแล่นข้ามสะพานมิยาโมริงาวะ (เครดิตรูปภาพ: JR East Morioka Branch)
คุณอาจจะคิดว่าคนที่มาปักหลักรอรถไฟวิ่งผ่านมีแต่ช่างภาพเท่านั้น แต่ความจริงแล้วคนส่วนใหญ่ที่มารอรถไฟทุกๆ วันคือคนในชุมชนทั้งนั้นเลยค่ะ พวกเขามารวมกลุ่มกันที่จุดชมวิวเพื่อรอโบกมือต้อนรับผู้มาเยือนด้วยความกระตือรือร้น!
แวะพักเติมพลังที่สถานีโทโนะ
ระหว่างทาง รถไฟ SL Ginga จะจอดที่สถานี JR โทโนะ (遠野駅) เป็นเวลา 1 ชั่วโมง เพื่อเติมน้ำกับถ่านหินและทิ้งขี้เถ้าทั้งหมดไป
รถไฟ SL Ginga กำลังเติมเชื้อเพลิงที่สถานีโทโนะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
รถไฟหัวรถจักรไอน้ำต้องใช้น้ำและถ่านหินปริมาณมากเป็นเชื้อเพลิงซึ่งต่างจากรถไฟฟ้าสมัยใหม่ โดยรถไฟ SL Ginga ต้องใช้น้ำถึง 34 ตันและถ่านหินมากถึง 4 ตันสำหรับการเดินทางไปกลับระยะทาง 251 กม. ซึ่งมากเกินกว่าที่รถไฟจะบรรทุกได้ ในเมื่อรถไฟไม่สามารถบรรทุกน้ำปริมาณมากให้เพียงพอตลอดการเดินทางได้ จึงต้องแวะจอดยาวๆ ที่สถานีโทโนะทั้งขาเข้าและขาออกของการเดินทางเพื่อเติมเชื้อเพลิง
รถไฟ SL Ginga ที่เติมเชื้อเพลิงที่สถานีโทโนะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
รถไฟจะจอดที่สถานีโทโนะนานกว่า 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว ดังนั้นอย่าพลาดโอกาสที่จะเข้าไปใกล้ๆ และจับตาดูเบื้องหลังการทำงานหนักเพื่อบำรุงรักษารถไฟหัวรถจักรไอน้ำกันด้วยนะคะ นี่เป็นภาพหาชมยากที่แฟนๆ รถจักรจะต้องร้องว้าวแน่นอน! คุณจะได้เห็นตู้รถไฟที่ถูกจับแยกออกจากกันและนำกลับมาพ่วงติดกันใหม่ในระหว่างที่เติมเชื้อเพลิงที่สถานีนี้ด้วยนะคะ
คนญี่ปุ่นที่หลงใหลรถไฟหัวรถจักรไอน้ำหลายๆ คนจะซื้อตั๋วทางเข้าพิเศษในราคา 150 เยนสำหรับเข้าไปด้านในสถานีโทโนะ ซึ่งพวกเขาจะสามารถผ่านเข้าไปที่ชานชาลาและเดินเข้าไปใกล้ๆ รถไฟ SL Ginga ได้แม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นรถไฟก็ตาม
เรียนรู้เกี่ยวกับนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่นที่โทโนะ
รูปปั้นกัปปะด้านนอกสถานีโทโนะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
โทโนะได้ชื่อว่าเป็นเมืองบ้านเกิดของนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่น ทั้งยังเป็นที่รู้จักกันดีจากเรื่องราวตำนานของวิญญาณและสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่มีต้นกำเนิดที่นี่
ดูเหมือนว่าสิ่งมีชีวิตที่มีชื่อมากที่สุดจะเป็นกัปปะ (河童) ที่กล่าวกันว่าเป็นอสูรกายที่อาศัยอยู่ในน้ำและชอบลักพาตัวเด็กมากิน นิทานเกี่ยวกับกัปปะถือเป็นเครื่องเตือนใจให้เด็กๆ ระวังตัวเมื่ออยู่ใกล้แหล่งน้ำ
ด้านในโทโนะ โมโนกาตาริ โนะ ยาคาตะ (เครดิตรูปภาพ: 岩手県観光協会)
ตำนานและเรื่องเล่าท้องถิ่นของโทโนะถูกบอกเล่าต่อกันมาแบบปากต่อปากแทบทั้งสิ้น จนกระทั่งได้มีการรวบรวมและตีพิมพ์เป็นหนังสือ “ตำนานแห่งโทโนะ” (遠野物語 โทโนะ โมโนกาตาริ) ในปี 1910 ว่ากันว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนึ่งในคอลเล็กชันนิทานพื้นบ้านเล่มแรกๆ ของญี่ปุ่น ซึ่งคุณสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องราวที่ถูกกล่าวถึงได้ที่ โทโนะ โมโนกาตาริ โนะ ยาคาตะ (とおの物語の館) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่เปลี่ยนนิทานอันมีคุณค่าเหล่านี้ให้มีชีวิตผ่านวิดีโอ การเล่าเรื่องสด รูปปั้น และงานนิทรรศการ แนะนำให้คุณแวะไปเยี่ยมชมที่นี่ระหว่างที่รอรถไฟเติมเชื้อเพลิง เพราะพิพิธภัณฑ์อยู่ห่างจากสถานีโทโนะเพียงนิดเดียวเท่านั้นค่ะ
โทโนะ โมโนกาตาริ โนะ ยาคาตะ (とおの物語の館)
ที่ตั้ง: 2-11 Chūō-dōro, Tōno, Iwate 028-0523 (จูโอ-โดริ, โทโนะ, อิวาเตะ 028-0523)
การเดินทาง: เดิน 8 นาทีจากสถานี JR โทโนะ
เวลาทำการ: 9:00–17:00 น.
ค่าเข้า: 510 เยน
การอำลาและต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ที่ฮานามากิและคามาอิชิ
การแสดงอำลา ชิชิ โอโดริ ที่สถานีฮานามากิ (เครดิตรูปภาพ: JR East)
ถ้าคุณขึ้นรถไฟ SL Ginga จากสถานีฮานามากิซึ่งเป็นสถานีเริ่มต้น หรือลงรถที่สถานีคามาอิชิในวันเสาร์แล้วละก็นับว่าเป็นโชคของคุณเลยค่ะ เพราะที่สถานีฮานามากิจะมีการแสดงที่เรียกว่า ชิชิ โอโดริ (鹿踊り กวางเต้นรำ) ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงแบบดั้งเดิมของฮานามากิเพื่ออำลาคุณอย่างยิ่งใหญ่ ส่วนที่สถานีคามาอิชิจะมีการแสดงโทระมาอิ (虎舞 เสือเต้นรำ) เพื่อต้อนรับคุณ การแสดงเหล่านี้จัดโดยอาสาสมัครท้องถิ่น เทศบาลเมือง และคณะกรรมการการท่องเที่ยว ที่กระตือรือร้นในการต้อนรับคุณสู่เมืองของพวกเขาอย่างที่สุด
ผ่อนคลายไปกับออนเซ็นที่ฮานามากิ
สวนกุหลาบและออนเซ็นที่ฮานามากิ ออนเซ็น (เครดิตรูปภาพ: Hotel Hanamaki)
ฮานามากิ ออนเซ็น (花巻温泉) ที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาตินั้นมีชื่อเสียงที่สุดเรื่องบ่อออนเซ็นกลางแจ้ง (露天風呂 โรเทมบุโระ) สวนดอกกุหลาบสวยๆ และนาฬิกาแดดแปลงดอกไม้ที่ออกแบบโดยมิยาซาวะ เคนจิ ฤดูที่ดอกกุหลาบบานจะอยู่ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน และบางโรงแรมก็จะมีอ่างอาบน้ำกุหลาบด้วย คุณสามารถเดินทางไปหมู่บ้านออนเซ็นได้ง่ายๆ จากทั้งสถานี JR ฮานามากิ และสถานี JR ชิน-ฮานามากิ
ฮานามากิ ออนเซ็น (花巻温泉)
ที่ตั้ง: 1-125 Yumoto, Hanamaki-shi, Iwate 025-0304 (1-125 ยูโมโตะ, ฮานามากิ-ชิ, อิวาเตะ)
การเดินทาง: นั่งชัทเทิลบัสฟรี (20 นาที) จากสถานี JR ชิน-ฮานามากิสำหรับแขกที่เข้าพัก หรือโดยสารรถบัสท้องถิ่นจากสถานี JR ฮานามากิ ใช้เวลา 20 นาที
สำรวจโลกของมิยาซาวะ เคนจิ ที่ชิน-ฮานามากิ
Miyazawa Kenji Fairy Tale Village (เครดิตรูปภาพ: 岩手県観光協会)
สำหรับใครที่เป็นแฟนผลงานของมิยาซาวะ เคนจิ ต้องไม่พลาดไปชมสองสถานที่นี้ ซึ่งเดินทางไปได้ง่ายๆ จากสถานี JR ชิน-ฮานามากิ (新花巻駅) นั่นคือ Miyazawa Kenji Fairy Tale Village (宮澤賢治童話村 มิยาซาวะ เคนจิ โดวะ มุระ) ที่นี่คุณจะได้ดื่มด่ำไปกับโลกแห่งเทพนิยายของมิยาซาวะ หมู่บ้านนี้สร้างเป็นสี่โซนตามผลงานของเขาเพื่อนำเสนอตัวละครและฉากต่างๆ จากนิยาย
Miyazawa Kenji Fairy Tale Village (宮澤賢治童話村)
ที่ตั้ง: 26-19 Takamatsu, Hanamaki-shi, Iwate 025-0014 (26-19 ทาคามัตสึ, ฮานามากิ-ชิ, อิวาเตะ 025-0014)
การเดินทาง: จากสถานี JR ชิน-ฮานามากิ นั่งรถบัส 2 นาที ไปลงที่ป้าย Miyazawa Kenji Kinen-kan จากนั้นเดินอีก 2 นาทีก็จะถึง Fairy Tale Village
เวลาทำการ: 8:30–16:30 น.
พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์มิยาซาวะ เคนจิ (เครดิตรูปภาพ: 岩手県観光協会)
ถ้าคุณอยากทราบเรื่องราวเกี่ยวกับมิยาซาวะเพิ่มเติม ก็สามารถไปที่พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์มิยาซาวะ เคนจิ (宮澤賢治記念館 มิยาซาวะ เคนจิ คิเนนคัง) เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับไอเดียและจินตนาการของเขาได้
Miyazawa Kenji Memorial Museum (宮澤賢治記念館)
ที่ตั้ง: 1 Chiwari-1-36 Yasawa, Hanamaki-shi, Iwate 025-0011 (1 ชิวาริ-1-36 ยาซาวะ, ฮานามากิ-ชิ, อิวาเตะ 025-0011)
การเดินทาง: จากสถานี JR ชิน-ฮานามากิ นั่งรถบัส 2 นาที ไปลงที่ป้าย Miyazawa Kenji Kinen-kan แล้วเดินต่ออีก 10 นาที
เวลาทำการ: 8:30–17:00 น.
ค่าเข้า: 350 เยน
การท่องเที่ยวไปกับ SL Ginga
การเดินทาง
รถไฟ SL Ginga วิ่งระหว่างสถานี JR ฮานามากิ (花巻駅) และสถานี JR คามาอิชิ (釜石駅) บนทางรถไฟ JR สายคามาอิชิ (釜石線)
การเดินทางที่น่าจดจำกำลังรอคุณอยู่บนรถไฟ SL Ginga (เครดิตรูปภาพ: JR East Morioka Branch)
เนื่องจาก SL Ginga ต้องใช้เชื้อเพลิงปริมาณมากในการขับเคลื่อน รถไฟจึงจะวิ่งเพียงเที่ยวเดียวต่อวัน และมักจะวิ่งในวันหยุดสุดสัปดาห์เป็นส่วนใหญ่ โดยปกติแล้วรถไฟ SL Ginga จะเดินทางออกจากสถานี JR ฮานามากิ ไปยังสถานี JR คามาอิชิ ในวันเสาร์ และจะเดินทางกลับจากสถานี JR คามาอิชิ ไปยังสถานี JR ฮานามากิในวันถัดไป
คุณสามารถตรวจสอบตารางเวลาและกำหนดการเดินรถไฟได้ที่นี่ ที่นั่งบนรถไฟทุกที่นั่งจำเป็นต้องจองล่วงหน้า โดยสามารถสำรองที่นั่งได้ที่นี่
จากโมริโอกะ:
- หากมาจากโมริโอกะ คุณสามารถโดยสารรถไฟโทโฮคุชินคันเซ็นจากสถานี JR โมริโอกะ (盛岡駅) ไปยังสถานี JR ชินฮานามากิ (新花巻駅) โดยใช้เวลาเพียง 10 นาที
จากโตเกียว:
- หากมาจากโตเกียว คุณสามารถโดยสารรถไฟโทโฮคุชินคันเซ็นจากสถานี JR โตเกียว (東京駅) ไปยังสถานี JR ชินฮานามากิ (新花巻駅) โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
JR EAST PASS (Tohoku area)
ตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) แบบใหม่และพื้นที่ที่ตั๋วครอบคลุม (เครดิตรูปภาพ: JR East)
ถ้าคุณมีแพลนเที่ยวภูมิภาคโทโฮคุ เราขอแนะนำ JR EAST PASS (Tohoku area) ตั๋ว Pass ราคาย่อมเยาที่ปลดล็อคการเดินทางด้วยรถไฟแบบไม่จำกัดในเส้นทาง JR East (รวมถึงชินกันเซ็นด้วย) โดยคุณสามารถนั่งรถไฟรอบโทโฮคุได้เป็นเวลา 5 วันติดกัน ด้วยราคาเพียง 20,000 เยน ตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) สามารถช่วยคุณประหยัดค่าโดยสารรถไฟได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้คุณยังสามารถจองที่นั่งบนรถชินกันเซ็น รถด่วนพิเศษบางขบวน และ Joyful Train ล่วงหน้าได้นานถึง 1 เดือนผ่านช่องทางออนไลน์ที่นี่ได้ฟรี ตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) สามารถใช้งานได้กับประตูอัตโนมัติ และผู้ถือพาสปอร์ตต่างประเทศที่พำนักอยู่ในญี่ปุ่นก็สามารถใช้ตั๋ว Pass นี้ได้เช่นกัน
หมายเหตุ: ความเปลี่ยนแปลงในข้อกำหนดและราคาของตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2021 เป็นต้นไป อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
เครดิตรูปภาพส่วนหัวบทความ: JR East
Translated by ANNGLE