ทริปสั้นๆ แต่ว้าวตื่นตารอบภูเขาไฟฟูจิ

ถ้าพูดถึงทริปไปเช้าเย็นกลับใกล้โตเกียวนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่คงจะนึกถึงภูเขาไฟฟูจิ (富士山 Fuji-san) กัน ภูเขาที่เด่นเป็นเอกลักษณ์ที่สุดของญี่ปุ่นนี้ตั้งอยู่ใกล้เมืองหลวงพอสมควรและเดินทางไปได้ง่ายด้วยรถไฟ จึงเป็นธรรมดาที่ทริปไปเช้าเย็นกลับรอบๆ ภูเขานั้นจะฮิตมากในบรรดานักท่องเที่ยวที่ปักหลักอยู่ในโตเกียว
ในวันที่ฟ้าแจ่มใส เราจะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้จากหลายพื้นที่ด้วยและบางที่ก็ไกลถึงจังหวัดนากาโนะและจังหวัดจิบะเลยทีเดียว แต่นักท่องเที่ยวส่วนมากจะบอกว่าบรรดาจุดชมวิวที่ดีที่สุดอยู่ที่จังหวัดยามานาชิ ซึ่งเป็นจังหวัดที่ส่วนหนึ่งของภูเขานั้นตั้งอยู่ หนึ่งในสองจุดชมภูเขาไฟฟูจิยอดนิยมคือที่เมืองฟูจิโยชิดะ (富士吉田市 Fujiyoshida-shi) และทะเลสาบคาวากุจิโกะ (河口湖) ซึ่งต่างดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยือนตลอดทั้งปี
การเดินทางรอบๆ Arakurayama Sengen Park และทะเลสาบคาวากุจิโกะ (เครดิตภาพ: Google Maps)
ผมมีเรื่องที่อยากสารภาพ แม้ว่าผมจะเดินทางไปญี่ปุ่นมาแล้วหลายครั้ง แต่พื้นที่รอบภูเขาไฟฟูจินั้นเป็นหนึ่งในที่ที่ผมไม่เคยไปมาก่อน สถานที่เหล่านั้นเป็นที่แปลกถิ่นสำหรับผมมานานที่สุดและผมได้เห็นภูเขาจากที่ไกลๆ เท่านั้น แต่ไม่เคยเข้าไปชมใกล้ๆ จากฟูจิโยชิดะหรือทะเลสาบคาวากุจิโกะเลย อย่างไรก็ตาม ในที่สุดผมก็ได้ไปเยี่ยมสถานที่เหล่านั้น และผมรู้สึกประสบความสำเร็จอย่างมากที่จะได้กาสถานที่เหล่านี้ออกจากลิสต์ของผมเสียที
สำหรับบทความนี้ เราจะมาดูทริปสั้นๆ ของผม ณ สองโลเคชั่นยอดนิยมสำหรับการชมภูเขาไฟฟูจิ และมาดูกันว่าผมค้นพบอะไรบ้างระหว่างทริปไปเช้าเย็นกลับของผม หลังจากที่ได้ไปเยี่ยมบรรดาสถานที่เหล่านี้ ผมก็ได้เข้าใจในที่สุดว่าทำไมที่เหล่านี้จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาช้านาน
① ก้าวขึ้นรถไฟ Fuji Excursion
รถไฟ Fuji Excursion (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
พื้นที่รอบๆ ภูเขาไฟฟูจินั้นเดินทางไปจากโตเกียวได้ง่ายด้วยรถไฟ และใช้เวลา 2 ชั่วโมงต่อเที่ยว มีรถไฟไม่กี่ขบวนที่นักท่องเที่ยวสามารถนั่งจากโตเกียวไปยังที่เหล่านี้ได้ และหนึ่งในนั้นคือ Fuji Excursion (富士回遊 Fuji Kaiyū) รถไฟด่วนพิเศษที่วิ่งระหว่างสถานี Shinjuku (新宿駅 Shinjuku-eki) และสถานี Kawaguchiko (河口湖駅 Kawaguchiko-eki)
ภายในรถไฟ Fuji Excursion (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
เป็นครั้งแรกที่ผมได้มานั่ง Fuji Excursion และจุดที่ผมชอบเกี่ยวกับรถไฟนี้ได้อยู่ที่เรื่องความสะดวกในการตั้งต้นเดินทางจากจุดใจกลางเมืองอย่างชินจูกุเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการที่รถไฟนี้เชื่อมไปยังสถานที่ต่างๆ รอบภูเขาไฟฟูจิโดยตรงด้วย รถไฟอื่นๆ จะพาผู้โดยสารไปยังสถานี Ōtsuki (大月駅 Ōtsuki-eki) เท่านั้น ซึ่งจากตรงนั้นพวกเขาจะต้องต่อรถไฟสาย Fujikyukō (富士急行線 Fuji-Kyūkō-sen) ต่อหากจะมุ่งหน้าไปยังคาวากุจิโกะ อย่างไรก็ตาม รถไฟ Fuji Excursion วิ่งตรงไปยังคาวากุจิโกะเลย ดังนั้นผู้โดยสารที่ไปที่นั่นจึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสายรถไฟเลยแต่อย่างใด
ภูเขาไฟฟูจิที่เห็นได้จากหน้าต่างรถไฟ (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
ขณะที่รถไฟกำลังมุ่งหน้าไปยังคาวากุจิโกะ ก็มีเรื่องสุดพิเศษเข้ามาทักทายผม นั่นคือการได้เห็นวิวภูเขาไฟฟูจิที่อยู่ไกลๆ! ช่วงที่ผมเดินทางนั้นอากาศแจ่มใสมาก และผมไม่คิดว่าจะได้เห็นภูเขาตั้งแต่ก่อนจะเดินทางถึงที่หมายของผมด้วยซ้ำ ถือเป็นนิมิตหมายถึงสิ่งที่กำลังจะตามมาที่วิเศษมาก และผมตื่นเต้นมากที่จะได้เห็นภูเขาอีกครั้งแบบใกล้ๆ
② จุดแรก: Arakurayama Sengen Park
สถานี Shimoyoshida (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
รถไฟผมออกจากชินจูกุตอน 9:30 น. และตอน 11:11 น. รถไฟก็มาถึงที่สถานี Shimoyoshida (下吉田駅 Shimoyoshida-eki) แทนที่จะลงรถที่สถานี Kawaguchiko อย่างที่วางแผนไว้ตอนแรก ผมเลือกที่จะลงรถที่นี่เพราะที่นี่เป็นสถานีของจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิชื่อดังแห่งหนึ่งซึ่งเดินไปได้ใกล้ๆ จากสถานี
ทางเข้าด้านหน้าของศาลเจ้าอาราคุรายามะเซ็นเก็น (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
สถานี Shimoyoshida เป็นสถานีของ Arakurayama Sengen Park (新倉山浅間公園 Arakurayama Sengen-kōen) สวนสาธารณะที่สวยงามสุดๆ ของเมืองฟูจิโยชิดะที่มีวิวสุดอลังการของเจดีย์ชูเรโต (忠霊塔 Chūreitō) พร้อมภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง การเดินจากสถานี Shimoyoshida ไปยังทางเข้าด้านหน้าของศาลเจ้าอาราคุรายามะเซ็นเก็น (新倉山浅間公園 Arakurayama Sengen-jinja) นั้นใช้เวลา 10 นาที ตามด้วยการเดินขึ้นอีก 5 นาทีเพื่อไปยังสวนสาธารณะ
ภูเขาไฟฟูจิที่เริ่มโผล่ให้เห็นขณะที่ผมกำลังเดินขึ้น (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
ระหว่างที่ผมกำลังเดินขึ้นไปที่สวน ท้องฟ้าก็เริ่มจะโปร่งขึ้นและภูเขาไฟฟูจิก็เริ่มปรากฎตัวให้เห็น เป็นภาพที่ยิ่งใหญ่จนทำให้ผมมัวแต่อึ้ง และผมไม่คิดว่าจะได้เห็นมันก่อนที่จะไปถึงสวนเสียอีก วิวนั้นทำให้ผมยิ่งอยากไปที่สวนให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อชมวิวอันเป็นเอกลักษณ์ของสวนสาธารณะแห่งนี้
แถมเกร็ดนิดนึงว่าการเดินไปที่ทางเข้าสวนด้านหน้านั้นมีสองวิธีด้วยกัน แบบแรกคือเดินขึ้นบันได 400 ขั้น หรืออีกแบบคือทางเดินคดเคี้ยวที่ชันเล็กน้อย ถ้าคุณอยากลองท้าทายตัวเองดู คุณสามารถเดินขึ้นบันไดและเพลิดเพลินไปกับวิวชั้นเยี่ยมระหว่างทางได้ หรือถ้าไม่งั้นคุณก็เดินไปตามเส้นทางคดเคี้ยวที่เดินสบายกว่าและค่อยๆ ขึ้นไปยังสวนสาธารณะได้
จงดู ภูเขาไฟฟูจิและเจดีย์ชูเรโตที่อยู่เบื้องหน้า (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
เมื่อผมมาถึงที่สวน ผมเดินไต่ขึ้นอีกนิดนึงไปยังจุดชมวิว ผมหันไปและมันก็อยู่ตรงนั้นเลย วิวชื่อดังที่มีภูเขาไฟฟูจิอันยิ่งใหญ่พร้อมเจดีย์ชูเรโตอยู่เบื้องหน้า เป็นวิวที่มักเห็นได้ตามแคตตาล็อกและสื่อเกี่ยวกับการท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยวหลายคนต่างมาที่สวนแห่งนี้เพื่อชมวิวที่ว่านี้ด้วยตัวเอง
ผมเห็นภาพวิวนี้ครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน แต่ไม่เคยมีโอกาสได้มาเที่ยวจริงๆ จนกระทั่งตอนนี้ หลังจากไปถึงที่นั่นและได้เห็นวิวด้วยตาตัวเอง ผมรู้สึกประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากว่า” โอ้ ในที่สุดผมก็มาถึงที่นี่” !
เจดีย์ชูเรโตเมื่อเข้าไปมองใกล้ๆ (ซ้าย) และศาลเจ้าอาราคุรายามะเซ็นเก็น (ขวา) (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
หลังจากชมวิวที่ยิ่งใหญ่ของเจดีย์ชูเรโตที่มีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลังจนหนำใจแล้ว ลองมาที่เจดีย์เพื่อชมใกล้ๆ กันดูไหม? เจดีย์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1962 ในฐานะอนุสรณ์แห่งสันติภาพ และตั้งแต่ที่สร้างเสร็จ เจดีย์นี้ก็กลายเป็นแลนด์มาร์กที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมือง
หลังจากได้มาเห็นเจดีย์ใกล้ๆ แล้ว ผมเดินลงไปเพื่อแวะสักการะศาลเจ้าอาราคุระยามะเซ็นเก็น ซึ่งเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวมาเพื่อขอพรให้ครอบครัวเป็นสุขและเพื่อให้คลอดบุตรได้อย่างปลอดภัย อย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกทึ่งก็คือการที่ศาลเจ้าแห่งนี้ถูกก่อตั้งเมื่อปี 705 และยังอยู่รอดมานานนับศตวรรษจนถึงทุกวันนี้ได้ สุดยอดไปเลยเนอะว่าไหม?
นอกเหนือจากศาลเจ้าอาราคุรายามะเซ็นเก็นแล้ว ยังมีอีกหลายสถานที่ที่น่าสนใจรอบสถานี Shimoyoshida ที่ผมอยากจะไป หนึ่งในนั้นคือนิชิอุระ (西裏) ย่านที่เดินไปจากสถานี Shimoyoshida ได้ในไม่กี่นาที ถนนเส้นหนึ่งที่น่าลองไปเป็นพิเศษคือย่านบาร์นิชิอุระ ฮาชิโกะ-ไก (西裏はしご街) ซึ่งมีบรรยากาศที่สะท้อนถึงยุคโชวะ และเต็มไปด้วยอิซากายะย้อนยุคที่เสิร์ฟเครื่องดื่มรสชาติเยี่ยมพร้อมเมนูอาหารที่หลากหลาย
ผมไม่มีเวลาไปเที่ยวที่ถนนเส้นนี้ แต่ผมสัญญากับตัวเองว่าจะมาเที่ยวให้ได้เมื่อผมมาแวะที่สถานี Shimoyoshida อีกครั้ง
นิชิอุระ ฮาชิโกะ-ไก (西裏はしご街)
ที่อยู่: 3-chome Shimoyoshida, Fujiyoshida-shi, Yamanashi 403-0004
การเดินทาง: เดิน 7 นาทีจากสถานี Shimoyoshida
③ ไปกันต่อสู่คาวากุจิโกะ
เดินทางบนทางรถไฟสาย Fujikyuko (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
หลังจากที่ผมแวะเที่ยวที่ Arakurayama Sengen Park ผมก็กลับมาที่สถานี Shimoyoshida และเดินทางต่อไปยังทะเลสาบคาวากุจิโกะโดยนั่งรถไฟสาย Fujikyuko ไป 15 นาที สิ่งที่ผมประหลาดใจเกี่ยวกับการนั่งรถไฟในครั้งนี้คือความรู้สึกคิดถึงอดีตที่สัมผัสได้ตอนอยู่บนรถไฟระหว่างเดินทางไปตามรางรถไฟ ไม่ว่าจะเป็นพื้นปูไม้ การตกแต่งภายใน และที่นั่งปูเบาะก็ดี ตัวรถไฟให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนบ้าน ซึ่งผิดกับรถไฟร่วมสมัยขบวนอื่นๆในเมืองใหญ่
สถานี Kawaguchiko (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
ไม่นานหลังจากที่ผมมาถึงสถานี Kawaguchiko ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของนักท่องเที่ยวที่มาสำรวจทะเลสาบคาวากุจิโกะรวมถึงทะเลสาบทั้งห้าแห่งภูเขาไฟฟูจิ (富士五湖 Fuji go-ko) และยังเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับผู้ที่มองหาการพักผ่อน ณ ออนเซ็นเรียวกังที่มีอยู่มากมายรอบทะเลสาบคาวากุจิโกะ และรู้อะไรไหม ยังมีตู้รถไฟย้อนยุคที่เคยวิ่งไปบนสาย Fujikyuko เมื่อหลายปีก่อนจัดแสดงอยู่ใกล้ๆ ด้วย!
④ อร่อยเพลินไปกับโฮโตร้อนๆ
โฮโต อาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดยามานาชิ (เครดิตภาพ: photoAC)
ผมมาถึงที่คาวากุจิโกะตอนราวๆ บ่ายโมง พอดีสำหรับเวลากินข้าวกลางวัน และเมื่อมาถึงที่คาวากุจิโกะ ก็ต้องกินโฮโต (ほうとう hōtō)! เมนูนี้เป็นอาหารเส้นที่เป็นของอร่อยท้องถิ่นของจังหวัดยามานาชิ มีจุดเด่นคือเส้นอุด้งอวบแบนและผักในซุปมิโสะรสเลิศ
โฮโตเป็นอาหารประเภทที่ผมคิดว่าเหมาะสำหรับวันที่อากาศหนาวสุดๆ ไปเลย เพราะเมนูนี้ช่วยให้ตัวผมอุ่นขึ้นได้อย่างง่ายดาย ด้วยความที่เป็น Comfort Food สำหรับคนท้องถิ่น อาหารจานนี้จึงเป็นเมนูอบอุ่นใจที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักมองข้าม และผมแนะนำให้ลองเป็นอย่างยิ่งสำหรับใครก็ตามที่มาเที่ยว คาวากุจิโกะ ภูเขาไฟฟูจิ หรือที่ไหนก็ตามในจังหวัดยามานาชิ
⑤ มุ่งหน้าไปยัง Oishi Park
เดินทางไปยัง Oishi Park โดยรถบัส (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
หลังมื้อกลางวัน จุดต่อไปของเราอยู่ที่สวน Oishi Park (大石公園 Ōishi-kōen) ที่สวยงามซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งเหนือของทะเลสาบคาวากุจิโกะ การจะไปที่สวนนั้น นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถ Kawaguchiko Sightseeing Bus (สายสีแดง) ซึ่งออกจากสถานี Kawaguchiko และไปลงที่ Kawaguchiko Natural Living Center (河口湖自然生活館 Kawaguchiko shizen seikatsu-kan) ได้
Oishi Park (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
หลังจากนั่งรถบัสมา 30 นาที ในที่สุดผมก็มาถึงที่ Oishi Park สวนแห่งนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และเหตุผลหนึ่งก็เพราะที่นี่มีวิวทะเลสาบคาวากุจิโกะและมีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลังที่สวยจนลืมหายใจ สวนแห่งนี้ยังมีคาเฟ่หลายร้านที่ให้เห็นวิวสวยๆ ของทะเลสาบที่อยู่ใกล้ๆ ดังนั้นนักท่องเที่ยวสามารถผ่อนคลายและเพลินไปกับวิวชั้นเยี่ยมพลางอร่อยกับกาแฟและขนมหวาน
โชคร้ายที่ภูเขามีเมฆปกคลุมอยู่ในตอนที่ผมไปถึง ดังนั้นผมจึงเห็นเงาเพียงลางๆ อยู่ไกลๆ เท่านั้น ผมค่อนข้างแปลกใจเหมือนกันที่ภาพวิวเปลี่ยนไปได้เร็วขนาดนี้ ยิ่งเมื่อเห็นว่าฟ้าโปร่งมากเมื่อสองชั่วโมงก่อนนี้เอง
ดอกไม้สวยงามที่กำลังบานในสวน Oishi Park (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
สิ่งที่รอผมอยู่ที่ Oishi Park ก็คือบรรดาดอกไม้สวยสะดุดตามากมายที่แผ่ยาวถึง 350 เมตรไปตามทางเดินของสวน โดยสวนแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องบรรดาดอกไม้ที่มีให้นักท่องเที่ยวทุกคนได้เข้ามาชมกัน และช่วงชมดอกไม้ที่ดีที่สุดคือช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนตุลาคม ซี่งเป็นเช่วงที่ดอกไม้เช่นดอกทิวลิป ดอกนาร์ซิสซัส ดอกลาเวนเดอร์ และพุ่มโคเชียสีแดงกำลังเบ่งบานและแต่งแต้มสีให้กับพื้นที่รอบๆ
Oishi Park (大石公園)
ที่อยู่: 11-2525 Ōishi, Fujikawaguchiko-chō, Minamitsuru-gun, Yamanashi 401-0305
การเดินทาง: นั่งรถ Kawaguchiko Sightseeing Bus (สายสีแดง) 30 นาทีจากสถานี Kawaguchiko มาลงที่ป้าย Kawaguchiko Natural Living Center (河口湖自然生活館) เดินจากป้ายรถบัสอีก 1 นาทีจะถึงที่สวน
⑥ วิวพาโนรามาของทะเลสาบคาวากุจิโกะ
Mt. Fuji Panoramic Ropeway (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
หลังจากได้เพลินไปกับการเดินเล่นรอบๆ Oishi Park ที่สวยงามแล้ว ก็ถึงเวลาที่ผมจะมายังจุดสุดท้ายของวันนี้ นั่นคือ Mt. Fuji Panoramic Ropeway (富士山パノラマロープウェイ) ซึ่งเป็นไฮไลท์ที่ฮิตมากที่สุดในบริเวณทะเลสาบคาวากุจิโกะ เพราะมันให้วิวกว้างของทะเลสาบที่อยู่ใกล้เคียง ภูเขาไฟฟูจิ และเมืองฟูจิโยชิดะทั้งหมดในทีเดียว
ขณะที่ผมขึ้นไปบนกระเช้าลอยฟ้าและค่อยๆ ขึ้นไปยังภูเขาเท็นโจ (天上山 Tenjō-yama) ผมก็ค่อยๆ เห็นวิวทะเลสาบชัดเจนมากขึ้นและได้ตระหนักว่าทะเลสาบแห่งนี้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน ผมเก็บอาการตื่นเต้นไม่อยู่เมื่อนึกถึงวิวที่ผมกำลังจะได้เห็นเมื่อผมไปถึงสถานีบนยอดเขา
วิวจาก Kawaguchiko Tenjo-yama Park (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
การนั่งกระเช้าลอยฟ้าใช้เวลาราวสามนาที และเมื่อไปถึงสถานีบนยอดเขา นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปได้อีกเล็กน้อยเพื่อไปยัง Kawaguchiko Tenjo-yama Park (河口湖天上山公園 Kawaguchiko Tenjō-yama kōen) ถ้าให้ผมบรรยายวิวที่เห็นจากบนสวนในคำเดียว ผมคงจะใช้คำว่า “ยิ่งใหญ่อลังการ”
ผมพูดอะไรไม่ออกเลยเมื่อมาเห็นวิวพาโนรามานี้ ที่ซึ่งผมได้ชมวิวที่มีทะเลสาบคาวากุจิโกะอยู่ที่ด้านหนึ่งและเมืองฟูจิโยชิดะที่อีกด้านหนึ่งได้แบบไม่มีอะไรกั้น ต้องขอบคุณอากาศฟ้าแจ่มใสในตอนนั้นด้วย ผมยังได้เห็นสวนสนุกยอดนิยม Fuji-Q Highland ที่อยู่ไกลๆ ได้อีกด้วย ซึ่งเป็นอะไรที่ผมไม่คิดว่าจะเห็นเลย!
ไฮไลท์อื่นๆ ที่ Kawaguchiko Tenjo-yama Park (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
นอกจากวิวชั้นเยี่ยมรอบๆ แล้ว สวนแห่งนี้ยังมีไฮไลท์ที่น่าสนใจอื่นๆ ที่นักท่องเที่ยวไปลองดูได้ ถ้าคุณไปที่สวนล่ะก็ คุณจะเห็นว่ารอบๆ สวนมีการคุมธีมให้เกี่ยวกับทานุกิ (狸 จิ้งจอกแร็กคูน) และกระต่าย ทำไมหรือ? ก็เพราะเชื่อกันว่าภูเขาเท็นโจแห่งนี้คือฉากหลังของ “คาจิคาจิ ยามะ” (かちかち山) นิทานพื้นบ้านญี่ปุ่นว่าด้วยสัตว์สองชนิดนี้ อันที่จริง Mt. Fuji Panoramic Ropeway เคยมีชื่อว่า Mt. Kachi-Kachi Ropeway ซึ่งเป็นการอ้างอิงจากนิทานนี้โดยตรง
มิตสึโทเกะยามะที่มีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง (เครดิตภาพ: photoAC)
สำหรับคนรักการปีนเขาทั้งหลายแล้ว สิ่งที่พวกเขาน่าจะน่าสนใจก็คือ Kawaguchiko Tenjo-yama Park เป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นเส้นทางเดินเขาไปยังมิตสึโทเกะยามะ (三ッ峠山) ซึ่งเป็นยอดเขากลุ่มหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องวิวภูเขาไฟฟูจิชั้นเยี่ยมในวันที่ฟ้าแจ่มใส
อย่างไรก็ตาม การเดินจากสวนไปยังมิตสึโทเกะยามะแบบไป-กลับนั้นใช้เวลาราวหกชั่วโมง ดังนั้นคุณต้องคำนึงถึงระยะเวลาที่ต้องใช้ในการเดินกลับมาก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน
Mt. Fuji Panoramic Ropeway (富士山パノラマロープウェイ)
ที่อยู่: 1163-1 Asakawa, Fujikawaguchiko-chō, Minamitsuru-gun, Yamanashi 401-0303
การเดินทาง: นั่งรถ Kawaguchiko Sightseeing Bus (สายสีแดง) 15 นาทีจากสถานี Kawaguchiko และมาลงที่ป้าย Sightseeing Boat/Ropeway Entrance (遊覧船・ロープウェイ入口) จากป้ายรถบัสเดินอีก 1 นาทีจะถึงกระเช้าลอยฟ้า
ปิดท้าย
นั่งรถไฟ Fuji Excursion กลับไปยังโตเกียว (เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang)
ในฐานะคนที่เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นมาแล้วหลายครั้ง ผมรู้สึกว่ามันแปลกมากที่ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยไปเที่ยวพื้นที่รอบภูเขาไฟฟูจิเลย ยิ่งในเมื่อสถานที่เหล่านี้อยู่ใกล้โตเกียวอยู่ด้วย ผมตั้งใจจะไปที่นั่นมาเป็นเวลานาน และการที่ได้ไปสถานที่อย่าง Arakurayama Sengen Park และทะเลสาบคาวากุจิโกะในทริปไปเช้าเย็นกลับแบบนี้ก็ตัวผมเองรู้สึกประสบความสำเร็จมากๆ
หลังทริปของผม ในที่สุดผมก็เข้าใจว่าทำไมพื้นที่รอบภูเขาไฟฟูจิเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดฮิตสำหรับทริปไปเช้าเย็นกลับในญี่ปุ่น และผมเห็นภาพตัวเองไปเที่ยวสถานที่เหล่านี้อีกครั้งไม่ว่าจะฤดูไหน ใครจะไปรู้? ไม่แน่ทริปครั้งต่อไป ณ ที่แห่งนี้ของผมอาจจะเร็วกว่าที่ผมคาดไว้ก็ได้!
(เกร็ดเล็กน้อยสำหรับใครก็ตามที่อยากจะมาเที่ยวพื้นที่ต่างๆ รอบภูเขาไฟฟูจิ สามารถเช็คข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่น่าตื่นตา พร้อมแนะนำแพลนเที่ยวที่คุณไปเที่ยวตามได้ที่เว็บไซต์ Fujiyoshida Tourism Association)
JR TOKYO Wide Pass
ตั๋ว JR TOKYO Wide Pass และพื้นที่ที่คุณใช้ตั๋วได้ (เครดิตภาพ: JR East)
ทริปไปเช้าเย็นกลับครั้งต่อไปจากโตเกียว อยากไปที่ Arakurayama Sengen Park ทะเลสาบคาวากุจิโกะ และพื้นที่อื่นรอบๆ ภูเขาไฟฟูจิใช่ไหม? งั้นคุณอาจจะอยากมี JR TOKYO Wide Pass ตั๋ว Pass ราคาย่อมเยาที่ให้คุณนั่งรถไฟบนทางรถไฟของ JR East ได้อย่างไม่จำกัดเที่ยว (รวมถึงรถไฟชินกันเซ็น รถไฟ Joyful Train บางขบวน และรถไฟ Fuji Excursion) ในพื้นที่ที่ครอบคลุมได้ตลอดระยะเวลา 3 วันติดต่อกัน
ด้วยราคา 10,180 เยน ตั๋ว Pass นี้ให้คุณเดินทางด้วยรถไฟจากสถานี Shinjuku ไปยังสถานี Kawaguchiko ได้โดยตรง และไปยังจุดท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับไปเช้าเย็นกลับจากโตเกียวเช่นคารุอิซาว่า นิกโก แหลมอิสุ และอีกมากมายได้ด้วย ตั๋ว Pass สามารถใช้กับประตูตรวจตั๋วอัตโนมัติได้ และคุณยังสำรองที่นั่งบนรถไฟชินกันเซ็น รถไฟด่วนพิเศษบางขบวน และรถไฟ Joyful Train ผ่านช่องทางออนไลน์ล่วงหน้าถึง 1 เดือนได้ฟรีที่นี่
เครดิตภาพ: JR East / Nazrul Buang, illustAC
Translated by ANNGLE