2410.Azumino
Rail Travel

ชมวิวฤดูใบไม้ร่วงบน Dragondola กระเช้าลอยฟ้าที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น

ชมวิวฤดูใบไม้ร่วงบน Dragondola กระเช้าลอยฟ้าที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น

ด้วยความที่มีหิมะตกหนัก นีงาตะจึงเป็นจังหวัดที่มีจำนวนสกีรีสอร์ทมากที่สุดในญี่ปุ่น โดยหนึ่งในนั้นคือนาเอบะ (苗場) ซึ่งในฤดูหนาวนาเอบะเป็นหนึ่งในสวรรค์ของนักสกี แต่ในฤดูใบไม้ร่วงผู้คนพากันมาที่นี่ด้วยอีกเหตุผลหนึ่ง นั่นคือเพื่อชมสีสันฤดูใบไม้ร่วงน่าตื่นตาจากบนกระเช้าลอยฟ้าสุดพิเศษ Dragondola (ドラゴンドラ Doragondora)

 

Dragondola ในฤดูใบไม้ร่วง (เครดิตภาพ: 新潟県観光協会)

 

ด้วยความยาวที่มากถึง 5,481 ม. Dragondola ถือเป็นกระเช้าลอยฟ้าที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น โดยการนั่งกระเช้านี้ขาเดียวใช้เวลาราว 25 นาที ทำให้นักท่องเที่ยวมีเวลาเหลือเฟือที่จะเพลิดเพลินไปกับการนั่งและชมวิวได้อย่างเต็มที่ ซึ่ง Dragondola อยู่ในลิสต์ที่ที่ฉันตั้งใจจะไปมานานที่สุด และก่อนหน้านี้ในปีเดียวกัน ฉันกับซูที่เป็นเพื่อนของฉันก็ได้ไปขึ้นมาในที่สุด

 

รถบัสจากสถานี Echigo-Yuzawa ไป Naeba Ski Resort (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

Dragondola ตั้งอยู่ในเมืองยูซาว่า (湯沢町 Yuzawa-machi) และเดินทางไปถึงได้ด้วยการนั่งรถบัส 45 นาทีจากสถานี JR Echigo-Yuzawa (越後湯沢駅 Echigo-Yuzawa-eki) ขณะที่เรากำลังนั่งรถบัสนั้น ระหว่างทางก็เริ่มมีสีของฤดูใบไม้ร่วงให้เห็น และเราเห็นแมกไม้สีเขียวอมเหลืองปกคลุมภูเขาอยู่ไกลๆ อย่างไรก็ตาม มีรายงานพยากรณ์ออกมาว่าสีใบไม้ตามเส้นทางขาขึ้นของกระเช้าจะกำลังอยู่ใกล้ช่วงพีค ดังนั้นพวกเราเลยตั้งหน้าตั้งตาที่จะได้ชมมัน

 

ซื้อตั๋วจากห้องขายตั๋ว (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

พวกเรามาลงรถที่ป้าย Naeba Ski Resort Schnee (苗場スキー場シュネー前) และซื้อตั๋วของพวกเราที่ห้องขายตั๋ว ค่าขึ้นกระเช้าลอยฟ้าตกผู้ใหญ่คนละ 3,500 เยนสำหรับนั่งไป-กลับ นอกจากนี้ยังสามารถซื้อแบบมัดรวมตั๋ว Dragondola ขาเดียว และตั๋ว Tashiro Ropeway ขาเดียวได้เช่นกันถ้าต้องการ โดยกระเช้าลอยฟ้าทั้งสองจะเชื่อมกับสกีรีสอร์ทสองแห่ง ได้แก่ Naeba Ski Resort และ Kagura Ski Resort

 

สุดท้ายแล้วซูกับฉันก็เลือกนั่ง Dragondola ทั้งขาไป-กลับเลย เพราะวิวตอนขาขึ้นนั้นสุดยอดมากจนเราอยากชมมันอีกครั้งตอนขาลง! คุณไม่จำเป็นต้องเลือกในทันทีว่าอยากจะขึ้นกระเช้าลอยฟ้าอันไหน จะเลือกตรงหน้างานตอนที่กำลังจะขึ้นกระเช้าก็ยังได้ และถ้าคุณเป็นหนึ่งในสมาชิก Seibu Prince Club (ซึ่งซูเป็น) ก็จะได้ส่วนลดค่าตั๋วกระเช้า 500 เยนด้วย

 

ขึ้นรถชัตเติ้ลบัสไปยังสถานีกระเช้าลอยฟ้าที่อยู่ด้านล่างเพื่อขึ้นกระเช้า (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

หลังจากที่พวกเราได้ตั๋วแล้ว พวกเราขึ้นรถชัตเติ้ลบัสเพื่อไปยังสถานีกระเช้าลอยฟ้าที่อยู่ด้านล่าง ถ้าอยากเดินและเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศกลางแจ้งมากกว่า ที่นี่ก็มีเส้นทางเดินที่ให้เดินไปยังสถานีกระเช้าลอยฟ้าด้านล่างได้ในราวๆ 20 นาที วันที่เราไปเป็นวันที่หนาวและมีลมแรง และพวกเราก็ถือว่าแต่งตัวมาไม่อุ่นพอสำหรับอุณหภูมิหนาวและลมแรง ดังนั้นพวกเราเลยเลือกนั่งรถชัตเติ้ลบัสแทน

 

การนั่ง Dragondola ขึ้นไป (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

โดยปกติแล้วกระเช้าลอยฟ้าหนึ่งตัวจะบรรจุคนได้แปดคน แต่ด้วยความที่เป็นวันฝนตกประกอบกับมาตรการรักษาระยะห่างพวกเราสองคนเลยได้นั่งกระเช้าแบบไม่ต้องแบ่งใครเลย ที่นั่งทั้งสองแถวของกระเช้าต่างหันเข้าหาหน้าต่าง โดยที่หนึ่งแถวหันเข้าทิศที่กำลังไป และอีกแถวหันเข้าทิศตรงข้าม ฉันแนะนำให้นั่งด้านที่หันไปยังฝั่งที่เห็นเขาลาดลง เพราะวิวนั้นชวนตื่นตามากทีเดียว โดยเฉพาะในช่วงที่มีเนินเขาหลายระดับความสูงอยู่ด้วยกัน

 

กระเช้ากำลังหย่อนลงไปใกล้แม่น้ำคิยตสึ (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ระหว่างการเดินทาง 25 นาที พวกเรารู้สึกได้ว่าเป็นการนั่งที่สนุกและตื่นเต้นมากทีเดียวด้วยความที่กระเช้าลอยขึ้นและหย่อนลงต่ำลงหลายครั้งจนมันแทบจะเหมือนการนั่งรถไฟเหาะทีเดียว ลอยขึ้นลอยลง ขึ้นภูเขาและลงไปในหุบเขา ฉันเดาว่านี่น่าจะเป็นที่มาของชื่อ Dragondola เพราะมันเหมือนกับได้ลอยขึ้นและลงไปตามหลังมังกรก็ว่าได้!

 

ต้นไม้หลากสีสันระหว่างทาง (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ พวกเราต่างชมสีสันแห่งฤดูใบไม้ร่วงรอบๆ กันอย่างสบายๆ ซึ่งบรรดาใบไม้สีเหลือง ส้ม และแดงสีสันสดใสนั้นสวยจนน่าทึ่ง! ในกระเช้าจะมีภาพกราฟฟิกที่บอกให้รู้ว่าช่วงไหนบ้างที่เป็นจุดวิวถ่ายภาพ ทำให้เรารู้ล่วงหน้าและเตรียมกล้องพร้อมได้

 

วันนั้นเป็นวันที่มีเมฆครึ้มและฝนพรำ ดังนั้นภาพที่เราถ่ายออกมาเลยไม่สวยนัก แต่เรายืนยันได้ว่าวิวนั้นสวยงามจนลืมหายใจทีเดียว หนึ่งในภาพที่สวยที่สุดซึ่งเห็นได้จากบน Dragondola คือวิวที่ได้มองลงไปยังแม่น้ำคิยตสึที่ถูกขนาบข้างด้วยต้นลาร์ช (カラマツ karamatsu) สีทอง ขณะที่มองขึ้นไปยังทิศทางของสถานีกระเช้าลอยฟ้าที่อยู่ด้านบน ก็จะเห็นภูเขานาเอบะ (Mount Naeba) ถูกปกคลุมไปด้วยนานาสีสันสดใส

 

ขณะกำลังผ่านทะเลสาบฟุไต (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

เมื่อผ่านช่วงกลางของเส้นทางมาเล็กน้อยหนึ่งในวิวสวยที่พวกเราได้ชมกันก็คือวิวของทะเลสาบฟุไต (二居湖 Futai-ko) ทะเลสาบเล็กๆ แห่งหนึ่งที่เกิดจากการสร้างเขื่อนกั้นส่วนหนึ่งของแม่น้ำคิยตสึ ท่ามกลางต้นไม้หลากสีสันบนเนินเขา ผืนน้ำของทะเลสาบทอประกายสีฟ้าดุจพลอยสวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ ว่ากันว่าสีของผืนน้ำนั้นจะมีเฉดต่างกันออกไปตามสภาพอากาศด้วยนะ

 

วิวของสีสันฤดูใบไม้ร่วงขณะที่กระเช้ากำลังมาถึงสถานีกระเช้าลอยฟ้าที่อยู่ด้านบน (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

สถานี Dragondola ที่อยู่ด้านล่างนั้นตั้งอยู่ที่ความสูง 921ม. เหนือระดับน้ำทะเล ในขณะที่สถานีที่อยู่ด้านบนอยู่ที่ 1,346ม. เหนือระดับน้ำทะเล แม้ว่าต้นไม้หลายต้นใกล้ๆ สถานีด้านล่างยังเป็นสีเขียวอมเหลืองอยู่ แต่ขณะที่เราไปสูงขึ้นสีแมกไม้ก็เริ่มสดใสขึ้น มีสีเหลืองและส้มมากขึ้น หลังจากขึ้นไปบนสถานีกระเช้าที่อยู่ด้านบน จะมีทางเดินปูแผ่นไม้ที่น่าเดินและเก้าอี้ตั้งแคมป์ให้เราใช้งานขณะชมวิวได้รวมถึงมีร้านอาหารและแผงลอยให้หาอะไรกินได้

 

อากาศที่สถานีกระเช้าด้านบนนั้นหนาวอยู่ (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

พวกเราเตรียมตัวมาไม่พร้อมเลยสำหรับการมาเจอกับอุณหภูมิเย็นยะเยือกที่ยอดเขาดังนั้นอย่างแรกที่เราทำก็คือไปหาอาหารร้อนๆ มากินให้ตัวอุ่นขึ้น ฉันได้ช็อกโกแลตอุ่นๆและเครปไส้ชีสมา ในขณะที่ซูได้ชาวเดอร์อุ่นๆ มาถ้วยหนึ่ง อาหารได้ทำหน้าที่ของมัน และพวกเราเริ่มออกเดินไปรอบๆ ได้โดยไม่รู้สึกเหมือนแขนขาจะกลายเป็นน้ำแข็ง

 

นั่ง Rakuraku Lift ไปยังสถานี Tashiro Ropeway (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

อย่างที่กล่าวถึงไปก่อนหน้านี้ นักท่องเที่ยวที่ขึ้น Dragondola สามารถเลือกนั่งกระเช้าของ Tashiro Ropeway ตอนขาลงได้ และนั่นเป็นแผนของเราในตอนแรก พวกเราเริ่มเดินไปยัง Tashiro Ropeway ซึ่งเป็นเส้นทางขึ้นเนินชัน โชคดีที่มี Chairlift ฟรีที่วิ่งขึ้นเส้นทางชันนี้ นั่นคือ Rakuraku Lift (らくらくリフト Rakuraku Rifuto) พวกเราจึงเลือกนั่งขึ้นไปแทนที่จะเดิน

 

หลังจากไปถึงสถานี Tashiro Ropeway พวกเราลงความเห็นว่าเราอยากจะสัมผัสวิวของ Dragondola อีกครั้ง และลงเอยด้วยการเดินกลับไปยังสถานีของ Dragondola ขณะที่พวกเราเดินลงเขา เราได้เพลิดเพลินไปกับวิวทะเลสาบทาชิโระ (Lake Tashiro) และบรรดาภูเขาที่อยู่ไกลๆ ได้ ซึ่งบนบางยอดเขาของภูเขาสูงที่อยู่ไกลออกไปนั้น พวกเราเห็นได้เลยว่าเริ่มมีหิมะปกคลุมเป็นหย่อมๆ บ้างแล้ว!

 

ระหว่างนั่ง Dragondola ขาลง (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

หลังจากใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงสำรวจพื้นที่ยอดเขา พวกเราก็ขึ้น Dragondola กลับลงไปและได้เพลินสุดๆ ไปกับการดื่มด่ำบรรดาวิวชวนตื่นตาอีกเป็นครั้งสุดท้าย กระเช้าลอยฟ้านี้เป็นประสบการณ์ที่วิเศษมากซึ่งไม่ใช่แค่เพราะระยะทางเท่านั้นแต่เพราะมีสีสันสวยตรึงตาและเส้นทางที่วิ่งขึ้นและลงหลายครั้งด้วย นอกจากช่วงฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ฉันแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้มาเที่ยวในช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาวด้วย และฉันอยากจะกลับมาอีกครั้งให้ได้สักวัน!

 

วิธีเดินทาง

Dragondola ตั้งอยู่ที่ Naeba Ski Resort และนั่งรถบัสจากสถานี JR Echigo-Yuzawa ไปถึงได้ใน 45 นาที (ผู้ใหญ่ 700 เยน / คนสำหรับขาเดียว)

 

Dragondola (苗場ドラゴンドラ)
ที่อยู่: 202 Mikuni, Yuzawa-machi, Minami Uonuma-gun, Niigata 949-6292
การเดินทาง: จากสถานี JR Echigo-Yuzawa นั่งรถบัส 45 นาที (700 เยน) ไปลงป้าย Naeba Ski Resort Schnee (苗場スキー場シュネー前) จากตรงนั้น นั่งรถชัตเติ้ลบัสฟรี หรือเดิน 20 นาทีไปยังสถานีกระเช้าลอยฟ้าที่อยู่ด้านล่าง
ค่าโดยสาร: ผู้ใหญ่ 3,500 เยน / คน สำหรับนั่งกระเช้าทั้งขาไป-กลับ
เวลาทำการ: 9:00–15:00 (กระเช้าเที่ยวสุดท้ายจากด้านบนจะออกตอน 16:00 น.)

 

โรงแรมออนเซ็นหลายแห่งในยูซาว่ามีวิวภูเขาชั้นเยี่ยมที่เห็นได้จากห้องพักแขก (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ถ้าทำได้ ฉันแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้พักค้างคืนที่รีสอร์ทออนเซ็นในเมืองยูซาว่า (Yuzawa Town) โดยบางที่พักมีวิวฤดูใบไม้ร่วงชั้นเยี่ยมล้อมรอบให้เราเห็นได้จากห้องพักแขกและบางที่ก็มีวิวภูเขาชั้นเยี่ยมให้ชมได้จากที่อาบน้ำกลางแจ้ง

 

มาเที่ยวดูสถานี Echigo-Yuzawa กันก่อนนั่งรถไฟกลับ (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ก่อนจะขึ้นรถไฟกลับกัน มาใช้เวลาสักพักไปกับการเที่ยวดูรอบๆ สถานี Echigo-Yuzawa กัน ที่นี่มีบ่อน้ำแช่เท้ากลางแจ้งฟรี (足湯 ashiyu) รวมถึงโซนของฝากและโซนช้อปปิ้งขนาดใหญ่อยู่ด้านใน จังหวัดนีงาตะมีชื่อเสียงเรื่องข้าวและสาเก (酒 สุราหมักจากข้าว) และภายในสถานีEchigo-Yuzawa ก็มีห้องชิมสาเก Ponshukan (ぽんしゅ館) ที่ให้คุณชิมสาเกได้มากกว่า 100 ชนิดทีเดียว แถมยังมีออนเซ็นสาเกในสถานีอีกด้วยซึ่งมีน้ำอาบที่กลิ่นเหมือนสาเกจริงๆ!

 

JR TOKYO Wide Pass

ตั๋ว JR TOKYO Wide Pass และพื้นที่ที่ครอบคลุม (เครดิตภาพ: JR East)

 

ถ้าคุณอยู่ในโตเกียวและกำลังคิดเรื่องไปเที่ยว Dragondola แบบไปเช้าเย็นกลับ ขอแนะนำตั๋ว JR TOKYO Wide Pass ตั๋ว Pass ราคาย่อมเยาที่ให้คุณนั่งรถไฟบนทางรถไฟของ JR East ได้อย่างไม่จำกัดเที่ยว (รวมถึงรถไฟชินกันเซ็น) ในพื้นที่ที่ตั๋วครอบคลุมตลอดระยะเวลา 3 วันติดต่อกัน ด้วยราคาเพียง 10,180 เยน ตั๋วนี้มีราคาถูกกว่าค่ารถไฟไป-กลับระหว่างโตเกียวและEchigo-Yuzawa (~13,000 เยน) และคุณยังสามารถสำรองที่นั่งบนชินกันเซ็น รถไฟด่วนพิเศษบางขบวน และรถไฟ Joyful Train ผ่านช่องทางออนไลน์ล่วงหน้าได้ฟรีถึง 1 เดือนที่นี่

 

ตั๋ว JR TOKYO Wide Pass สามารถใช้กับประตูตรวจตั๋วอัตโนมัติได้ และผู้ถือพาสปอร์ตต่างชาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นก็สามารถใช้ตั๋วโดยสารนี้ได้เช่นกัน

 

GALA Yuzawa Snow Resort

GALA Yuzawa Snow Resort (เครดิตภาพ: GALA Yuzawa Snow Resort)

 

ในช่วงฤดูหนาว คุณสามารถใช้ JR TOKYO Wide Pass ไปเที่ยว GALA Yuzawa Snow Resort ซึ่งเป็นสกีรีสอร์ทแห่งเดียวในโลกที่มีสถานีชินกันเซ็นเป็นของตัวเอง หลังออกมาพ้นบรรดาป้ายต่างๆ ในสถานีรถไฟแล้ว ก็จะมาเจอกับบรรดาเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว คุณสามารถนั่งชินกันเซ็นวิ่งตรงมาที่รีสอร์ทได้โดยใช้เวลาเพียง 74 นาทีสำหรับเที่ยวที่วิ่งเร็วที่สุด

 

สำหรับฤดูกาลนี้ รีสอร์ทมีกำหนดเปิดตั้งแต่ 17 ธันวาคม 2022 ถึง 7 พฤษภาคม 2023 แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศ นอกจากการเล่นสกีและสโนว์บอร์ดแล้ว ก็ยังสนุกกับกิจกรรมกลางหิมะอย่างการเล่นเลื่อน ขี่ Snowmobile ทัวร์คันจิกิ (รองเท้าลุยหิมะแบบพื้นบ้าน) และอีกมากมาย

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมกลางหิมะที่ GALA Yuzawa Snow Resort สามารถเข้าไปดูที่บทความนี้ได้เลย แถมผู้ถือตั๋ว JR TOKYO Wide Pass ยังจะได้ส่วนลดพิเศษสำหรับตั๋วกระเช้าลอยฟ้าและลิฟท์ด้วยนะ

 

JR EAST PASS (Nagano, Niigata area)

ตั๋ว JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) และพื้นที่ที่ครอบคลุม (เครดิตภาพ: JR East)

 

นอกจาก Dragondola แล้ว ถ้าคุณคิดจะไปเที่ยวจังหวัดนีงาตะเพิ่มเติมด้วยล่ะก็ ขอแนะนำ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) ตั๋ว Pass ราคาย่อมเยาที่สามารถนั่งรถไฟบนทางรถไฟของ JR East ได้อย่างไม่จำกัดเที่ยว (รวมถึงรถไฟชินกันเซ็น) ในพื้นที่ที่ตั๋วครอบคลุมตลอดระยะเวลา 5 วันติดต่อกัน ด้วยราคาเพียง 18,000 เยนเท่านั้น ตั๋วนี้จึงมีราคาพอๆ กับค่าเดินทางไป-กลับระหว่างโตเกียวและนีงาตะ (~21,000 เยน). คุณยังสามารถสำรองที่นั่งบนชินกันเซ็น รถไฟด่วนพิเศษบางขบวน และรถไฟ Joyful Train ผ่านช่องทางออนไลน์ล่วงหน้าได้ฟรีถึง 1 เดือนที่นี่

 

JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) สามารถใช้กับประตูตรวจตั๋วอัตโนมัติได้ และผู้ถือพาสปอร์ตต่างชาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นก็สามารถใช้ตั๋วโดยสารนี้ได้เช่นกัน

 

เครดิตภาพปก: photoAC
Translated by ANNGLE

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

Share this article:
TSC-Banner
2410.Azumino-Right