นั่งรถไฟ B.B.BASE และท่องเที่ยวสำรวจไปยังคาชิมะโดยจักรยาน
ท่านสุภาพสตรีและท่านสุภาพบุรุษ กล่าวสวัสดีกับรถไฟ B.B.BASE ซึ่งเป็นรถไฟ Joyful Train โดย JR East มีความพิเศษเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่รักและชื่นชอบในการปั่นจักรยาน หรือสำหรับผู้ที่ต้องการปั่นจักรยานไปบนการท่องเที่ยวด้วยรถไฟของพวกเขา รถไฟนี้เริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม 2018 และให้บริการด้วยรถไฟซีรี่ส์ 209 ที่ได้รับการตกแต่งใหม่
รถไฟตั้งชื่อตาม “BOSO BICYCLE BASE” และคอนเซ็ปของรถไฟก็คือให้ผู้โดยสารได้ท่องเที่ยวสำรวจไปในคาบสมุทรโบโซ (房総半島 Bōsō hantō) และบริเวณใกล้เคียงด้วยรถไฟและการปั่นจักรยาน ที่ซึ่งผู้โดยสารสามารถนั่งรถไฟและเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ที่วิเศษยอดเยี่ยมของคาบสมุทร และสามารถท่องเที่ยวต่อไปได้ด้วยการปั่นจักรยานหลังจากนั่งรถไฟเพื่อสำรวจได้อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น
รถไฟ B.B.BASE. (เครดิตภาพ: JR East Chiba Branch)
การปั่นจักรยานเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการสำรวจไปยังสถานที่ใหม่ๆ และรถไฟ B.B.BASE ให้โอกาสแก่ผู้โดยสารในการเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟไปพร้อมกับจักรยาน รถไฟไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้โดยสารไปถึงยังจุดหมายปลายทาง แต่มันยังให้วิวทิวทัศน์ที่มหัศจรรย์ยอดเยี่ยมของภูมิภาคนี้ เป็นการสร้างความตื่นเต้นให้สำหรับการผจญภัยด้วยจักรยานของพวกเขา
แผนที่เส้นทางเดินรถของรถไฟ B.B.BASE (เครดิตภาพ: Google Maps)
รถไฟออกเดินทางจากสถานี JR Ryōgoku (JR両国駅) สำหรับทุกเส้นทางและมี 5 เส้นทางให้ผู้โดยสารได้สามารถเลือก
① เส้นทาง Uchibō (内房): สถานี JR Ryōgoku → สถานี JR Wadaura (JR和田浦駅) , สถานี JR Tateyama (JR館山駅) → สถานี JR Ryōgoku
② เส้นทาง Sotobō (外房): สถานี JR Ryōgoku ↔ สถานี JR Awa-Kamogawa (JR安房鴨川駅)
③ เส้นทาง Sawara / Kashima (佐原・鹿島): สถานี JR Ryōgoku ↔ สถานี JR Kashimajingū (JR鹿島神宮駅)
④ เส้นทาง Sakura / Chōshi (佐倉・銚子): สถานี JR Ryōgoku ↔ สถานี JR Chōshi (JR銚子駅)
⑤ เส้นทาง Mount Kano / Saikuru Train (鹿野山・菜久留トレイン): สถานี JR Ryōgoku → สถานี JR Kimitsu (JR君津駅) ด้วยการเปลี่ยนรถที่สถานี JR Kisarazu (JR木更津駅) , สถานี JR Takeoka (JR竹岡駅) → สถานี JR Ryōgoku
ไม่เหมือนกับรถไฟ Joyful Train ขบวนอื่นๆ รถไฟขบวนนี้มีการเตรียมที่จอดรถจักรยานเป็นพิเศษ ดังนั้นผู้โดยสารสามารถนำจักรยานขึ้นรถไฟไปพร้อมกันกับพวกเขา และจอดจักรยานบนที่จอดได้อย่างปลอดภัย ทำให้ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินไปกับการนั่งรถไฟได้อย่างง่ายดาย เป็นอะไรที่แปลกใหม่และสะดวกสบายอะไรเช่นนี้
แผนผังของรถไฟ B.B.BASE (เครดิตภาพ: JR East)
รถไฟประกอบไปด้วย 6 ตู้และมีที่นั่งรวมกัน 99 ที่ ภายนอกรถไฟได้รับการตกแต่งด้วยชื่อรถไฟและเลขขบวนตู้ด้วยตัวอักษรตัวหนา ตู้ 1 จะเป็นตู้แรกในทิศทางไปยังสถานี JR Ryōgoku มาเช็คดูภายในขบวนรถว่าเป็นเช่นไรกันเถอะ
ตู้ 1–3 และ 5–6: ตู้โดยสารพร้อมด้วยที่จอดรถจักรยาน
ภายในตู้ 5 (เครดิตภาพ: JR East / Kobori)
ตู้ 1, 2, 3, 5, และ 6 เป็นตู้โดยสารที่มี 19–20 ที่นั่ง หนึ่งแถวแบ่งที่นั่งเป็น 2+1 โดยการจัดวางแบบนี้ทำให้ผู้โดยสารมีพื้นที่เพียงพอให้พาจักรยานภายในตู้ขบวนรถไฟ ที่นั่งติดตั้งปลั๊กไฟฟ้าไว้ด้วยและขบวนรถไฟมีลักษณะเฉพาะด้วยพื้นยางป้องกันการลื่นทำให้ผู้โดยสารสามารถเคลื่อนตัวไปรอบๆภายในรถไฟได้อย่างปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาสวมรองเท้าจักรยาน ผู้โดยสารสามารถนำอาหารและเครื่องดื่มขึ้นไปทานบนรถไฟได้ เพราะว่าไม่มีอาหารและเครื่องดื่มขายบนรถไฟ
ที่จอดรถจักรยานภายในรถไฟ (เครดิตภาพ: JR East / Kobori)
บริเวณใกล้กับประตูของตู้รถไฟนั้นติดตั้งที่จอดรถจักรยานที่เรียบง่ายและใช้งานได้ง่าย ดังนั้นผู้โดยสารสามารถจอดและยกจักรยานลงได้อย่างรวดเร็วในตอนที่ขึ้นและลงจากรถไฟ ไม่มั่นใจในวิธีการใช้ที่จอดรถหรือ ไม่ต้องกังวล เพียงแค่ทำตามขั้นตอนข้างล่างนี้
① จับตะขอเกี่ยวและดึงเฟรมไกด์เข้าหาตัว (คำแนะนำ: ถ้าจักรยายของคุณมีขนาดเล็ก ใช้เฟรมไกด์เพียงอันเดียวก็พอแล้ว)
② วางล้อหน้าของจักรยานบนเฟรมไกด์ (คำแนะนำ: ก่อนอื่นวางล้อหน้าบนเฟรมไกด์ แล้วดันล้อหลังเข้าไป)
③ มัดจักรยานให้แน่นด้วยสายซึ่งติดอยู่กับเฟรมไกด์
④ เรียบร้อย!
ตู้ 4: พื้นที่ Open space
ภายในตู้ 4 (เครดิตภาพ: JR East / Kobori)
ตู้ 4 เป็นตู้ที่มีลักษณะพิเศษเป็นพื้นที่เปิดโล่งพร้อมกับที่นั่ง ผู้โดยสารสามารถใช้พื้นที่และที่นั่งได้อย่างอิสระ แต่พื้นที่นี้อาจจะถูกใช้สำหรับงานอีเวนต์พิเศษในบางโอกาส ปัจจุบันตู้นี้ได้ติดตั้งจอภาพซึ่งโชว์ถึงเสน่ห์ของคาบสมุทรโบโซและทำให้ผู้โดยสารเกิดแรงบันดาลใจในการผจญภัยด้วยการปั่นจักรยาน
ท่องเที่ยวสำรวจไปยังเส้นทางซาวาระ/คาชิมะ
เส้นทาง Sawara / Kashima (เครดิตภาพ: Google Maps)
เมื่อเร็วๆนี้ เพื่อนร่วมงานใน JR East ได้มีโอกาสท่องเที่ยวสำรวจเส้นทางซาวาระ / คาชิมะ และได้สัมผัสกับวันที่สนุกสนานทั้งวันในการนั่งรถไฟและปั่นจักรยานไปในชนบท ไปสำรวจหาประสบการณ์การท่องเที่ยวของเขาให้มากขึ้นและดูว่าเราจะทำอย่างไรให้สามารถทำได้เหมือนเช่นกัน!
① เริ่มออกเดินทางจากสถานี JR Ryōgoku
สถานี JR Ryōgoku (เครดิตภาพ: JR East / Kobori)
เพื่อนของเราเริ่มต้นการเดินทางจากสถานี JR Ryōgoku ที่ซึ่งรถไฟ B.B.BASE เริ่มออกเดินทาง สถานีรถไฟนี้ตั้งอยู่บริเวณฝั่งตะวันออกของเขตมหานครโตเกียวซึ่งทำให้สะดวกมากสำหรับผู้ที่ใช้โตเกียวเป็นฐานในการเดินทาง โดยเฉพาะถ้าพวกเขานั่งรถไฟไปด้วยกับจักรยานของพวกเขา เมื่อพวกเขามาถึงสถานีรถไฟ ก็นั่งรถไฟไปด้วยกันกับจักรยานที่ซึ่งพวกเขาจะพบว่ามันเป็นเรื่องง่าย
วิวทิวทัศน์ภายนอกเมื่อมองจากภายในรถไฟ (เครดิตภาพ: JR East / Kobori)
ระหว่างนั่งรถไฟ พวกเขาได้ประหลาดใจมากไปกับวิวทิวทัศน์อันสวยงามที่พวกเขาได้เพลิดเพลินไปตลอดเส้นทางไปจนถึงจุดหมายปลายทาง การเดินทางเต็มไปด้วยวิวทิวทัศน์ของทะเลและชนบท และพวกเขายิ่งตื่นเต้นไปกับนาทีของการเดินทางท่องเที่ยวด้วยการปั่นจักรยาน
② เริ่มต้นเส้นทางปั่นจักรยานจากสถานี JR Kashimajingū
สถานี JR Kashimajingū (เครดิตภาพ: JR East / Kobori)
หลังจากการนั่งรถไฟอันผ่อนคลายสบายๆแล้ว ในที่สุดเพื่อนของเราก็มาถึงสถานี JR Kashimajingū สถานีสุดท้ายของเส้นทางซาวาระ / คาชิมะ ที่ซึ่งพวกเขาเอาจักรยานลงและเริ่มการผจญภัยด้วยการปั่นจักรยานไปรอบๆเมืองคาชิมะ (鹿島市 Kashima-shi) ซึ่งพวกเขาพบว่ามันเป็นเรื่องสนุกสนานเพลิดเพลินมากไปในการสำรวจท่องเที่ยวโดยจักรยาน!
③ ท่องเที่ยวสำรวจศาลเจ้าคาชิมะ
โทริอิประตูหลักของศาลเจ้าคาชิมะ (เครดิตภาพ: JR East / Kobori)
เมื่อพูดถึงคาชิมะ บางทีสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ ศาลเจ้าคาชิมะ (鹿島神宮 Kashima-jingū) เป็นศาลเจ้าชินโตที่เป็นสัญลักษณ์อันโด่งดังนี้เป็นหนึ่งในจุดที่ต้องไปเยือนขณะที่ท่องเที่ยวสำรวจไปยังเส้นทางซาวาระ / คาชิมะ ซึ่งมันเป็นระยะทางเดินสั้นๆหรือปั่นจักรยานจากสถานี JR Kashimajingū และมันเป็นจุดแรกที่เพื่อนของเราได้ท่องเที่ยวค้นหาระหว่างการท่องเที่ยวด้วยการปั่นจักรยานของเขา
หลังจากที่มาถึงศาลเจ้า นักท่องเที่ยวจะวางสายตาของเขาไปยังโทริอิประตูศาลเจ้าอันสง่าโอ่อ่าที่ทางเข้า มันคือโทริอิหลักของศาลเจ้า (大鳥居 ōtorī) และเป็นการสร้างใหม่แทนที่โทริอิดั้งเดิม แต่เดิมถูกสร้างด้วยหินแกรนิตในปี 2004 แต่ถูกทำลายไปในระหว่างแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในภาคตะวันออกของญี่ปุ่น (東日本大震災 Higashi-nihon daishinsai) ในปี 2011 ประตูโทริอิจึงถูกสร้างขึ้นใหม่โดยใช้เหล็กทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศและแล้วเสร็จเมื่อเร็วๆนี้ในเดือนมิถุนายน 2014
Kashima Shrine’s tower gate. (เครดิตภาพ: JR East / Kobori)
หลังจากที่ผ่านประตูโทริอิไปแล้ว คุณจะได้พบกับหอคอยประตูศาลเจ้าสีแดงเข้มที่ยิ่งใหญ่สง่างาม (楼門 rōmon) ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งปลูกสร้างที่น่าทึ่งของศาลเจ้า สร้างในปี 1634 สูง 13 เมตรและเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น (重要文化財 jūyō-bunkazai) ได้รับการอนุรักษ์อย่างพิถีพิถันมาจนถึงทุกวันนี้ การปฏิสังขรณ์ครั้งล่าสุดมีขึ้นในปี 1965 และเป็นหนึ่งในสามหอคอยประตูศาลเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น (日本三大楼門 Nihon Sandai Rōmon) เช่นเดียวกันกับหอคอยประตูศาลเจ้าของศาลเจ้าฮาโคะซาคิในจังหวัดฟุคุโอกะ และศาลเจ้าอะโซะในจังหวัดคุมาโมโตะ
ภายในศาลเจ้า (เครดิตภาพ: JR East / Kobori)
คุณทราบไหมว่ากลุ่มอาคารของศาลเจ้าคาชิมะมีพื้นที่รวม 23.5 เฮกตาร์ นอกเหนือจากโทริอิหลักอันสง่าโอ่อ่าและหอคอยประตูศาลเจ้าดังที่กล่าวข้างต้นแล้ว การค้นพบอื่นๆมากมายรอคอยคุณอยู่ในกลุ่มอาคารของศาลเจ้า ประกอบไปด้วย ฟุทซึโนะมิทะมะ (布都御魂剣 Futsu-no-Mitama) ดาบขนาดใหญ่ที่เก็บไว้ในอาคารสมบัติ (宝物殿 hōmotsuden) ซึ่งได้รับการจัดให้เป็นสมบัติแห่งชาติญี่ปุ่น (国宝 kokuhō) ส่วนอาคารหลักของศาลเจ้า (本殿 honden) และอาคารที่ใช้เป็นที่สักการะเทพเจ้า (拝殿 haiden) ทั้งสองอาคารนี้ได้รับการจัดให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสวนกวางในกลุ่มอาคารด้วย คล้ายกับสวนกวางที่มีชื่อเสียงภายในนาระปาร์ค เกร็ดสนุกๆก็คือกวางถือเป็นผู้นำสารไปให้เทพเจ้า ดังนั้นจึงถูกเคารพนับถือในฐานะสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
ศาลเจ้าคาชิมะ (鹿島神宮 Kashima Shrine)
ที่อยู่: 2306-1 Kyuchu, Kashima, Ibaraki 314-0031
การเดินทาง: เดิน 10 นาทีจากสถานี JR Kashimajingū (JR鹿島神宮駅)
เปิดทำการ:
24 ชั่วโมง (กลุ่มอาคารศาลเจ้า)
8am–4pm (อาคารสมบัติ)
ค่าเข้า:
ฟรี (กลุ่มอาคารศาลเจ้า)
ผู้ใหญ่ 300 เยน (อาคารสมบัติ)
④ ชมโทริอิอันแรกของศาลเจ้าคาชิมะ
นิชิ โนะ อิจิ โนะ โทริอิ (Nishi-no-Ichi-no-Torii) (เครดิตภาพ: JR East / Kobori)
บริเวณรอบสถานี JR Kashimajingū เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องบรรยากาศอันสงบเงียบและที่สำคัญที่สุดคือสภาพแวดล้อมอันเหมาะสมสำหรับการปั่นจักรยาน นักท่องเที่ยวสามารถปั่นจักรยานและสำรวจพื้นที่รอบๆได้อย่างสบายๆไม่เร่งรีบ และหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดในบริเวณนี้ได้แก่เส้นทางเลียบแม่น้ำวานิ (鰐川 Wani-gawa) ซึ่งไหลมาจากทะเลสาบคิตะอุระที่อยู่บริเวณใกล้เคียง (北浦湖 Kitaura-ko)
เมื่อเพื่อนของเราปั่นจักรยานไปตามเส้นทางที่สนุกสนานเพลิดเพลินและดื่มด่ำไปในบรรยากาศผ่อนคลาย เขาพบโทริอิที่เตะตายืนเด่นจากแม่น้ำ นั่นก็คือ นิชิ โนะ อิจิ โนะ โทริอิ หรือประตูแรกในทิศตะวันตก (西の一之鳥居 Nishi-no-Ichi-no-Torii) ซึ่งเป็นประตูโทริอิแรกของศาลเจ้าคาชิมะ ถูกสร้างขึ้นในปี 2013 มีความสูง 18.5 เมตรและกว้าง 22.5 เมตร เป็นหนึ่งในโทริอิที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ห้ามพลาดสถานที่สำคัญนี้เมื่อคุณปั่นจักรยานไปรอบๆบริเวณนี้ในการผจญภัยปั่นจักรยานครั้งหน้า!
⑤ จ้องมองไปยังสะพานคิตะอุระ
รถไฟ B.B.BASE ขณะกำลังข้ามสะพานคิตะอุระ (เครดิตภาพ: JR East Chiba Branch)
หลังจากชมดูประตูโทริอิแล้ว เขาปั่นจักรยานไปตามเส้นทางไปทางเหนือและพบกับอีกหนึ่งทัศนียภาพอันสวยงามยอดเยี่ยม สะพานคิตะอุระ (北浦橋梁 Kitaura-kyōryō) ซึ่งตั้งอยู่ถัดไปจากประตูโทริอิ เป็นสะพานที่ทอดยาวเหนือทะเลสาบคิตะอุระและเป็นเส้นทางรถไฟสาย Kashima Line (鹿島線) ซึ่งเชื่อมต่อกับสถานี JR Kashimajingū
มันเป็นการพักผ่อนด้วยการเพียงแค่ทำตัวสบายๆและจ้องมองไปยังทัศนียภาพอันสวยงามไม่ใช่หรือ การปั่นจักรยานเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการชมทัศนียภาพซึ่งมิฉะนั้นคุณอาจจะพลาดได้เมื่อคุณเดินทางท่องเที่ยวด้วยวิธีการอื่น และนี่เป็นจุดที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักซึ่งเป็นสถานที่ที่คุณสามารถหยุดพักก่อนที่คุณจะออกเดินทางไปยังการค้นพบอันถัดไป
⑥ ดอกไม้มากมายเต็มอิ่มที่สวนซุยโกซาวาระอะยาเมะ
สวนซุยโกซาวาระอะยาเมะ (เครดิตภาพ: JR East / Kobori)
คุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ของดอกไม้รึเปล่า เพื่อนของเราเป็นอย่างแน่นอนที่สุด และเมื่อเขาปั่นจักรยานข้ามสะพานจิงกู (神宮橋 Jingu Bridge) และถัดไปสะพานอิตาโคะโอฮาชิ (潮来大橋 Itako Ōhashi Bridge) ข้ามแม่น้ำฮิตาชิโทเนะ พวกเขาเจอกับสวนดอกไม้ซึ่งเป็นบ้านของดอกไอริสญี่ปุ่นจำนวนมาก (あやめ ayame) บานเจิดจรัสในตอนต้นฤดูร้อน
ดอกไอริสบานเต็มที่ในสวน (เครดิตภาพ: 千葉県観光物産協会)
ยินดีต้อนรับสู่สวนซุยโกซาวาระอะยาเมะ (水郷佐原あやめパーク Suigō Sawara Ayame Pāku) สวนสวยที่เพิ่งเปิดเมื่อเดือนเมษายนปี 2017 สวนนี้เคยเป็นที่รู้จักกันในชื่อสวนพฤกษศาสตร์พืชน้ำซุยโกซาวาระ (水郷佐原水生植物園 Suigō Sawara Suisei-shokubutsu-en) และเป็นที่รักอย่างมากเสมอมาโดยผู้คนท้องถิ่นสำหรับดอกไอริสที่แผ่ไปบนพื้นที่ 8 เฮกตาร์
ที่สวนนี้มีดอกไอริสกว่า 1.5 ล้านต้น 400 กว่าพันธุ์เช่น เอโดะ (江戸Edo) ฮิโกะ (肥後Higo) และอิเสะ (伊勢Ise) บานปกติในเดือนมิถุนายน ตรึงใจนักท่องเที่ยวทุกคนด้วยสีสันอันสดใส สวนนี้ก็เป็นที่รู้จักในเรื่องดอกบัวด้วย (はす hasu) ซึ่งบานในช่วงปลายฤดูร้อน
นั่งเรือในสวน (เครดิตภาพ: 千葉県観光物産協会)
ขณะที่สำรวจไปในสวน ทำไมไม่สนุกกับเวลาของคุณด้วยการนั่งเรือด้วยล่ะ นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือและดื่มด่ำไปกับทัศนียภาพอันสง่างดงามรอบตัวเมื่อเคลื่อนตัวไปอย่างนุ่มนวลตามแม่น้ำ มันเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่เป็นที่นิยมที่สุดของสวน และเป็นอะไรที่ฉันแนะนำอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมดอกไอริสที่สวนนี้คือปลายเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนมิถุนายน ถ้าคุณอยู่ที่เมืองนี้ในช่วงนั้น คุณต้องไม่พลาดเทศกาลอะยาเมะ (あやめ祭り) เมื่อดอกไอริสบานเต็มที่ หลังจากนั้นต้นเดือนกรกฎาคมถึงกลางเดือนสิงหาคมมีการจัดเทศกาลฮะสุ (はす祭り) เมื่อนักท่องเที่ยวจะเห็นดอกบัวบานเต็มที่บนผิวน้ำสงบนิ่งในสวน
(หมายเหตุ: เทศกาลอะยาเมะและเทศกาลฮะสุถูกจัดขึ้นในวันที่ 28 พฤษภาคมถึง 19 มิถุนายน และในวันที่ 2 กรกฎาคมถึง 14 สิงหาคมตามลำดับ วันที่จัดงานอาจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับแต่ละปี
สวนซุยโกซาวาระอะยาเมะ (水郷佐原あやめパーク Suigo Sawara Ayame Park)
ที่อยู่: 1837-2 Ogishima, Katori, Chiba 287-0801
การเดินทาง: จากสถานี JR Sawara (JR佐原駅) ให้นั่งรถบัส Sawara Loop Bus และลงที่ป้ายรถบัส Suigo Sawara Ayame Park รถบัสใช้เวลาประมาณ 20 นาทีขาเดียว (หมายเหตุ: ระหว่างเทศกาลอะยาเมะ มีรถชัตเติ้ลบัสส่งทุกวันจากสถานี JR Sawara ไปยังสวนด้วยค่ารถ 500 เยนต่อผู้ใหญ่)
เวลาเปิด:
9am–4:30pm (วันปกติ)
8am–6pm (เทศกาลอะยาเมะ)
8am–4:30pm (เทศกาลฮะสุ)
ค่าเข้า:
ผู้ใหญ่ 200 เยน (เมษายนและ กันยายน-พฤศจิกายน)
ผู้ใหญ่ 600 เยน (พฤษภาคม–สิงหาคม)
ผู้ใหญ่ 800 เยน (เทศกาลอะยาเมะ)
ฟรี (ธันวาคม-มีนาคม)
⑦ เดินทางย้อนเวลาใน “ลิตเติ้ลเอโดะ” ของซาวาระ
ซาวาระ โคะเอโดะ (Sawara Koedo) (เครดิตภาพ: JR East / Kobori)
ต่อไปพวกเขาปั่นต่อไปทางใต้ และพบกับเมืองที่ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกับได้เดินทางท่องเที่ยวย้อนเวลา นั่นก็เพราะว่าเมืองซาวาระ (佐原市) มีเมืองประวัติศาสตร์ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกเหมือนกับได้สัมผัสประสบการณ์เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น
อาคารประวัติศาสตร์และคลองของซาวาระโคะเอโดะ (เครดิตภาพ: JR East / Kobori)
ซาวาระเป็นที่ตั้งของ “ลิตเติ้ลเอโดะ” (小江戸 ko-edo) เมืองคลองประวัติศาสตร์ที่มีอาคารและสถาปัตยกรรมจากยุคเอโดะ (1603–1867) ซาวาระเคยรุ่งเรืองในฐานะเมืองค้าขายในช่วงเวลานั้น เพราะว่าพ่อค้ามักจะมาที่นี่บ่อยๆ ขอบคุณสำหรับการเดินทางเข้าถึงตรงเข้าไปยังแม่น้ำโทเนะได้ (利根川 Tone-gawa)
สะพานโทโยฮาชิภายในเมืองประวัติศาสตร์ (เครดิตภาพ: JR East / Kobori)
บ้านเรือนพ่อค้าและโกดังจำนวนมากจากยุคนั้นได้ถูกอนุรักษ์อย่างระมัดระวังมาจนถึงทุกวันนี้ นักท่องเที่ยวสามารถชมมองบรรยากาศที่ชวนให้หวนระลึกถึงความหลังของถนนที่เคยเป็นอย่างเช่นในอดีต นักท่องเที่ยวยังสามารถชมคลองที่ไหลไปตามถนนเช่นเดียวกับที่มันเคยถูกใช้โดยพ่อค้าเพื่อการขนส่ง และสามารถนั่งเรือท่องเที่ยวชมวิวของเมืองจากคลอง
คุณอาจจะสนใจเช่นกันที่จะทราบว่า เขตซาวาระของคาชิมะนั้นเป็นที่รู้จักกันในชื่อของ "เมืองน้ำ" (水郷 suigō) ซึ่งเป็นเมืองที่มีทัศนียภาพสวยงามไปด้วยทะเลสาบและแม่น้ำไหลผ่านเมือง ถ้าคุณอยากจะหาเมืองน้ำที่มีเสน่ห์อื่นๆอย่างเช่น ซาวาระ มีเมืองอื่นๆใกล้เคียงเช่น เมืองคาโทริ (香取市 Katori-shi) ในจังหวัดจิบะและเมืองอิตาโคะ (潮来市 Itako-shi) ในจังหวัดอิบาราคิ
ซาวาระลิตเติ้ลเอโดะ (佐原小江戸 Sawara Little Edo)
ที่อยู่: I-1730-3 Sawara, Katori, Chiba 287-0003
การเดินทาง: เดิน 10–15 นาทีจากสถานี JR Sawara (JR佐原駅)
⑧ สรุปการผจญภัยด้วยการปั่นจักรยานของพวกเขาที่สถานี JR Sawara
สถานี JR Sawara (เครดิตภาพ: JR East / Kobori)
เมื่อพวกเขาได้สำรวจไปยังเมืองประวัติศาสตร์ลิตเติ้ลเอโดะของซาวาระแล้ว พวกเขาได้ไปอย่างช้าๆยังสถานี JR Sawara ซึ่งเป็นระยะเพียงเดินหรือปั่นจักรยานสั้นๆ สถานีนี้เป็นจุดพักหลักสำหรับรถไฟ B.B.BASE และเป็นจุดที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะจบการผจญภัยด้วยการปั่นจักรยานของคุณบนเส้นทางคาชิมะ/ซาวาระ
จอดจักรยานภายนอกสถานี JR Sawara (เครดิตภาพ: JR East / Kobori)
ก่อนที่จะนั่งรถไฟที่สถานี พวกเขาใช้เวลาชื่นชมอาคารสถานีก่อนเป็นอันดับแรก อาคารปัจจุบันของสถานีนั้นสร้างเสร็จในปี 2011 ไม่เหมือนกับสถานีอื่นๆที่ทันสมัยมากกว่า การออกแบบย้อนยุคไปยังสถาปัตยกรรมยุคเอโดะ คุณไม่คิดหรือว่าวิธีที่สมบูรณ์แบบในการจบผจญภัยไปรอบซาวาระคือการแต้มสีจางๆของการระลึกถึงความหลังอันมีเสน่ห์
เป็นการสิ้นสุดการท่องเที่ยวด้วยการปั่นจักรยานของพวกเขา (เครดิตภาพ: JR East / Kobori)
ด้วยสิ่งนั้น พวกเขามาถึงจุดสิ้นสุดการเดินทางท่องเที่ยวด้วยการปั่นจักรยาน เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับเพื่อนของเราหลังจากท่องเที่ยวสำรวจไปยังคาชิมะและซาวาระ พวกเขารู้สึกอยากสำรวจไปยังเส้นทางอื่นๆด้วยเช่นกัน ด้วยความจริงใจพวกเขาต้องการให้ทุกท่านด้วยเช่นกัน พิจารณาการนั่งรถไฟ B.B.BASE และสำรวจค้นหาความสนุกสนานของการปั่นจักรยานไปยังชนบทที่สงบสุขและงดงามและสำรวจไปยังพื้นที่ใหม่ๆอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น
ขึ้นรถไฟ B.B.BASE ที่สถานี JR Sawara (เครดิตภาพ: JR East / Kobori)
ปิดท้าย
การเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสำรวจไปยังส่วนต่างๆของญี่ปุ่น และการทำเช่นเดียวกันในคาบสมุทรโบโซก็ไม่เป็นข้อยกเว้น วิวทิวทัศน์อันมหัศจรรย์ยอดเยี่ยม อุดมไปด้วยประวัติศาสตร์และบรรยากาศอันวิเศษงดงามของคาบสมุทรทำให้มันเป็นจุดหมายปลายทางที่มหัศจรรย์ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะสำหรับคนที่ใช้โตเกียวเป็นฐาน ขอบคุณสำหรับการเข้าถึงด้วยรถไฟได้โดยตรงทำให้เป็นการคมนาคมที่สะดวก
อย่างไรก็ตาม ทำไมคุณไม่ลองปั่นจักรยานไปในการผจญภัยด้วยรถไฟครั้งหน้าดูล่ะ รถไฟ B.B.BASE อนุญาตให้ผู้โดยสารสัมผัสประสบการณ์ความมหัศจรรย์ของการท่องเที่ยวสำรวจคาบสมุทรด้วยรถไฟและจักรยาน ทำให้พวกเขาเข้าไปชมเสน่ห์ของคาบสมุทรได้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์นี้ฉันคิดว่าทุกคนควรลองดู!
วิธีการนั่งรถไฟ B.B.BASE
การขึ้นรถไฟ B.B.BASE (เครดิตภาพ: JR East / Kobori)
รถไฟ B.B.BASE วิ่งส่วนใหญ่ในวันหยุดสุดสัปดาห์หรือบางวันในวันธรรมดา รวมถึงช่วงโกลเด้นวีค เส้นทางรถไฟขึ้นอยู่กับคอร์สและแต่ละคอร์สออกเดินทางเฉพาะวัน ดังนั้นจึงแนะนำผู้โดยสารอย่างยิ่งให้เช็คตารางเดินรถและรอบเวลาจากที่นี่ เพื่อจัดการสิ่งจำเป็น รถไฟออกเดินทางรอบเดียวต่อวัน และทุกที่นั่งบนรถไฟต้องทำการจองซึ่งสามารถทำผ่านออนไลน์ล่วงหน้า 1 เดือนก่อนการเดินทางได้ที่นี่
สำหรับคอร์สอื่นๆที่แตกต่าง JR East ได้สร้างเส้นทางปั่นจักรยานหลายเส้นทางและหลากหลายระยะทางซึ่งนักเดินทางท่องเที่ยวสามารถใช้มันสำหรับเส้นทางปั่นจักรยานของพวกเขา ซึ่งคุณสามารถอ้างถึงได้จากที่นี่ กรุณาหมายเหตุไว้ว่าเส้นทางเป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น แต่เส้นทางนี้เชื่อมต่อไปยังแผนที่Strava map ซึ่งสามารถเข้าไปดูได้ทุกคน
เส้นทางไปยังประตูทางเข้าของรถไฟ B.B.BASE (เครดิตภาพ: JR East)
รถไฟ B.B.BASE สามารถเข้าถึงได้จากสถานี JR Ryōgoku ซึ่งเป็นระยะนั่งรถไฟ 15 นาทีจากสถานี JR Tōkyō หลังจากที่ไปถึงสถานีนี้แล้ว คุณสามารถเดินทางจากทางออกตะวันตก (西口West Exit) ไปรอบอาคาร Ryōgoku Edo NOREN (-両国- 江戸NOREN) ไปยังประตูทางเข้าของรถไฟ B.B.BASE ที่อยู่ทางเหนือของสถานี (คำแนะนำ: ถ้าคุณไม่มั่นใจในเส้นทาง ให้เพียงตามเส้นทางนำสีเหลืองที่เห็นได้ชัดบนพื้น) กรุณาหมายเหตุไว้ว่าทางเข้านี้สำหรับผู้โดยสารรถไฟ B.B.BASE ผู้ซึ่งจะขึ้นรถไฟไปพร้อมกับจักรยาน
เส้นทางสำหรับผู้โดยสารรถไฟ B.B.BASE (ตามเข็มนาฬิกาเริ่มจากบนซ้าย): ทางออกตะวันตกของสถานี JR Ryōgoku ทางเดินไกด์สีเหลืองไปยังประตูทางเข้ารถไฟ B.B.BASE สถานีจักรยานของรถไฟ B.B.BASE และประตูทางเข้าสำหรับผู้โดยสารที่ไปกับจักรยาน (เครดิตภาพ: JR East / Kobori)
ถ้าคุณต้องการไปปั่นจักรยาน แต่คุณไม่มีจักรยานเป็นของตนเอง มีจักรยานให้เช่าที่สถานีจักรยาน B.B.BASE BICYCLE STATION ที่ประตูทางเข้า มีจักรยานหลากรูปแบบให้เลือกตั้งแต่จักรยานเสือหมอบและจักรยานเสือภูเขา และถ้าคุณเป็นมือใหม่สำหรับการปั่นจักรยาน คุณสามารถสอบถามไปยังพนักงานผู้มีอัทธยาศัยดีได้ทุกคนผู้ซึ่งยิ่งกว่ายินดีที่จะสอนคุณพื้นฐานและคำแนะนำสำหรับขับขี่ปลอดภัย หลังจากที่คุณได้จักรยานแล้ว คุณสามารถไปยังทางที่นำไปสู่ชานชลา 3 ที่ซึ่งรถไฟ B.B.BASE จะออกเดินทางจากที่นี่
การเช่าจักรยานที่ B.B.BASE Bicycle Station (เครดิตภาพ: JR East / Kobori)
ถ้าคุณวางแผนว่าจะนำจักรยานของคุณเองไปขึ้นรถไฟ โปรดทราบว่ามีแนวทางปฏิบัติบางข้อที่ผู้โดยสารทุกคนต้องปฏิบัติตาม เช่น ขนาดของยางและระยะห่างระหว่างล้อหน้ากับล้อหลัง จักรยานบางประเภทเช่น จักรยานที่มีขาตั้งอยู่ล้อหลัง หรือจักรยานที่มีบังโคลนรถ อาจจะไม่อนุญาตให้ขึ้นรถไฟได้ ดังนั้นจึงขอแนะนำท่านผู้โดยสารเป็นอย่างยิ่งให้เช็คก่อนและจัดการสิ่งจำเป็นก่อนล่วงหน้า
แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับขนาดจักรยานบนรถไฟ (เครดิตภาพ: JR East)
สำหรับท่านที่นั่งรถไฟ B.B.BASE โดยไม่มีจักรยาน สามารถขึ้นรถไฟผ่านทางประตูตรวจตั๋ว ผู้ที่มาสถานีนี้ครั้งแรกจะประหลาดใจเมื่อพบกับแกลเลอรี่ภาพถ่ายและรอยพิมพ์มือของนักซูโม่ชื่อดัง บริเวณรอบๆสถานีเป็นที่รู้จักกันดีในทางประวัติศาสตร์ว่าเป็นเมกกะของซูโม่ และเพียงแค่ถัดจากสถานีคือ Ryōgoku Kokugikan (両国国技館) สถานที่สำคัญซึ่งใช้จัดการแข่งขันซูโม่จำนวนมากและเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ซูโม่
รอยพิมพ์มือของนักซูโม่ชื่อดัง (ซ้าย) และแกลเลอรี่ของสถานี Ryōgoku (ขวา) ภายในสถานีรถไฟ (เครดิตภาพ: JR East / Kobori)
และยังมีแกลเลอรี่ Ryogoku Station Gallery ทางเดินอันหรูหราที่จัดแสดงประวัติศาสตร์อันมากมายของการรถไฟในญี่ปุ่นและประวัติศาสตร์ของสถานีด้วยภาพรถไฟในอดีตที่ทำให้หวลระลึกถึงความหลัง มีกระทั่งพรมแดงปูอยู่ด้วยที่นี่ ดังนั้นผู้โดยสารจะรู้สึกเหมือนกับได้เป็นแขกผู้มีเกียรติเมื่อพวกเขาเดินทางเข้าไปยังชานชลาสำหรับขึ้นรถไฟ
JR TOKYO Wide Pass
ตั๋วพาส JR TOKYO Wide Pass และที่ที่คุณสามารถใช้พาสได้ (เครดิตภาพ: JR East)
ถ้าคุณต้องการนั่งรถไฟ B.B.BASE และท่องเที่ยวสำรวจไปยังคาบสมุทรโบโซ พิจารณาตั๋วพาส JR TOKYO Wide Pass เป็นตั๋วพาสที่ราคาไม่แพงและสามารถนั่งรถไฟของ JR East ได้ไม่จำกัดรวมทั้งชินคันเซน ในเขตที่กำหนด 3 วันติดต่อกันด้วยราคาเพียง 10,180 เยน มันเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟครอบคลุมพื้นที่จำนวนมากในระหว่างการเดินทางของพวกเขา
คุณสามารถทำการจองที่นั่งสำหรับชินคันเซน รถไฟด่วนพิเศษบางขบวนและรถไฟ Joyful Trains ผ่านทางออนไลน์ได้ฟรีล่วงหน้าสูงสุดได้ 1 เดือนได้ที่นี่
เครดิตภาพส่วนหัว: JR East / Kobori