หนีไปเที่ยวทริปฤดูใบไม้ร่วงแบบปุบปับ ที่หุบเขานารุโกะ

ระหว่างวางแผนทริปเที่ยว คุณเคยพบว่ามีสล็อตว่างให้ใส่ที่เที่ยวที่ไม่ได้คิดจะไปแต่แรกหรือไม่? ผมมักเป็นแบบนั้น และเวลาผมกำลังแพลนทริปไปญี่ปุ่น ก็มีหลายครั้งที่เห็นว่าโปรแกรมเดินทางของผมยังมีสล็อตเวลาว่างเหลืออยู่ พอลองหาไอเดียว่าจะไปไหนดี ผมก็เจอสถานที่ที่ไม่ได้ตั้งใจว่าจะไปแต่แรก
ตัวอย่างหนึ่งของประสบการณ์ที่ว่านี้คือหุบเขานารุโกะ (鳴子峡 Naruko-kyō) ซึ่งตั้งอยู่ในแถบชนบทของจังหวัดมิยางิ (宮城県 Miyagi-ken) ที่นี่มักถูกยกให้เป็นหนึ่งในบรรดาหุบเขาที่สวยที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ โดยหุบเขานี้จะสวยสะกดตาเป็นพิเศษในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทั้งหุบเขาจะถูกปกคลุมไปด้วยเฉดสีแดง เหลือง และส้มร้อนแรง
การเดินทางไปยังหุบเขานารุโกะของผม (เครดิตภาพ: Google Maps)
ผมเคยไปเยือนหุบเขาในญี่ปุ่นมาแล้วจำนวนหนึ่ง รวมถึงบางแห่งในภูมิภาคโทโฮคุเช่นหุบเขาเกบิเคชื่อดังในจังหวัดอิวาเตะ และช่องเขาโออิราเสะในจังหวัดอาโอโมริ แต่สำหรับหุบเขานารุโกะนั้น ที่นี่อยู่นอกสายตาผมมาตลอด และเป็นตอนที่ผมกำลังวางแผนเที่ยวรอบโทโฮคุนี้เองที่ผมมารู้จักสถานที่แห่งนี้เพิ่มเติม
สำหรับบทความนี้ ผมอยากจะมาแบ่งปันทริปหนีเที่ยวแป๊บๆ ไปยังหุบเขาแห่งนี้ของผม ซึ่งผมมีโอกาสได้ไปมาเมื่อปลายตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่คึกคักที่สุดของฤดูใบไม้ร่วง ด้วยความที่นักท่องเที่ยวหลายคนพากันมาที่หุบเขาเพื่อชมความงามอันยิ่งใหญ่ของมัน และผมมีช่วงว่างเพียงนิดเดียวเท่านั้นในกำหนดการเดินทางของผมที่เอื้อให้ผมไปเที่ยวประเดี๋ยวประด๋าวได้
อยากรู้ไหมว่าเป็นยังไง? งั้นมาดูกันเลย!
① เริ่มการเดินทางของผมจากสถานี Furukawa
ต่อรถไฟไปยังทางรถไฟสาย Rikū-East สถานี Furukawa (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
การเดินทางไปยังหุบเขานารุโกะของผมนั้นเริ่มที่สถานี Furukawa (古川駅 Furukawa-eki) เมื่อเดินทางไปถึงที่นั่น ผมต่อรถไฟไปยังทางรถไฟสาย Rikū-East (陸羽東線 Rikūtō-sen) เพื่อเดินทางไปยังสถานี Naruko-Onsen (鳴子温泉駅 Naruko-Onsen-eki) ที่ซึ่งผมจะเดินทางต่อไปยังหุบเขา
ตารางเดินรถไฟของทางรถไฟสาย Rikū-East (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
การขึ้นรถไฟสาย Rikū-East เป็นหนึ่งในวิธีไปหุบเขานารุโกะที่ใช้กันทั่วไปมากที่สุด แต่ผมสังเกตเห็นบางอย่างที่ผมคิดว่านักท่องเที่ยวพึงรู้ไว้ นั่นคือรถไฟมีจำนวนเที่ยวไม่ถี่นัก โดยมีรถไฟเพียงหนึ่งเที่ยวในทุกๆ ชั่วโมงตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้าเป็นต้นไป นักท่องเที่ยวที่กำลังเดินทางไปยังหุบเขาควรวางแผนเดินทางให้เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นคนที่กำลังเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับจากอีกเมืองหนึ่ง
กระโดดขึ้นรถไฟและเดินทางไปยังสถานี Naruko-Onsen (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
ณ เวลา 9:20 น. รถไฟของผมมาถึงแล้วและผมเดินทางไปยังสถานี Naruko-Onsen ที่จริงอาจจะไม่น่าแปลกใจเลยก็ได้ที่รถไฟนั้นเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวคนอื่นที่กำลังมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางเดียวกันกับผม และต่างตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้ชมแมกไม้ในฤดูใบไม้ร่วงอันสวยงามของหุบเขานารุโกะ ตั้งแต่นั้นความตื่นเต้นของผมก็เริ่มก่อตัวขึ้นในขณะที่รถไฟกำลังวิ่งผ่านชนบทของจังหวัดมิยางิและมุ่งหน้าสู่นารุโกะออนเซ็น
วิวของชนบทจากบนรถไฟ (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
พูดถึงชนบทแล้ว บอกได้คำเดียวว่าวิวของย่านชนบทระหว่างทางที่รถไฟของผมมุ่งหน้าสู่นารุโกะออนเซ็นนั้นวิเศษไปเลย เนินเขาที่อยู่ไกลออกไปกำลังค่อยๆเปลี่ยนสีจากเฉดสีเขียวไปเป็นเฉดสีอุ่นขึ้น และเมื่อรวมกับท้องฟ้าใสสีครามแล้ว วิวจากหน้าต่างรถไฟนั้นตราตรึงมากจนผมหยุดถ่ายรูปไม่ได้
② จากนารุโกะออนเซ็นสู่สะพานโอฟุกาซาว่า
เดินทางมาถึงที่สถานี Naruko-Onsen (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
นักท่องเที่ยวสามารถลงที่สถานี Naruko-Onsen เพื่อเยือนหมู่บ้านนารุโกะออนเซ็น (鳴子温泉郷 Naruko onsenkyō) ซึ่งเป็นรีสอร์ทออนเซ็นที่ตั้งอยู่กลางภูเขาทางตอนเหนือของจังหวัดมิยางิ ที่นี่เป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากจะแช่ตัวในออนเซ็นธรรมชาติท่ามกลางบรรยากาศภูเขาสวยงาม รวมถึงสำหรับคนที่มาเที่ยวสถานที่ยอดนิยมอย่างหุบเขานารุโกะด้วยเช่นกัน
บ่อแช่เท้านอกสถานี Naruko-Onsen (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
ที่นี่มีเซอร์ไพรส์สำหรับทุกๆ คนที่มายังสถานี Naruko-Onsen ด้วย นั่นคือด้านนอกอาคารสถานีจะมีบ่อแช่เท้า (足湯 ashiyu) ที่สามารถแช่เท้าให้รู้สึกอุ่นขึ้นเมื่อมาถึงยังหมู่บ้านออนเซ็นแห่งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่เยี่ยมทีเดียวสำหรับผม และการได้แช่เท้าลงในออนเซ็นอุ่นๆ ในอากาศเย็นๆ ของฤดูใบไม้ร่วงนั้นทำให้รู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์เลย
ใจจริงผมอยากขึ้นรถบัสจากสถานี Naruko-Onsen ไปยังสะพานโอฟุกาซาว่า (大深沢橋 Ōfukazawa bashi) หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้นก็เดินเท้าไปที่สะพานไปเลยถ้าผมมีเวลาเหลือเฟือ อย่างไรก็ตาม ผมมีเวลาอยู่น้อยมากผมเลยเลือกนั่งแท็กซี่แทน
③ จงดู วิวอันยิ่งใหญ่ของหุบเขานารุโกะ
มาถึงสะพานโอฟุกาซาว่าในที่สุด (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
ระหว่างที่นั่งแท็กซี่ ผมได้เห็นทิวไม้เปลี่ยนสีที่สวยสะกดตาของหมู่บ้านนารุโกะออนเซ็นอยู่แว๊บๆ ผมคุยกับคนขับแท็กซี่เล็กน้อยและเขาบอกผมว่าผมมาที่เมืองนี้ในจังหวะที่ดีมาก เพราะเป็นช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีกำลังเริ่มปรากฎให้เห็น เขายังบอกผมอีกด้วยว่านักท่องเที่ยวทั้งคนท้องถิ่นและคนต่างชาติกำลังหลั่งไหลมาที่หมู่บ้านแห่งนี้เพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสีและผมรู้สึกใจชื้นที่ได้ยินแบบนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อญี่ปุ่นเพิ่งเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาได้
หุบเขานารุโกะที่ปกคลุมด้วยแมกไม้แห่งฤดูใบไม้ร่วง (Image credit: JR East / Nazrul Buang)
และจริงอย่างที่ว่าขณะที่ผมก้าวลงจากรถแท็กซี่และเดินมุ่งหน้าไปยังสะพาน วิวที่ตระการตาของหุบเขานารุโกะก็ปรากฎให้เห็นและผมก็ได้แต่ยืนตะลึงงันไปกับความยิ่งใหญ่ของมัน หุบเขาที่ลึก 100 เมตรนี้ถูกปกคลุมไปด้วยบรรดาเฉดสีทอง ชาด และส้มที่สดใสของฤดูใบไม้ร่วง และผมหยุดถ่ายรูปวิวตรงหน้าผมไม่ได้เลย เพราะดูสิว่าวิวนี้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน!
นักท่องเที่ยวและคนรักการถ่ายรูปคนอื่นบนสะพานโอฟุกาซาว่า (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
ในหมู่นักท่องเที่ยว สะพานโอฟุกาซาว่าเป็นสถานที่ยอดฮิตสำหรับชมวิวหุบเขานารุโกะ และแน่นอนว่าผมไม่ได้ยืนชื่นชมภาพวิวอยู่คนเดียวบนสะพาน ยังมีนักท่องเที่ยวอีกหลายคนอยู่ตรงนั้นด้วยเช่นกัน รวมถึงคนรักการถ่ายรูปที่กำลังเก็บภาพวิวอยู่ อย่างไรก็ตาม นอกจากวิวฤดูใบไม้ร่วงแล้วยังมีอีกอย่างด้วย
รถไฟที่กำลังออกมาจากอุโมงค์ในหุบเขานารุโกะ (เครดิตภาพ: photoAC)
ถ้าคุณมองเพ่งเข้าไปที่หุบเขาจากบนสะพานโอฟุกาซาว่า คุณจะเห็นอุโมงค์อยู่ไกลๆ ซึ่งนั่นเป็นที่ที่รถไฟของทางรถไฟสาย Riku-East จะวิ่งออกมาระหว่างที่ขบวนรถเดินทางจากสถานี Naruko-Onsen ไปยังสถานี Nakayamadaira-Onsen (中山平温泉駅 Nakayamadaira-onsen-eki) และนี่เป็นภาพที่นักท่องเที่ยวเฝ้ารอชมได้ระหว่างอยู่บนสะพาน อีกทั้งยังมีตารางเวลาใกล้ๆ ให้นักท่องเที่ยวใช้อ้างอิงได้เพื่อดูว่ารถไฟจะออกมาจากอุโมงค์ตอนไหน
ถ้าคุณมีเวลาและความอดทนที่จะรอชมช่วงเวลาที่น่าจดจำนี้ ผมแนะนำให้หาทำเลดีๆ บนสะพานและรอเวลาที่เหมาะสมก่อนที่คุณจะเริ่มถ่ายรูป
วิวของหุบเขานารุโกะจาก Naruko-kyō Resthouse (เครดิตภาพ: photoAC)
ถ้าอยากชมวิวหุบเขานารุโกะอีกมุมล่ะก็ งั้นต้องมุ่งหน้าไปยัง Naruko-kyō Resthouse (鳴子峡レストハウス Naruko resuto-hausu) ที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถแวะพักข้างในได้หลังจากเดินมาทั่วบริเวณแล้ว บ้านพักแห่งนี้ยังมีจุดชมวิวที่มีวิวหุบเขาชั้นเยี่ยม และเป็นมุมที่ยอดเยี่ยมสำหรับชมแม่น้ำไดยะ (大谷川 Daiya-gawa) เบื้องล่าง
Naruko-kyō Resthouse (鳴子峡レストハウス)
ที่อยู่: 13-5 Hoshinuma, Naruko Onsen, Osaki-shi, Miyagi 989-6832
การเดินทาง: เดิน 1 นาทีจากสะพานโอฟุกาซาว่า (大深沢橋)
④ กิจกรรมสนุกอื่นๆ รอบหุบเขานารุโกะ
Ofukazawa Promenade (เครดิตภาพ: photoAC)
สำหรับนักท่องเที่ยวที่กำลังมองหากิจกรรมสนุกอื่นๆ ทำนอกจากการมาชมหุบเขานารุโกะแล้ว ลองมาที่ Ofukazawa Promenade (大深沢遊歩道 Ōfukazawa yūhodō) เส้นทางเดินเท้ายาว 2.2 กม. ที่ทอดตัวรอบๆ Naruko-kyo Resthouse เส้นทางนี้เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ชมความงามตามฤดูกาลของพื้นที่แห่งนี้ได้อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นพืชไม้เขียวชอุ่มในฤดูฝน (Green Season) หรือแมกไม้สีร้อนแรงในฤดูใบไม้ร่วง กล่าวได้ว่าเป็นสวนสาธารณะที่ให้นักท่องเที่ยวได้มาเพลิดเพลินกับเสน่ห์ของท้องที่แห่งนี้
Ofukazawa Promenade ในช่วงพีคของฤดูใบไม้ร่วง (เครดิตภาพ: photoAC)
Ofukazawa Promenade เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผมอยากจะไปให้ได้มากๆ ระหว่างที่ไปเที่ยวหุบเขานารุโกะ อย่างไรก็ตามด้วยเวลาที่มีจำกัดผมเลยไม่มีโอกาสได้ไป แถมพอเห็นว่าแมกไม้ที่หุบเขานั้นสวยชวนตะลึงขนาดไหน ผมเลยรู้สึกแย่จริงๆ ที่ไม่ได้เห็นเส้นทางเดินนั้นด้วยตาตัวเอง โดยเส้นทางเดินเล่นนี้ได้กลายเป็นเหตุผลให้ผมต้องกลับมาที่พื้นที่นี้อีกครั้งในอนาคต
บรรดาตุ๊กตานารุโกะโคเคชิรอบๆ หมู่บ้านนารุโกะออนเซ็น (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
ผู้ที่มาเที่ยวหมู่บ้านนารุโกะออนเซ็นคงจะสังเกตเห็นตุ๊กตาไม้น่ารักไม่เหมือนใครอยู่ทุกที่ ตุ๊กตาเหล่านี้มีชื่อว่าตุ๊กตานารุโกะโคเคชิ (鳴子こけし) และว่ากันว่าเป็นส่วนหนึ่งของธรรมเนียมท้องถิ่นมาตั้งแต่สมัยเอโดะในพื้นที่ต่างๆ ของโทโฮคุนั้นมีตุ๊กตาโคเคชิหลายแบบ เช่นแบบสึการุในจังหวัดอาโอโมริและแบบซาคุนามิในจังหวัดมิยางิ และแบบนารุโกะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่นลวดลายบนตัวที่มีต้นแบบมาจากดอกเบญจมาศ
ตุ๊กตานารุโกะโคเคชิใกล้บ่อแช่มือ Yumeguri Kairo (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
หนึ่งในสิ่งแรกๆ ที่ผมเห็นหลังออกจากสถานี Naruko-Onsen ก็คือตุ๊กตานารุโกะโคเคชิ และผมเห็นอีกหลายตัวรอบๆ หมู่บ้านขณะที่ผมเดินทางไปยังหุบเขา ไม่ว่าผมจะไปที่ไหน ก็ยากมากที่จะไม่เห็นสักตัว และยิ่งทำให้ผมอยากรู้จักประวัติศาสตร์ของมันเพิ่มเติมและอาจจะหาสักตัวมาเป็นของที่ระลึกด้วย
เขื่อนนารุโกะ (เครดิตภาพ: photoAC)
หากยังอยากชมความงามตามฤดูกาลของหมู่บ้านนารุโกะออนเซ็นอยู่ ก็ต้องมาที่เขื่อนนารุโกะ (鳴子ダム) ที่ขับรถไปได้ใกล้ๆ จากสถานี Naruko-Onsen เขื่อนแห่งนี้ถูกสร้างเสร็จในปี 1957 และเป็นเขื่อนคอนกรีตแบบโค้งอันแรกของญี่ปุ่น อีกทั้งถูกสร้างโดยทีมวิศวกรญี่ปุ่นล้วนๆ
เขื่อนนารุโกะมีชื่อเสียงเรื่องวิวรอบๆ และในฤดูใบไม้ร่วงทั่วทั้งพื้นที่แห่งนี้จะปกคลุมไปด้วยบรรดาเฉดสีแดงและส้มแห่งฤดูใบไม้ร่วง วิวโดยรอบยังชวนตื่นตาไม่แพ้กันในช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงที่แมกไม้สีเขียวขจีจะแผ่ไปทั่วทั้งพื้นที่รอบเขื่อน
เขื่อนนารุโกะ (鳴子ダム)
ที่อยู่: Iwabuchi-2-8 Narukoonsen, Ōsaki, Miyagi 989-6711
การเดินทาง: นั่งรถแท็กซี่ 7 นาทีจากสถานี Naruko-Onsen (鳴子温泉駅)
การเดินทาง
บริการรถบัส Momijigō (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
นักท่องเที่ยวที่มุ่งหน้าไปหุบเขานารุโกะสามารถนั่งรถไฟสาย Rikū-East เป็นเวลา 45 นาทีจากสถานี Furukawa ไปสถานี Naruko-Onsen จากสถานีรถไฟให้ต่อรถบัส Momijigō (紅葉号) ซึ่งให้บริการเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ร่วงอีก 15 นาที หรือจะนั่งรถแท็กซี่อีก 10 นาทีไปที่ป้ายรถเมล์ Narukokyo Nakayamadaira Guchi (鳴子峡中山平口) เพื่อไปยังสะพานโอฟุกาซาว่า นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังเลือกเดินไปที่สะพานก็ได้เช่นกัน ซึ่งจะใช้เวลาราว 60 นาที
ทั้งนี้ โน้ตไว้นิดนึงว่าเวลาออกรถและเวลาถึงที่หมายของรถบัส Momijigō จะเปลี่ยนไปทุกปี
ปิดท้าย
ชมสถานี Naruko-Onsen อีกเป็นครั้งสุดท้าย (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
หุบเขานารุโกะมักถือเป็นหนึ่งในจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอันดับต้นๆ ของภูมิภาคโทโฮคุ หลังจากได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ผมเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้งเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวหลายคนถึงพากันไปที่หุบเขาในช่วงฤดูนี้เพื่อชมวิวฤดูใบไม้ร่วงด้วยตัวเอง ภาพของหุบเขาที่สวยงามจากบนสะพานโอฟุกาซาว่าทำให้ผมดีใจมากที่ผมหาเวลามาที่นี่ได้
สำหรับช่วงเวลาที่ผมอยู่ที่หุบเขานารุโกะนั้น มีเพียงเรื่องเดียวที่ผมเสียดาย นั่นก็คือผมไม่มีเวลามากพอที่จะสำรวจที่แห่งนี้ได้อย่างเต็มที่! ผมมีเวลาชมหุบเขาเพียงช่วงเช้าวันเดียวเท่านั้น แต่ผมเห็นภาพตัวเองใช้เวลาอยู่ตรงนั้นทั้งวันได้ซะงั้น ที่จริงแล้วผมยังคิดอยากจะไปค้างคืนที่เรียวกังออนเซ็นสักแห่งของที่นั่นเพื่อสัมผัสประสบการณ์ฤดูใบไม้ร่วงให้เต็มที่ด้วยซ้ำ
การไปเที่ยวหุบเขาครั้งแรกของผมจะไม่ได้เป็นครั้งสุดท้ายแน่นอน และผมคิดว่าครั้งต่อไปผมจะได้ใช้เวลาอยู่ที่นั่นให้มากขึ้นแน่ๆ ถ้าคุณอยากได้ประสบการณ์ฤดูใบไม้ร่วงที่น่าจดจำ ที่นี่เป็นที่หนึ่งที่คุณไม่ควรพลาด
JR EAST PASS (Tohoku area)
JR EAST PASS (Tohoku area) และพื้นที่ที่ตั๋วครอบคลุม (เครดิตภาพ: JR East)
ทริปฤดูใบไม้ร่วงรอบหน้า อยากไปเที่ยวหุบเขานารุโกะและสถานที่สวยงามอื่นๆ รอบภูมิภาคโทโฮคุใช่ไหมเอ่ย? ขอแนะนำ JR EAST PASS (Tohoku area) ตั๋ว Pass ราคาย่อมเยาที่ให้คุณนั่งรถไฟบนทางรถไฟของ JR East ได้อย่างไม่จำกัดเที่ยว (รวมถึงทางรถไฟสาย Rikū-East รถไฟชินกันเซ็น และ Joyful Train บางขบวน) ในพื้นที่ที่ตั๋วครอบคลุมตลอดระยะเวลา 5 วันติดต่อกัน ด้วยราคาเพียง 20,000 เยนเท่านั้น ตั๋วนี้จึงมีราคาถูกกว่าค่าเดินทางไป-กลับระหว่าง Tokyo และ Furukawa (ราคา 22,000 เยนขึ้นไป)
ตั๋ว Pass นี้สามารถใช้กับประตูตรวจตั๋วอัตโนมัติได้ และคุณยังสามารถจองที่นั่งบนชินกันเซ็น รถด่วนพิเศษบางขบวน และบนรถไฟ Joyful Train ล่วงหน้าถึง 1 เดือนได้ฟรีที่นี่
เครดิตภาพปก: JR East / Nazrul Buang, illustAC
Translated by ANNGLE