Japan Rail Times
The
Rail Way
to Travel
Rail Travel

ท่องยามากาตะด้วย Toreiyu Tsubasa ชินคันเซ็นที่มาพร้อมกับออนเซ็นเท้าสุดฟิน!

ท่องยามากาตะด้วย Toreiyu Tsubasa ชินคันเซ็นที่มาพร้อมกับออนเซ็นเท้าสุดฟิน!

ในฐานะคนรักออนเซ็น หนึ่งใน Joyful Train ที่ฉันชอบที่สุดคือ Toreiyu Tsubasa (とれいゆつばさ) รถไฟชินกันเซ็นที่โดดเด่นด้วยออนเซ็นเท้า (足湯 ashiyu) ซึ่งเป็นออนเซ็นสำหรับแช่เท้าโดยเฉพาะ รถไฟ Joyful Train ขบวนนี้วิ่งบนเส้น Yamagata Shinkansen และมีคอนเซ็ปต์คือการนำเสนอจังหวัดยามากาตะที่มีชื่อเสียงในฐานะเมืองออนเซ็น ไม่ว่าจะเป็น Ginzan Onsen, Tendo Onsen, Kaminoyama Onsen และอีกมากมาย เพียงปรับแผนทริปเล็กน้อย เราก็สามารถทำให้ทริปจังหวัดยามากาตะสนุกขึ้นได้ด้วยการเพิ่ม Toreiyu Tsubasa เข้าไป เรามาดูตัวอย่างทริปกันเลย!

 

 

Toreiyu Tsubasa ในฤดูกาลต่างๆ (เครดิตรูปภาพ: JR East)

 

ถ้าพูดถึงญี่ปุ่น อย่างแรกที่คุณอาจจะนึกถึงในทันทีคือออนเซ็น (温泉บ่อน้ำพุร้อน) และคนญี่ปุ่นก็เป็นชนชาติหนึ่งที่รักการเที่ยวออนเซ็นเป็นชีวิตจิตใจ วัฒนธรรมนี้มีรากมาจากวัฒนธรรมที่เรียกว่าโทจิ (湯治 การรักษาด้วยการอาบน้ำ) ที่มีความเชื่อว่าการแช่ออนเซ็นเป็นเวลานานสามารถช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยได้ ทุกวันนี้การแช่ออนเซ็นกลายเป็นวิธีหนึ่งในการช่วยเยียวยาร่างกายหรือจิตใจที่เหนื่อยล้า ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และทำให้ผิวพรรณสวยขึ้น รถไฟ Toreiyu Tsubasa นี้ เป็นรถไฟที่เปิดโอกาสให้สัมผัสการแช่ออนเซ็นขณะเดินทาง ด้วยการยกอ่างแช่เท้าและห้องรับรองแบบออนเซ็นแท้ๆ มาไว้บนรถไฟ! นอกจากนี้ เรายังสามารถเพลิดเพลินไปกับวิวสวยงามในแต่ละฤดูนอกหน้าต่างรถไฟได้ จากภาพวิวทุ่งหญ้าสีเขียวสดชื่นในฤดูร้อน เปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามในฤดูใบไม้ร่วง และสีขาวของหิมะที่ปกคลุมทุ่งในฤดูหนาว การแช่ออนเซ็นเท้าบน Toreiyu Tsubasa เป็นประสบการณ์ที่ผ่อนคลายอย่างลืมไม่ลง ซึ่งขอแนะนำให้ได้มาลองสัมผัสประสบการณ์นี้เป็นอย่างยิ่ง

 

ภายในขบวนรถ Toreiyu Tsubasa ที่ตกแต่งสีสันสดใสและนั่งสบาย (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ทันทีที่ขึ้นมาบนขบวนรถ อย่างแรกที่เราจะเห็นเลยคือเบาะนั่งที่บุด้วยเสื่อทาทามิและเบาะพิงสีแดงสด นอกจากนี้ เบาะรองนั่งสีน้ำเงินที่เพิ่งถูกออกแบบใหม่นี้ก็ยังมีลวดลายที่สะท้อนความเป็นจังหวัดยามากาตะ ไม่ว่าจะเป็นโชงิ (将棋 หมากรุกญี่ปุ่น) ลูกเชอร์รี่ (ผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดยามากาตะ) และหมวกเทศกาลฮานะกาสะ (เทศกาลฤดูร้อนที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดยามากาตะ) ที่สำคัญ ที่นั่งทาทามิบนนี้ยังนั่งสบายอย่างไม่น่าเชื่อ และในขบวนรถมีพื้นที่กว้างขวางสำหรับวางเก็บสัมภาระของเราอีกด้วย ดังนั้น ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีแพลนเดินทางบนทางรถไฟสาย Yamagata Shinkansen ลองให้ Toreiyu Tsubasa เป็นทางเลือกใหม่ที่เข้ามาแทนการนั่งชินกันเซ็นทั่วไปดูนะคะ

 

ผ่อนคลายไปกับออนเซ็นเท้าบนขบวนรถไฟ

บรรยากาศพักผ่อนไปกับออนเซ็นเท้า! (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

สำหรับฉันและผู้โดยสารคนอื่นๆ แล้ว ไฮไลท์อันดับหนึ่งของการขึ้น Toreiyu Tsubasa คือออนเซ็นเท้าที่ให้บรรยากาศเหมือนได้ทำสปาแบบย่อมๆ และเป็นออนเซ็นที่ให้เราผ่อนคลายไปกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่าง ตัวออนเซ็นเท้าเป็นอ่างน้ำร้อนสีแดงชาดที่ตกแต่งด้วยไม้ อย่างไรก็ตาม ตู้รถออนเซ็นเท้าที่ดูดีมีสไตล์นี้เปิดให้ผู้โดยสารทุกคนแช่ได้ตามอัธยาศัยเฉพาะก่อนรถไฟเดินทางออกจากสถานีต้นทางเท่านั้น (สถานี Fukushima หรือ Shinjo) ดังนั้น ถ้าจะถ่ายรูปแช่ออนเซ็นเท้าเก๋ๆ แบบนี้ก็ต้องรีบถ่ายก่อนรถไฟออกนะคะ เมื่อรถไฟออกจากสถานีต้นทางแล้ว ออนเซ็นเท้าจะเปิดให้เฉพาะผู้โดยสารที่จองคิวไว้ได้เข้าเท่านั้น

 

จองคิวแช่ออนเซ็นเท้า แล้วมาสำรวจตู้รถออนเซ็นเท้ากัน (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

แล้วเราจะจองคิวแช่ออนเซ็นเท้าได้อย่างไรบ้าง? เราสามารถซื้อตั๋วจองแช่ออนเซ็นเท้าบนรถได้ที่เคาน์เตอร์ในราคา 450 เยนต่อคน โดยตั๋วจะขายในแบบใครมาก่อนได้ก่อน ในแต่ละตู้รถจะมีจอทีวีที่ฉายให้ดูว่ามีช่วงเวลาไหนที่ออนเซ็นยังว่างอยู่บ้าง ซึ่งมีเป็นภาษาอังกฤษสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วย แต่เราไม่จำเป็นต้องไปจองด้วยตัวเองก็ได้ แค่ส่งเพื่อนหรือใครสักคนในกลุ่มของเราไปที่เคาน์เตอร์เพื่อบอกพนักงานว่าเราอยากจองคิวออนเซ็นในช่วงเวลาไหนและมากันกี่คนเท่านั้นเอง

 

มาแช่เท้าในออนเซ็นกันอีกรอบ! (เครดิตรูปภาพ: JR East / Akio Kobori)

 

ในแต่ละครั้ง เราสามารถแช่ออนเซ็นเท้าได้ 15 นาที และออนเซ็นสามารถรองรับผู้โดยสารได้ทีละ 8 คน ในตู้รถออนเซ็นจะมีอ่างแช่ทั้งหมด 2 อ่างที่หันหน้าเข้าหาหน้าต่างแต่ละฝั่งของชบวนรถ และสามารถรับผู้โดยสารได้อ่างละ 4 คน เราสามารถเข้าไปในตู้รถในช่วง 10 นาทีก่อนจะถึงคิวของเราเพื่อเตรียมรอลงแช่ ระหว่างนั้นเราสามารถนั่งรอบนโซฟานุ่มสบายที่ทำจากไม้ของท้องถิ่นเทนโดได้ แล้วถอดรองเท้าและถุงเท้าใส่ถุงที่เตรียมไว้ให้ พอถึงเวลา ก็หย่อนเท้าลงแช่ได้เลย (หมายเหตุ: เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องรักษา Social Distancing เพื่อป้องกัน COVID-19 ออนเซ็นจึงมีมาตรการลดจำนวนผู้โดยสารโดยเปิดให้เข้าได้ครั้งละ 4 คนเท่านั้น จนกว่าจะมีการปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม)

 

วิวจากตู้รถออนเซ็นเท้า (ซ้าย) และผ้าขนหนูที่ระลึก (ขวา) (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ระหว่างผ่อนคลายไปกับการแช่เท้า เราสามารถเพลิดเพลินไปกับวิวที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ นอกหน้าต่างได้! ที่สำคัญ ตั๋วแช่ออนเซ็นเท้านี้ยังมาพร้อมกับของแถมคือผ้าขนหนูและกระเป๋าลายพิเศษเฉพาะ Toreiyu Tsubasa ที่แถมมาเป็นของที่ระลึกสำหรับผู้โดยสารที่เข้ามาแช่ออนเซ็นเท้าด้วย! พอแช่เท้าจนสบายแล้ว เราสามารถใช้ผ้าขนหนูนี้เช็ดเท้าให้แห้งแล้วเก็บใส่กระเป๋ากลับบ้านได้ ระหว่างแช่ จะมีดนตรีสบายๆ เปิดคลอให้ฟังอยู่ตลอดเวลาชวนให้รู้สึกราวกับได้ทำสปาจริงๆ ! พอใกล้หมดเวลาพนักงานจะเข้ามาบอก ให้เราเช็ดเท้าให้แห้งแล้วบอกลาออนเซ็นก่อนจะไปต่อที่ตู้รถที่เป็นห้องรับรอง

 

พักผ่อนต่อที่ห้องรับรอง

ตู้รถห้องรับรองของ Toreiyu Tsubasa (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ถ้าคุณเคยไปเที่ยวออนเซ็นของญี่ปุ่น คุณน่าจะคุ้นเคยกับ Yuagari Dokoro (湯上り処) ซึ่งเป็นการดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ เพื่อให้ร่างกายเย็นลงหลังจากแช่ออนเซ็นร้อนๆ มา แน่นอนว่า Toreiyu Tsubasa เองก็อยากมอบประสบการณ์นี้ให้กับผู้โดยสารด้วย จึงเป็นที่มาของตู้รถ Yuagari Lounge (湯上りラウンジ) ซึ่งเป็นตู้รถที่อยู่ถัดจากตู้รถออนเซ็น ตู้รถ Yuagari Lounge นี้มาพร้อมกับที่นั่งเสื่อทาทามิในบรรยากาศสบายๆ เพื่อจำลองประสบการณ์ออนเซ็นของแท้ให้สัมผัสได้บนรถไฟ! ในห้องรับรองมีเคาน์เตอร์บาร์ที่เต็มไปด้วยสาเกท้องถิ่นจากยามากาตะ น้ำผลไม้จากบรรดาผลไม้ที่ผลิตในยามากาตะ ขนมขบเคี้ยว และไอศกรีม ไฮไลท์ที่คนรักสาเกน่าจะเลิฟคือสาเกที่นี่มีจำหน่ายเป็นถ้วยจอก ทำให้คนรักสาเกสามารถสนุกกับการลองชิมและเปรียบเทียบสาเกชนิดต่างๆ ที่มีให้ลองที่บาร์ได้ แต่ที่ขอแนะนำจากความชอบส่วนตัวคือน้ำผลไม้อร่อยชื่นใจต่างๆ ที่จำหน่ายบน Toreiyu Tsubasa

 

พักผ่อนต่อหลังแช่เท้ามาฟินๆ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

น้ำผลไม้บนรถมีจำหน่ายในราคากระป๋องละ 150 เยนและมีให้เลือกมากถึงหกรส น้ำผลไม้สดจากยามากาตะเหล่านี้เป็นเครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่นได้แบบสุดๆ หลังจากแช่ออนเซ็นเท้ามา โดยจังหวัดยามากาตะเป็นจังหวัดที่ผลิตผลไม้คุณภาพอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น ดังนั้น ห้ามพลาดโอกาสที่จะลองชิมน้ำผลไม้ต่างๆ ของจังหวัดนะคะ ตัวฉันเองได้ลองซื้อทั้งหกรสมาชิมดู และที่ชอบที่สุดขอยกให้น้ำองุ่นเลยค่ะ! นอกจากนี้ ในห้องรับรองยังมีกรอบรูปให้ถือเป็นพร๊อพไว้ถ่ายรูปที่ระลึกประจำทริปอีกด้วย

 

การตกแต่งในธีมผลไม้บน Toreiyu Tsubasa (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

นอกจากจะเป็นแหล่งออนเซ็นแล้ว จังหวัดยามากาตะยังมีชื่อเสียงในเรื่องของผลไม้ (โดยเฉพาะเชอร์รี่) และยังเป็นผู้ผลิตผลไม้อันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นอีกด้วย ถ้าคุณมีโอกาสได้มาเที่ยวยามากาตะ ห้ามพลาดโอกาสชิมผลไม้ของยามากาตะนะคะ! ด้วยความที่ Toreiyu Tsubasa เป็นรถไฟที่เน้นนำเสนอจังหวัดยามากาตะโดยเฉพาะ บนรถไฟจึงมีโลโก้รูปผลไม้หลากชนิดสีสันสดใสให้ได้เห็นกัน และถ้าสังเกตการตกแต่งในรถไฟดีแล้วๆ เรายังจะเห็นสัญลักษณ์และการตกแต่งธีมผลไม้มากมายที่ซ่อนอยู่ ที่ฉันเห็นนั้นมีทั้งเชอร์รี่ แพร์ และองุ่น และในแต่ละตู้รถจะมีการตกแต่งผลไม้ที่ต่างกันออกไปด้วย

 

ตลอดเส้นทางรถไฟ Yamagata Shinkansen นั้นมีจุดท่องเที่ยวมากมายให้แวะลงไปสำรวจกัน และทั้งหมดต่างเป็นสถานที่ใกล้สถานีรถไฟอีกด้วย ยามากาตะเป็นจังหวัดที่รายล้อมไปด้วยภูเขา ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งปลูกผลไม้ชั้นดี นอกจากนี้ยังมีเมืองออนเซ็นอีกหลายเมืองที่กระจายอยู่ตามเส้นทางรถไฟ สำหรับสถานที่น่าแวะเที่ยวตามเส้นทางของ Toreiyu Tsubasa นั้น ขอแนะนำสถานที่เหล่านี้เลยค่ะ

 

ตะลอนเที่ยวไร่แล้วเก็บผลไม้จนจุใจ

  • เชอร์รี่: เดินทางไปเก็บเชอร์รี่ได้โดยนั่งแท๊กซี่จากสถานี JR Sakurambohigashine (さくらんぼ東根駅) ไปยังไร่ผลไม้ใกล้ๆ
  • องุ่น: เดินทางไปเก็บองุ่นได้โดยนั่งแท๊กซี่จากสถานี JR Akayu (赤湯駅) หรือ JR Takahata Station (高畠駅) ไปยังไร่ผลไม้ใกล้ๆ

 

บรรยากาศเก็บเชอร์รี่ที่ Ohsyo Kajuen (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

จังหวัดยามากาตะเป็นจังหวัดที่ล้อมรอบด้วยภูเขา และเป็นที่รู้จักในฐานะ “อาณาจักรผลไม้” ซึ่งเป็นแหล่งผลิตผลไม้ส่วนใหญ่ของตลาดญี่ปุ่น แต่ผลไม้ที่มีชื่อเสียงที่สุดของยามากาตะคือเชอร์รี่ที่สามารถเก็บได้ในช่วงเดือนมิถุนายน-กลางเดือนกรกฎาคม ส่วนลูกแพร์ Sweet La France สามารถเก็บได้ในเดือนกันยายน-ตุลาคม ลูกพีชเก็บได้ในเดือนสิงหาคม-กลางเดือนกันยายน และองุ่นเก็บได้ตั้งแต่สิงหาคม-ตุลาคม

 

ของหวานทำจากเชอร์รี่ที่ Ohsyo Kajuen (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

สำหรับเชอร์รี่ที่เป็นผลไม้ขึ้นชื่อที่สุดของยามากาตะนั้นมีแหล่งปลูกที่มีชื่อเสียงคือเขตฮิงาชิเนะ จึงเป็นที่มาของชื่อสถานีชินกันเซ็น JR Sakurambohigashine ที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อสะท้อนถึงความสำคัญของเชอร์รี่ที่มีต่อเขตฮิงาชิเนะแห่งนี้! และรู้หรือไม่? ว่ายามากาตะเป็นผู้ผลิตเชอร์รี่มากเกือบถึง 70% ของปริมาณการผลิตเชอร์รี่ทั้งหมดในญี่ปุ่น

 

ในส่วนของไร่เชอร์รี่ที่ได้รับความนิยมในเขคฮิงาชิเนะคือ Ohsyo Kajuen Orchard (王将果樹園 Osho Kajuen) ที่สามารถขับรถจากสถานีรถไฟไปได้เพียง 20 นาที คุณสามารถจองคิวเก็บเชอร์รี่ผ่านทางออนไลน์ได้ที่นี่ โดยมีค่าเข้าอยู่ที่ 1,500 เยนสำหรับการเดินเก็บเชอร์รี่ได้ไม่อั้นเป็นเวลา 30 นาที เคล็ดลับเที่ยวไร่เชอร์รี่ให้สนุก: คุณสามารถเพิ่มงบเที่ยวไร่เชอร์รี่อีกนิดนึงเพื่ออร่อยกับซอฟท์ครีมเชอร์รี่หรือเชอร์รี่พาร์เฟ่ต์ได้ ซึ่งทั้งสองเมนูนี้อร่อยอย่าบอกใครเชียว นอกจากนี้ ไร่นี้ยังเปิดให้เข้าเก็บพีช องุ่น และแอปเปิ้ลได้ในเดือนอื่นๆ ตามฤดูกาลของผลไม้ชนิดนั้นๆ

 

บรรยากาศการเก็บองุ่นช่วงกลางเดือนกันยายน (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

สำหรับพื้นที่รอบๆ สถานี JR Akayu และ JR Takahata เองก็มีไร่องุ่นและโรงหมักไวน์มากมายให้ไปเที่ยวกันได้ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่รักองุ่นและไวน์ แนะนำให้ลองมาเที่ยวกันสักครั้งนะคะ ตอนที่ฉันได้ไปเที่ยวตอนช่วงกลางเดือนกันยายน ค่าเข้าไปเก็บองุ่นอยู่ที่เพียง 800 เยนเท่านั้น ซึ่งเราสามารถเก็บและกินองุ่นในไร่ได้อย่างไม่อั้น ตอนที่เก็บองุ่นเราต้องเก็บแบบตัดลงมาทั้งพวงองุ่น (ไม่ใช่เก็บเป็นลูกองุ่น) จากต้น และถ้าเรากินไม่หมดพวงที่ตัดมา เราจะต้องจ่ายเพิ่มเพื่อนำองุ่นที่เหลือของเรากลับบ้าน นอกจากนี้ยังมีองุ่นที่แพ๊คเรียบร้อยวางขายให้ซื้อกลับได้ด้วย อย่างไรก็ตาม เพราะที่นี่ไม่มีการจำกัดเวลาเก็บองุ่น เราสามารถเพลิดเพลินกับการกินองุ่นได้อย่างชิวๆ ตามที่ต้องการ

 

ยามาเดระ (山寺)

  • คุณสามารถเดินทางไปเยือนยามาเดระได้โดยเปลี่ยนสายรถไฟที่สถานี JR Yamagata (山形駅) ไปสาย JR Senzan (仙山線) แล้วนั่งรถไฟ 20 นาทีไปสถานี JR Yamadera (山寺駅) และเดินอีก 5 นาทีก็ถึงทางเข้า

ภาพวิวจากยอดเขาของยามาเดระ (เครดิตรูปภาพ: 山形県庁)

 

ชื่อยามาเดระของวัดนั้นสามารถแปลได้ตรงตัวว่า “วัดภูเขา” ซึ่งวัดแห่งนี้ก็เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนยอดเขาระหว่างยามากาตะกับเซนไดและสามารถเห็นวิวสวยงามได้จากวัด เราสามารถเดินขึ้นไปถึงยอดเขาได้โดยเดินขึ้นบันไดหินสูงชัน 1,000 ขั้นที่ใช้เวลา 30-60 นาทีในการไปถึงยอดเขา ระยะเวลาที่ใช้นั้นขึ้นอยู่กับว่าเราหยุดแวะพักเพื่อชมวิวหรือถ่ายรูปบ่อยมากน้อยแค่ไหน และเมื่อขึ้นถึงยอดเขา รางวัลที่ได้คือวิวพาโนรามาอันงดงามของหุบเขาเบื้องล่าง

 

คามิโนะยามะออนเซ็น (かみのやま温泉) / ปราสาทคามิโนะยามะ (上山城)

  • เดินทางไปถึงได้โดยเดินเท้า 10 นาทีจากสถานี JR Kaminoyamaonsen (かみのやま温泉駅)

บ่อออนเซ็นให้แช่เท้าที่ปราสาทคามิโนะยามะ (เครดิตรูปภาพ: 山形県庁)

 

ปราสาทคามิโนะยามะที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองออนเซ็นและเป็นจุดชมซากุระยอดนิยมนั้นอยู่ไม่ไกลจากสถานี JR Kaminoyamaonsen โดยเดินจากสถานีไปถึงได้ใน 10 นาที ในพื้นที่ปราสาทมีออนเซ็นเท้าให้แช่ได้ฟรี เราจึงสามารถแช่เท้าสบายๆ ระหว่างนั่งชมวิวซากุระ หรือจะนั่งแช่ให้เท้าอุ่นขณะชมบรรยากาศฤดูหนาวของที่นี่ก็ได้เหมือนกัน  และใกล้ๆ เมืองออนเซ็นนี้ก็มีถนนเล็กๆ เส้นหนึ่งที่มีคฤหาสน์ซามูไรอยู่สี่หลัง ในจำนวนนี้มีหลังหนึ่งที่สามารถเข้าชมได้โดยมีค่าเข้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

กินซังออนเซ็น (銀山温泉)

  • เดินทางไปถึงได้โดยนั่งรถบัส 40 นาทีจากสถานี JR Oishida (大石田駅) ไปยังกินซังออนเซ็น


กินซังออนเซ็นในฤดูหนาว (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังของตัวเมืองทำให้กินซังออนเซ็นได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะบรรยากาศในฤดูหนาวที่มีหิมะตกในเวลากลางคืน ภาพตะเกียงที่ส่องแสงนวลสลัวในยามค่ำคืนท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมาเป็นภาพที่ชวนให้นึกถึงฉากในภาพยนตร์ของ Studio Ghibli เลยทีเดียว ชื่อกินซังที่แปลว่า “ภูเขาเงิน” ของที่นี่มีที่มาจากอดีตของเมืองนี้ที่เคยเป็นเหมืองแร่เงินมาก่อน แต่ตอนนี้ทั้งเมืองเต็มไปด้วยเรียวกังมากมายที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสบรรยากาศวินเทจของเมือง

 

การท่องเที่ยวไปกับ Toreiyu Tsubasa

 

จะขึ้น Toreiyu Tsubasa ได้อย่างไรบ้าง

Toreiyu Tsubasa เป็นรถที่วิ่งไป-กลับเพียงรอบเดียวต่อวัน และวิ่งในวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดราชการของญี่ปุ่นเป็นหลัก โดยวิ่งระหว่างสถานี JR Fukushima (福島駅) และ JR Shinjo (新庄駅) คุณสามารถเช็คตารางเวลาและกำหนดการเดินรถได้ที่นี่

 

สำหรับการเดินทางไปขึ้นรถไฟ คุณสามารถขึ้นรถ Toreiyu Tsubasa ได้ที่สถานี JR Fukushima เพียงนั่งรถไฟชินกันเซ็น 80 นาทีจากสถานี JR Tokyo (東京駅) โดยที่นั่งทั้งหมดบนรถไฟพิเศษขบวนนี้เป็นที่นั่งที่ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น คุณสามารถจองที่นั่งได้ผ่านที่นี่

 

ตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) แบบใหม่และพื้นที่ที่ตั๋วครอบคลุม (เครดิตรูปภาพ: JR East)

 

ถ้าคุณมีแพลนเที่ยวภูมิภาคโทโฮคุ เราขอแนะนำ JR EAST PASS (Tohoku area) ตั๋ว Pass ราคาย่อมเยาที่ปลดล็อคการเดินทางด้วยรถไฟแบบไม่จำกัดในเส้นทาง JR East (รวมถึงชินกันเซ็นด้วย) โดยคุณสามารถนั่งรถไฟรอบโทโฮคุได้เป็นเวลา 5 วันติดกัน ด้วยราคาเพียง 20,000 เยน ตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) สามารถช่วยคุณประหยัดค่าโดยสารรถไฟได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้คุณยังสามารถจองที่นั่งบนรถชินกันเซ็น รถด่วนพิเศษบางขบวน และ Joyful Train ล่วงหน้าได้นานถึง 1 เดือนผ่านช่องทางออนไลน์ที่นี่ได้ฟรี ตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) สามารถใช้งานได้กับประตูอัตโนมัติ และผู้ถือพาสปอร์ตต่างประเทศที่พำนักอยู่ในญี่ปุ่นก็สามารถใช้ตั๋ว Pass นี้ได้เช่นกัน

 

คุณสามารถขึ้น Toreiyu Tsubasa Joyful Train ได้ฟรีโดยใช้ JR EAST PASS (Tohoku area) ถ้าไม่ใช้ Pass นี้ ค่าโดยสาร Toreiyu Tsubasa จากฟุคุชิมะไปยามากาตะจะอยู่ที่ประมาณ 3,450 เยน

 

หมายเหตุ: ความเปลี่ยนแปลงในข้อกำหนดและราคาของตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2021 เป็นต้นไป อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

 

เครดิตรูปภาพส่วนหัวบทความ: JR East
Translated by ANNGLE

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

Share this article:
TSC-Banner