Rail Travel

เสน่ห์ของการเดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่น

เสน่ห์ของการเดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่น

สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายคนที่มาเที่ยวญี่ปุ่น การเดินทางด้วยรถไฟเป็นวิธีที่สะดวกและประหยัดที่สุดในการเดินทางสำรวจที่ต่างๆ ของญี่ปุ่น เพราะเครือข่ายทางรถไฟที่กว้างขวางของญี่ปุ่นได้ขยายไปยังทุกที่ที่นักท่องเที่ยวมักจะไปกัน ยังไม่นับตั๋วรถไฟแบบ Pass ราคาประหยัดมากมายที่มีให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเลือกใช้กัน และนอกจากการเป็นยานพาหนะแล้ว การนั่งรถไฟยังเป็นทั้งการเดินทาง ประสบการณ์ และไฮไลท์ของทริปที่ฉันตั้งหน้าตั้งตารอเสมอ!

 

นอกจากจุดหมายปลายทางของทริปแล้ว นักท่องเที่ยวหลายคนยังเพลิดเพลินไปกับวัฒนธรรม อาหาร และภาษาญี่ปุ่น เช่นเดียวกันกับชาวสิงคโปร์อีกหลายคนที่เกิดในยุคปี 90 ในวัยเด็กฉันโตมากับการดูอนิเมะและซีรี่ย์ญี่ปุ่นในช่องโทรทัศน์ท้องถิ่น ตอนที่ฉันเรียนอยู่มัธยมต้น ฉันมีโอกาสเรียนภาษาที่ 3 ในหลักสูตร O-level และ A-level โดยฉันเลือกเรียนภาษาญี่ปุ่น เพราะวิชานี้น่าสนใจและน่าจะมีประโยชน์กับฉันมากกว่าตัวเลือกอื่นๆ

 

ตั๋ว Pass และตั๋วรถไฟทั้งหมดที่ฉันใช้มาตั้งแต่ปี 2014 (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ตัดภาพมาที่ปี 2011 ฉันมีโอกาสเป็นหนึ่งใน Singapore-Tohoku Youth Ambassadors (シンガポール東北親善大使) โครงการอาสาสมัครสำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในโทโฮคุเมื่อปี 2011 ซึ่งจัดโดย JNTO และ JCCI และสนับสนุนโดยสถานทูตญี่ปุ่นประจำสิงคโปร์ผ่านโครงการ JENESYS การเข้าร่วมโครงการนี้ได้จุดประกายให้ฉันหลงรักการเดินทางท่องเที่ยวในญี่ปุ่น และตั้งแต่นั้นมา ฉันก็ไปเที่ยวญี่ปุ่นมาแล้วกว่า 40 ครั้งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ฉันได้ไปเที่ยวมาแล้วครบทั้ง 47 จังหวัด ความรักในการเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นนี้มีอิทธิพลไปถึงการเลือกเส้นทางอาชีพของฉันด้วย เพราะแม้ฉันจะจบด้านวิศวกรรมมาแต่ฉันก็มาลงเอยที่งานด้านการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ฉันพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าถ้ามาเที่ยวญี่ปุ่น วิธีเดินทางที่ดีที่สุดคือการเดินทางด้วยรถไฟอย่างไม่ต้องสงสัย และฉันเชื่อว่าคุณคนอ่านหลายคนคงเห็นด้วยแน่นอน!

 

ชินกันเซ็น สัญลักษณ์แห่งเทคโนโลยีรถไฟญี่ปุ่น

พูดถึงการเดินทางโดยรถไฟในญี่ปุ่นทั้งที จะไม่พูดถึงชินกันเซ็นก็คงไม่ได้ ก่อนที่คุณจะเดินทางมาที่ญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก เชื่อว่า “การนั่งชินกันเซ็น” น่าจะเป็นหนึ่งในลิสต์สิ่งที่อยากทำในญี่ปุ่นของคุณแน่นอน อาจจะช้าไปสักนิด แต่ครั้งแรกที่ฉันนั่งชินกันเซ็นคือเมื่อปี 2014 โดยฉันนั่งจากฮากาตะไปคุมาโมโตะด้วยรถไฟ Kyushu Shinkansen ในวันถัดมาฉันก็นั่งรถไฟอีกรอบจากฮากาตะไปยังฮิโรชิมะ และอีกไม่กี่วันต่อมาฉันนั่งรถไฟจากฮิโรชิมะไปเซ็นไดโดยเปลี่ยนขบวนที่โตเกียว ทริปปี 2014 ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ฉันนั่งชินกันเซ็น และเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ใช้บัตร JR Pass ที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งประเทศ

 

ตามเข็มนาฬิกาจากรูปบนซ้าย: Kyushu Shinkansen, Joetsu Shinkansen, Akita และ Tohoku Shinkansen, Hello Kitty Shinkansen (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

หลังจากทริปนั้นสักปีสองปี ฉันก็ได้นั่งชินกันเซ็นทั้งหมดของญี่ปุ่นมาแล้วเรียบร้อย แต่ไม่ว่าจะเคยนั่งมาแล้วสักกี่ครั้ง เทคโนโลยีของชินกันเซ็นก็ยังทำให้ฉันรู้สึกทึ่งได้เสมอ ทุกคนที่เคยนั่งรถไฟหัวกระสุนของญี่ปุ่นมาน่าจะประทับใจกับทั้งเทคโนโลยี ความสะดวกสบาย และการบริการกันมาแล้ว ความสะอาด นั่งสบาย และกว้างขวางนี้เองที่ทำให้ชินกันเซ็นเป็นตัวอย่างชั้นดีของนวัตกรรม ประสิทธิภาพ และการบริการของญี่ปุ่น นอกจากนี้ การที่ชินกันเซ็นสามารถวิ่งได้อย่างรวดเร็วที่ความเร็ว 320 กม./ชม. แต่ก็ยังวิ่งได้อย่างนุ่มจนน้ำไม่หกจากแก้วและเหรียญที่ตั้งไม่ล้มนั้นก็เป็นอะไรที่น่าทึ่งไม่แพ้กัน!

 

ถ้าคุณเคยเห็นช่วง “7-minute miracle” ที่รถชินกันเซ็นถูกทำความสะอาดก่อนเปลี่ยนทิศทางวิ่งแล้วล่ะก็ คุณคงรู้สึกว้าวแน่นอน และไม่ว่าจะเป็นที่นั่งที่ปรับหมุนได้ เต้าเสียบชาร์จไฟตรงแถวที่วางเท้า และบริการรถเข็นจำหน่ายขนมบนขบวนรถ การนั่งชินกันเซ็นถือเป็นสิ่งที่ห้ามพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวหลายคนที่จะเดินทางมาที่ญี่ปุ่น

 

การใช้บัตร Rail Pass ทำให้การนั่งชินกันเซ็นสะดวกขึ้นเป็นเท่าตัว (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

รถบัสอาจจะมีค่าโดยสารที่ถูกกว่า และเครื่องบินอาจจะเดินทางได้เร็วกว่า แต่เมื่อลองชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียดูแล้ว ฉันคิดว่าหลายคนคงเห็นด้วยว่าชินกันเซ็นยังถือเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับการเดินทางข้ามภูมิภาค คุณสามารถเหยียดขาและเดินไปมาบนรถไฟได้ตามสบาย ซึ่งเป็นอะไรที่คุณไม่สามารถทำได้บนรถบัสหรือบนเครื่องบิน คุณไม่ต้องมารอเป็นชั่วโมงก่อนถึงเวลาออกเดินทาง และคุณไม่ต้องรอรับสัมภาระด้วย ที่สำคัญคือถ้าคุณมีตั๋ว Pass คุณสามารถนั่งรถไฟได้อย่างไม่จำกัดด้วย!

 

ความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ

นอกจากชินกันเซ็นแล้ว ทางรถไฟท้องถิ่นของญี่ปุ่นเองก็มีอะไรมากมายให้ได้ไปสัมผัสกัน เครือข่ายทางรถไฟของญี่ปุ่นนั้นกว้างขวางและถูกพัฒนามาเป็นอย่างดี และผู้อยู่อาศัยและนักท่องเที่ยวส่วนมากต่างต้องใช้รถไฟไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้นจึงแทบไม่มีใครที่ไม่ชอบรถไฟเลย ทางรถไฟไม่ได้เป็นเพียงช่องทางการเดินทางที่สะดวกเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีให้ถ่ายทอดเสน่ห์และเอกลักษณ์ของพื้นที่ท้องถิ่นนั้นๆ ด้วย โดยเฉพาะในส่วนของทางรถไฟท้องถิ่น

 

วิวพระอาทิตย์ตกดินเหนือนาข้าวที่เห็นได้จากหน้าต่างรถไฟ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างพวกเราแล้ว สิ่งที่ทำให้การนั่งรถไฟในญี่ปุ่นเป็นเรื่องสนุกคืออะไร? แน่นอนว่าส่วนหนึ่งคือวิวธรรมชาติ การนั่งรถไฟผ่านพื้นที่ชนบทของญี่ปุ่นเป็นสิ่งที่ฉันไม่มีวันเบื่อเลย ส่วนหนึ่งนั้นเพราะมันทำให้ฉันได้สัมผัสกับวิวสวยงามที่ฉันไม่มีวันได้เห็นในสิงคโปร์ เพราะที่สิงคโปร์ไม่มีภูเขา นาข้าว แม่น้ำสายใหญ่ และรถไฟส่วนมากล้วนวิ่งอยู่ใต้ดิน

 

วิวนาข้าวและเขาอิวากิจากบนรถไฟ Resort Shirakami (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

วิวชนบทอาจจะเป็นวิวธรรมดาสำหรับคนญี่ปุ่น แต่ด้วยความที่ฉันมาจากสิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้า แถมยังไม่มีภูเขา และแลนด์มาร์กธรรมชาติที่สูงที่สุดคือเนินเขาที่สูง 163 เมตรเท่านั้น ทำให้ภาพวิวที่สวยจับใจของธรรมชาติ ภูเขาสูงเสียดฟ้าที่ยอดปกคลุมด้วยหิมะ แม่น้ำสีเขียวมรกตเป็นประกาย ทุ่งนาสีทองอร่าม ทั้งหมดนี้ล้วนดูเหมือนภาพวาดที่แผ่กว้างให้ฉันได้ชม

 

การมองภาพวิวจากหน้าต่างรถไฟคือหนึ่งในความสุขของการนั่งรถไฟ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ฉันรู้สึกราวกับเวลาได้ชะลอลงเมื่อฉันมองออกไปนอกหน้าต่างรถไฟเพื่อมองวิวธรรมชาติที่กว้างใหญ่พลางรับรู้ถึงจังหวะของรถไฟที่คลอนไปมาเบาๆ ขณะที่รถเคลื่อนไปตามราง ระหว่างมองภาพวิวที่ผ่านไป ฉันดำดิ่งลงไปในห้วงความคิดและสิ่งรอบตัว ใจของฉันคิดถึงเรื่องที่ปกติจะไม่นึกถึง เช่นการนั่งขบคิดทางเลือกต่างๆ ในชีวิต และนึกสงสัยเรื่องความลี้ลับของจักรวาล

 

วิวจากหน้าต่างรถไฟบนทางรถไฟสาย Ban-etsu West และทางรถไฟสาย Gono (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ในบรรดาทางรถไฟสายโปรดของฉันนั้น จะมีทางรถไฟสาย Oito (大糸線 О̄ito-sen) ในจังหวัดนากาโนะ ซึ่งเป็นทางรถไฟที่คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับวิวภูเขาสูงใหญ่ของเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือระหว่างทางได้ และอีกสายหนึ่งคือสาย Ban-etsu West (磐越西線 Ban’etsu-sai-sen) ในฟุกุชิม่าที่มีนาข้าวสีทองและวิวภูเขาบันไดที่เปลี่ยนเป็นสีแสดสวยงามในฤดูใบไม้ร่วง รวมถึงสาย Iiyama (飯山線 Iiyama-sen) ในนากาโนะที่มีแม่น้ำจิคุมะไหลเลียบไปตามแนวทางรถไฟอีกทั้งยังมีวิวฤดูหนาวที่สวยงามด้วยหิมะที่ตกหนักในพื้นที่ และสายสุดท้ายคือสาย Gono (五能線 Gonо̄-sen) ในจังหวัดอาโอโมริที่มีวิวชายฝั่งทะเลสวยอย่างหาที่ไหนเปรียบไม่ได้

 

ความงามที่เปลี่ยนผ่านตามฤดูกาล

สิงคโปร์เป็นประเทศที่ไม่ได้มีฤดูกาล และแทบทุกวันจะเป็นฤดูร้อนอากาศชื้นที่อุณหภูมิ 30ºC ในทางกลับกัน ญี่ปุ่นมีฤดูกาลสี่ฤดูที่มีความงามต่างกันไป

 

สถานที่เดียวกันในแต่ละฤดูกาลบนทางรถไฟสาย Oito (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ส่วนตัวแล้ว ฉันรู้สึกว่าความสุขของการเดินทางในประเทศที่มีฤดูกาลแตกต่างกันก็คือการได้เห็นวิวสถานที่เดียวกันที่เปลี่ยนไปตามแต่ละฤดูกาลของปี ฉันชอบการไปเที่ยวที่เดิมซ้ำๆ เพียงเพื่อสัมผัสกับวิวที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล

 

สัมผัสวิวตามฤดูกาลที่หลากหลายจากหน้าต่างรถไฟ (เครดิตรูปภาพ: JR East)

 

ไม่ว่าฉันจะมาเที่ยวญี่ปุ่นสักกี่ครั้ง ฉันก็ประทับใจในบรรดาสีสันที่มาพร้อมกับแต่ละฤดูกาลได้ทุกครั้ง ตั้งแต่ดอกไม้สีสันละลานตาที่เบ่งบานในฤดูใบไม้ผลิ ไปจนถึงสีเขียวสดชื่นของใบไม้ที่แตกใบใหม่ในฤดูร้อน สีโทนร้อนสุดร้อนแรงของแมกไม้ฤดูใบไม้ร่วง และสีขาวเป็นประกายของหิมะในฤดูหนาว แต่ที่วิเศษไปมากกว่านั้นคือการได้เห็นวิวและสีสันทั้งหมดนี้จากที่นั่งสุดสบายบนรถไฟ!

 

วิวประจำฤดูกาลที่สวยสะกดตาของญี่ปุ่นนั้นเป็นอะไรที่ชวนตื่นตาตื่นใจมาก และแสดงให้เห็นถึงความงามที่เปลี่ยนผ่านไปตามแต่ละฤดูกาล ซึ่งแต่ละฤดูก็มีสิ่งใหม่ๆ ให้ได้ลองไปสัมผัสกัน นอกจากจะมีวิวให้ชมแล้ว แต่ละฤดูกาลต่างก็มีกลิ่นที่ต่างกันออกไป มีของอร่อยประจำฤดูให้ชิม มีสิ่งต่างๆ ให้สัมผัส และสรรพเสียงที่ต่างกันให้ได้ยิน การเปลี่ยนผ่านของฤดูกาลเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกอยู่เสมอว่าธรรมชาติของญี่ปุ่นนั้นพิเศษขนาดไหน

 

สถานีรถไฟที่น่าตื่นตา

นอกจากวิวแล้ว ตัวสถานีรถไฟของญี่ปุ่นเองก็ชวนตื่นตาไม่แพ้กัน ขณะที่รถไฟเป็นสิ่งที่พาคุณเดินทางจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง สถานีรถไฟเองก็เปรียบเสมือนประตูที่เปิดไปยังจุดหมายปลายทางของคุณ หลายคนอาจจะคิดว่าสถานีรถไฟเป็นเพียงสถานที่ที่มีไว้ให้คุณรอ ขึ้นรถ แล้วก็ขึ้นและลงรถไฟ แต่ที่จริงแล้วสถานีรถไฟมีอะไรมากกว่านั้น

 

ไร่องุ่นที่ชานชาลาสถานี Shiojiri และออนเซ็นเท้าที่ชานชาลาสถานี Kami-Suwa (เครดิตรูปภาพ: JR East / Chie Matsubara & Carissa Loh)

 

นอกจากจะเป็นจุดเริ่มต้นและจุดหมายปลายทาง สถานีรถไฟในญี่ปุ่นยังมีประวัติที่ยาวนานพอๆ กับบรรดาตัวรถไฟเอง โดยบางสถานียังมีลูกเล่นพิเศษเป็นของตัวเองด้วย เช่นสถานี Shiojiri (塩尻駅) ที่มีไร่องุ่นที่ใช้งานได้จริงอยู่บนชานชาลา หรือสถานี Kami-Suwa (上諏訪駅) ที่มีอาชิยุ (ashiyu ออนเซ็นเท้า) บนชานชาลาด้วย!

 

สถานี Shimonada สถานีริมทะเลที่มีวิวสวยงาม (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

สำหรับคนรักธรรมชาติ ขอแนะนำสถานีริมทะเลอย่างสถานี Shimonada (下灘駅) ในจังหวัดเอฮิเมะและสถานี Omigawa (青海川駅) ในจังหวัดนีงาตะที่มีวิวริมน้ำและวิวพระอาทิตย์ตกดินสุดตระการตาชนิดหาเทียบไม่ได้ สำหรับคนรักประวัติศาสตร์ การได้ไปเยี่ยมสถานีรถไฟสุดคลาสสิกอย่างสถานี Tоkyo (東京駅) หรือสถานี Mojiko (門司港駅) ซึ่งต่างเป็นสถานีรถไฟที่หรูหราโอ่อ่าและมีประวัติอันยาวนานถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นไม่น้อย ฉันยังจำครั้งแรกที่ฉันไปสถานี Tоkyo ได้ ตอนนั้นฉันใช้เวลาเป็นชั่วโมงชื่นชมการตกแต่งภายนอกด้วยอิฐแดงอันเป็นเอกลักษณ์และการตกแต่งภายในของโดมที่สวยงามวิจิตร

 

ไม่ว่าจะเป็นการชื่นชมการตกแต่งภายนอกหรือวิวรอบๆ ของสถานีรถไฟ หรือการสนุกกับลูกเล่นที่มีเฉพาะสถานีรถไฟนั้นๆ หรือการเรียนรู้ประวัติและที่มาของชื่อสถานีรถไฟก็ตาม ตัวสถานีรถไฟถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการเดินทางด้วยรถไฟเลย สถานีรถไฟในสิงคโปร์ส่วนมากมีไว้สำหรับใช้งานเป็นหลักและไม่ได้มีอาคารที่สวยสง่า ดังน้นการได้มาเห็นสถานีรถไฟอายุ 100 ปี หรือสถานีรถไฟริมทะเลจึงเป็นอะไรชวนตื่นเต้นมากและทำให้ฉันร้อง “ว้าว!” ออกมา ที่สิงคโปร์นั้น สถานีรถไฟที่เก่าแก่ที่สุดของเรามีอายุเกือบ 30 ปีเอง ทำให้สถานีรถไฟของสิงคโปร์ยังคงเป็นเด็กน้อยอยู่เมื่อเทียบกับสถานีรถไฟที่เก่าแก่หลายแห่งของญี่ปุ่น

 

ช้อปปิ้งโดยไม่ต้องออกไปนอกประตูสถานีรถไฟได้ที่เอกินากะ (เครดิตรูปภาพ: HAMACHI! / CC BY-NC-ND 2.0)

 

ความพิเศษของสถานีรถไฟไม่ได้มีแค่การตกแต่งภายนอกเท่านั้น เพราะในอาคารสถานีรถไฟคุณมักจะได้เจอแหล่งขุมทรัพย์อีกมาก ซึ่งมาในลักษณะของเอกินากะ (エキナカ ekinaka) ศูนย์การค้าที่ตั้งอยู่ภายในสถานีรถไฟ การที่เราสามารถหาของกิน ช้อปปิ้ง และซื้อของฝากภายในสถานีรถไฟได้โดยไม่ต้องออกไปนอกประตูสถานีรถไฟนั้นถือเป็นสิ่งที่แปลกใหม่มากสำหรับฉัน ที่สิงคโปร์นั้น ร้านค้าทั้งหมดจะตั้งอยู่นอกประตูสถานีรถไฟ ดังนั้นเราจึงไม่สามารถเดินช้อปปิ้งไปพลางระหว่างรอขบวนรถไฟมาถึงได้

 

อิ่มอร่อยบนรถไฟ

อะไรคือสิ่งที่นักเดินทางส่วนมากตั้งหน้าตั้งตารอเมื่อเดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่น? แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องอาหาร! แม้ว่าคุณจะหาร้านอาหารญี่ปุ่นได้แทบทุกแห่งในสิงคโปร์ แต่อาหารเหล่านี้ก็ยังเทียบกับของจริงที่ญี่ปุ่นไม่ได้เลย

 

เอกิเบ็น หนึ่งในไฮไลท์ของการเดินทางด้วยรถไฟ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

การได้อร่อยกับเอกิเบ็น (駅弁 ข้าวกล่องที่จำหน่ายตามสถานีรถไฟ) ระหว่างเพลิดเพลินไปกับวิวที่ผ่านไปนั้นเป็นหนึ่งในที่สุดแห่งความสุขของการเดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่น คุณเองก็คิดเหมือนกันใช่ไหม? เวลานั่งรถไฟเที่ยว สิ่งที่จะมาช่วยเติมสีสันให้กับวิวข้างนอกก็คือเอกิเบ็น ซึ่งเอกิเบ็นมาในแพ็กเกจหลายรูปแบบและมีหลากรสชาติ และเอกิเบ็นหลายกล่องก็เป็นของที่มีเฉพาะพื้นที่หรือสถานีนั้นๆ ด้วย โดยต่างมีจุดเด่นคือวัตถุดิบที่ผลิตในท้องถิ่นหรือมีการออกแบบกล่องที่สื่อถึงพื้นที่ท้องถิ่นนั้นๆ

 

ส่วนหนึ่งของความตื่นเต้นในการเดินทางด้วยรถไฟคือตอนที่คุณกำลังเลือกเอกิเบ็นของคุณก่อนจะขึ้นรถไฟ การยืนคิดว่าคุณจะเลือกกล่องไหนสำหรับทริปนี้ดี เช่น จะเลือกกล่องที่มีปลาที่มีเฉพาะท้องถิ่นนี้ดีไหม? หรือควรจะเลือกกล่องที่มีแพ็กเกจชินกันเซ็นน่ารักๆ นี้ดี? ถึงจะเป็นการตัดสินใจที่ยากอยู่เสมอ แต่ก็เป็นการตัดสินใจที่สนุกด้วยเช่นกัน

 

อิ่มอร่อยพร้อมชมวิวสวยงามบนรถไฟภัตตาคาร (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh and Nguyen Duy Khanh)

 

สิงคโปร์เป็น “เมืองแห่งการปรับ” โดยมีกฎห้ามกินดื่มบนรถไฟและคนที่ทำผิดกฎจะถูกปรับเงินหนักพอสมควร แต่ที่ญี่ปุ่นนั้น นอกจากคุณจะสามารถนำอาหารขึ้นมารับประทานบนรถได้แล้ว ยังมีรถไฟภัตตาคารที่ให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศแบบที่หาที่ไหนไม่ได้อีกด้วย ฉันมีโอกาสได้ขึ้นนั่งรถไฟภัตตาคาร  TOHOKU EMOTION, KAIRI และ IZU CRAILE มาแล้ว

 

การได้อร่อยกับมื้ออาหารที่ชวนน้ำลายสอซึ่งปรุงจากวัตถุดิบท้องถิ่นนั้นเป็นอะไรที่มีความสุขมาก แถมยังเป็นการเพลิดเพลินไปกับมื้ออาหารดีๆ พร้อมสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่นไปในตัวอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น รถไฟเหล่านี้ยังวิ่งผ่านเส้นทางที่มีวิวสวยงาม และให้เราดูวิวชวนหลงใหลของทะเลสีไพลินได้เต็มที่จากหน้าต่างริมที่นั่งของเรา!

 

นอกจากรถไฟเหล่านี้ ญี่ปุ่นยังมีรถไฟภัตตาคารอีกมากมายทั่วประเทศ เช่น รถไฟ Rokumon ของ Shinano Railway ในจังหวัดนากาโนะ, รถไฟ 52 Seats of Happiness ของ Seibu Railway ในจังหวัดไซตามะ, รถไฟ Rail Kitchen Chikugo ของ Nishitetsu Railway ในจังหวัดฟุกุโอกะ หรือรถไฟ Orange Shokudo ของ Hisatsu Orange Railway ซึ่งฉันอยากจะลองไปนั่งรถไฟเหล่านี้ให้ได้สักวัน!

 

ขบวนรถไฟที่ไม่เหมือนใคร

เมื่อเดินทางด้วยรถไฟ แน่นอนว่าดาวเด่นของทริปคือตัวขบวนรถไฟนั่นเอง คุณอาจจะคิดว่าออนเซ็นที่ชวนสบายตัว อาหารญี่ปุ่นรสเลิศที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น หรือวิวธรรมชาติสวยงามนอกหน้าต่างล้วนเป็นสิ่งที่สัมผัสได้ที่รีสอร์ทเท่านั้น แต่ฉันได้ไปลองสัมผัสประสบการณ์เหล่านี้มาแล้วบนขบวนรถไฟและที่สถานีรถไฟในญี่ปุ่น! ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันเริ่มหันมาชื่นชอบบรรดารถไฟท่องเที่ยวขบวนต่างๆ ที่มีเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นรถไฟที่วิ่งตามทางรถไฟสายท้องถิ่นและมอบประสบการณ์การเดินทางที่ลืมไม่ลง

 

รถไฟท่องเที่ยวบางขบวนมีออนเซ็นเท้า ท้องฟ้าจำลอง การแสดงดนตรี รวมถึงกิจกรรมชิมสาเกบนขบวนรถด้วย (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh & Akio Kobori)

 

รถไฟท่องเที่ยว เช่น Joyful Train ของ JR East และ D&S Train ของ JR Kyushu เป็นรถไฟที่ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสบรรดาของดีของท้องที่ที่รถไฟวิ่งผ่านในรูปแบบใหม่ รถไฟบางขบวนในกลุ่มนี้ยังมีการตกแต่งภายในสุดประณีตด้วยของตกแต่งตามธีมเฉพาะของรถไฟที่ไม่เหมือนใคร ในขณะที่ขบวนอื่นๆ จะเป็นรถไฟที่ให้ผู้โดยสารได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ไม่มีใครเหมือน

 

ด้วยจุดเด่นที่มีตั้งแต่ออนเซ็นเท้าสุดผ่อนคลายไปจนถึงโดมท้องฟ้าจำลอง และการตกแต่งภายในที่ประณีตไปจนถึงกิจกรรมแสดงดนตรีหรือเล่านิทาน หรือกิจกรรมอย่างการชิมสาเก ทั้งหมดนี้อาจทำให้คุณลืมไปเลยว่าคุณกำลังอยู่บนรถไฟ! ฉันโชคดีที่มีโอกาสนั่งรถไฟ Joyful Train ส่วนใหญ่ของ JR East แล้ว และฉันเคยเขียนเกี่ยวกับรถไฟเหล่านี้ไว้ในบทความก่อนหน้านี้ คุณสามารถตามไปอ่านบทความสรุปได้ที่นี่ และในบทความนี้จะมีลิ้งก์ที่เชื่อมไปยังบทความอื่นๆ ที่มีรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไปด้วย

 

Toreiyu Tsubasa รถไฟชินกันเซ็นที่มีออนเซ็นเท้า (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

นักท่องเที่ยวต่างชาติหลายคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้เพลิดเพลินไปกับออนเซ็นที่ผ่อนคลายและสบายตัว ฉันชอบการนั่งแช่ออนเซ็นกลางแจ้งในฤดูหนาวเป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ลมเย็นฤดูหนาวจะตัดกับน้ำออนเซ็นอุ่นๆ ทำให้เกิดเป็นบรรยากาศที่มีมนต์เสน่ห์

 

ในฐานะที่ฉันเป็นแฟนคลับออนเซ็นตัวยง ฉันจึงทึ่งมากตอนที่ได้นั่งรถไฟ Toreiyu Tsubasa รถไฟชินกันเซ็นที่มีอาชิยุบนขบวนรถ ไฮไลท์ของรถไฟขบวนนี้คือตู้รถอาชิยุที่มีอ่างสีแดงสดและการตกแต่งด้วยไม้ คุณสามารถแช่อาชิยุได้ในราคาเพียง 450 เยนเป็นเวลา 15 นาที และคุณยังจะได้ผ้าขนหนูผืนเล็กและถุงเป็นของที่ระลึก ซึ่งคล้ายกับของที่คุณจะได้ใช้เวลาไปรีสอร์ทออนเซ็นเลย! ที่นั่งของอาชิยุจะหันหน้าไปทางหน้าต่างทำให้คุณมองเห็นวิวชนบทของจังหวัดยามากาตะ ไม่ว่าจะเป็นวิวชนบทที่มีสีเขียวชอุ่มในฤดูร้อน สีทองในฤดูใบไม้ร่วง ไปจนถึงวิวทุ่งนาสีขาวโพลนในฤดูหนาว

 

ตามเข็มนาฬิกาจากด้านบน: การตกแต่งภายในด้วยไม้ของ Tango AKA-MATSU, Kawasemi Yamasemi และ A-TRAIN (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

โดยส่วนตัวแล้ว ฉันชอบดีเทลการตกแต่งด้วยไม้ของรถไฟมาก ตั้งแต่ที่ฉันได้นั่งรถไฟ Tango AKA-MATSU ฉันก็กลายเป็นแฟนตัวยงของผลงานของ Mitooka Eiji และเมื่อไม่นานมานี้ฉันก็ได้นั่งรถไฟ A-TRAIN และ Kawasemi Yamasemi รวมถึงรถไฟอื่นๆ ที่เขาออกแบบเช่นเดียวกัน

 

รถไฟ A-TRAIN วิ่งบนทางรถไฟสาย Amakusa Misumi (あまくさみすみ線) ในจังหวัดคุมาโมโตะโดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใหญ่ และตกแต่งด้วยกระจกสีและเนื้อไม้สีเข้ม รถไฟ A-TRAIN นั้นมีที่มาจากเพลงแจ๊ส “Take a ride on the A Train” และจะมีการเปิดเพลงนี้คลออยู่บนรถไฟเพียงเพลงเดียวตลอดทาง นอกจากที่นั่งไม้บุผ้าสวยงามแล้ว หนึ่งในไฮไลท์ของรถไฟขบวนนี้คือ A-TRAIN Bar ที่เสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มปลอดแอลกอฮอล์หลายชนิด ด้วยบรรยากาศที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนี้ ทำให้บางครั้งคุณก็แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณกำลังอยู่ในขบวนรถไฟ!

 

รถไฟ POKÉMON with YOU Train ที่ทั้งผู้ใหญ่และเด็กต่างหลงรัก (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ในขณะที่รถไฟ A-Train เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ใหญ่ ก็ยังมีรถไฟท่องเที่ยวอื่นๆ ที่เจาะกลุ่มเป้าหมายเด็กและครอบครัวเช่นกัน เช่นรถไฟ POKÉMON with YOU Train ที่วิ่งบนทางรถไฟสาย Ofunato ในจังหวัดอิวาเตะและมิยางิ แต่แม้ว่ารถไฟขบวนนี้จะเน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็ก แต่ก็ยังได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่โตมากับการดูโปเกมอนหรือการเล่นโปเกม่อนใน Gameboy เช่นกัน ตลอดเวลาที่นั่งรถไฟขบวนนี้ ฉันเห็นชาวต่างชาติที่ดูเหมือนจะเป็นแฟนคลับพีคาชูและโปเกม่อนด้วย สังเกตได้จากลายโปเกม่อนบนกระเป๋า เสื้อผ้า และเครื่องประดับของพวกเขา

 

ในฐานะคนที่ประกาศตัวเองว่าเป็นคนรักรถไฟระดับมือสมัครเล่นคนหนึ่ง ฉันจะตื่นเต้นมากเมื่อได้นั่งรถไฟขบวนพิเศษและได้ลองสัมผัสกับลูกเล่นพิเศษประจำรถไฟขบวนนั้นๆ เช่นการได้ลองแช่เท้าในออนเซ็นเท้าของ Toreiyu Tsubasa หรือการชิมสาเกบนรถไฟ Koshino Shu*Kura หรือการเพลิดเพลินกับการแสดงชามิเซ็นบน Resort Shirakami ไปจนถึงการได้เห็นไอน้ำพวยพุ่งออกมาจากรถจักรไอน้ำ

 

ชินกันเซ็น Doctor Yellow, รถไฟ Train Suite Shiki-shima สุดหรู และชินกันเซ็นซีรี่ย์ E4 ที่มีสองชั้น (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

แต่นอกจากรถไฟท่องเที่ยวแล้ว การได้เห็นรถไฟหายาก เช่น รถไฟซีรี่ย์ E001 Train Suite Shiki-shima ที่เป็นรถไฟท่องเที่ยวสุดหรู หรือรถไฟซีรี่ย์ E4s Max shinkansen ที่กำลังจะปลดเกษียณ หรือ Doctor Yellow รถไฟชินกันเซ็นสีเหลืองหาชมยากที่ใช้สำหรับการทดสอบและซ่อมบำรุงก็ทำให้ฉันอดตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อมาจากประเทศที่ไม่ค่อยมีรถไฟ การได้เห็นขบวนรถไฟที่หลากหลายและรางรถไฟเมื่อเดินทางไปต่างประเทศมักจะทำให้ตื่นตาตื่นใจได้เสมอ

 

โอโมเทนาชิ: การต้อนรับแขกและการบริการ

อย่างหนึ่งที่สร้างความประทับใจให้ฉันเป็นอย่างมากคือความละเอียดและความใส่ใจที่พนักงานและอาสาสมัครผู้ใจดีได้ทุ่มเทให้กับผู้โดยสาร รถไฟส่วนมากในญี่ปุ่นจะไม่มีบันไดตรงทางขึ้นรถ ทำให้นักท่องเที่ยวที่มีสัมภาระสามารถขึ้นรถได้ง่ายขึ้น ชินกันเซ็นบางขบวนยังมีราวสัมภาระสำหรับสัมภาระขนาดใหญ่โดยเฉพาะด้วย อีกทั้งบนรถไฟยังจะมีผู้ตรวจตั๋วที่พร้อมจะช่วยเสมอหากคุณมีคำถามอะไร รถไฟท่องเที่ยวบางขบวนยังมีพนักงานที่พร้อมบริการเต็มที่ ทำให้การนั่งรถไฟสนุกขึ้นกว่าที่เคย

 

โอโมเทนาชิเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางด้วยรถไฟที่ยากจะลืมเลือน (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

เมื่อนั่งรถไฟในญี่ปุ่น เวลาที่ฉันเห็นพนักงานสถานีรถไฟโบกมือให้กับรถไฟที่ผ่านไปมาพร้อมป้ายที่เขียนว่า “ยินดีต้อนรับสู่สถานี XXX !” หรือ “ขอให้เดินทางสนุก!!” ทีไร ฉันก็รู้สึกทั้งตื่นเต้นและมีความสุขทุกครั้ง อย่างหนึ่งที่ฉันจะไม่มีวันลืมเลยคือภาพคนทั่วไปกลุ่มหนึ่งที่ยืนโบกมือให้กับรถไฟท้องถิ่นที่วิ่งผ่านนาข้าวของพวกเขาไป หรือภาพบรรดาธงของชาวประมงสีสันสดใสที่เห็นได้ตามชายฝั่งซันริคุระหว่างที่นั่งรถไฟ TOHOKU EMOTION

 

เดินทางตรงเวลาราวกับเข็มนาฬิกา

ในหัวข้อสุดท้ายนี้ การกะเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการวางแผนทริป ซึ่งนี่เป็นเรื่องง่ายมากที่ญี่ปุ่น เพราะคุณสามารถมั่นใจได้ว่ารถไฟญี่ปุ่นจะตรงต่อเวลา ไม่ใช่เพียงแค่ชินกันเซ็นเท่านั้น แต่รถไฟส่วนมากในญี่ปุ่นวิ่งเทียบชานชาลาและออกเดินทางตรงตามเวลาในกำหนดการราวกับเข็มนาฬิกา และแทบจะไม่เคยสายเลย ซึ่งเป็นอะไรที่แทบหาไม่ได้ในประเทศอื่น

 

ตารางกำหนดการรถไฟที่มีให้เห็นตามสถานีรถไฟ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ตอนที่ฉันเดินทางในยุโรป คำว่า “รถไฟดีเลย์” บนป้ายประกาศนั้นเป็นอะไรที่เห็นได้ทั่วไป ถ้าคุณต้องต่อรถไฟหลายต่อ คุณคงจะเข้าใจว่าการตกรถไฟไปขบวนนึงจนส่งผลกระทบไปทั้งวันนั้นเป็นเรื่องวุ่นวายขนาดไหน โชคดีที่เรื่องนี้แทบไม่เกิดขึ้นเลยที่ญี่ปุ่น และการเดินทางด้วยรถไฟก็เป็นการเดินทางที่รับประกันได้ว่าจะตรงต่อเวลาแน่นอน คุณสามารถทำตัวชิว ผ่อนคลาย และสนุกกับการเที่ยวพักร้อนของคุณได้โดยไม่ต้องห่วงเรื่องการขนส่งสาธารณะเลย

 

หนังสือตารางเดินรถ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

นอกจากจะมั่นใจในความตรงต่อเวลาของรถไฟในญี่ปุ่นได้แล้ว คุณยังสามารถหาตารางเดินรถไฟดูได้ง่ายๆ ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ ฉันมักจะเห็นป้ายตารางเดินรถตั้งให้เห็นอย่างชัดเจนอยู่บนชานชาลา และฉันประหลาดใจมากที่เห็นหนังสือตารางเดินรถขนาดใหญ่เท่าสมุดหน้าเหลืองวางจำหน่ายอยู่ตามร้านหนังสือและสถานีรถไฟ ซึ่งตารางเดินรถเหล่านี้จะมีการอัพเดตเป็นรายเดือน สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เราสามารถเช็คตารางเดินรถไฟของญี่ปุ่นได้แบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์เช่น HyperDia

 

ในวัย 20 ต้นๆ ตอนที่ฉันยังมีเวลาและงบจำกัดสำหรับการเดินทาง ฉันสามารถใช้เวลาเป็นวันในการวางแผนกำหนดการเที่ยว (ทั้งการวางแผนไปจริงๆ และการวางแผนเที่ยวเล่นๆ) ตามกำหนดการในตารางเดินรถของรถไฟและรถบัส ไม่ว่าจะเป็นการเสิร์ชหาแผนผังชานชาลารถไฟสำหรับการต่อรถแบบเร่งด่วน หรือการยัดจุดท่องเที่ยวหรืออาหารเพิ่มลงไปในกำหนดการระหว่างการรอต่อรถนานๆ ก็ตาม ความสนุกของทริปนั้นอยู่ในขั้นตอนการวางแผนไปแล้วตั้งครึ่งหนึ่งก็ว่าได้!

 

ปิดท้าย

ด้วยความที่ฉันไม่เคยอาศัย ทำงาน หรือเรียนที่ญี่ปุ่น ทำให้การเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นสิ่งที่มีความสุขสำหรับฉันอยู่เสมอ เพราะการเดินทางนั้นมีไฮไลท์พิเศษที่ฉันไม่สามารถสัมผัสได้ที่อื่นเลย

 

สำหรับฉัน การเดินทางด้วยรถไฟเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการท่องเที่ยวญี่ปุ่น (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเดินทางด้วยรถไฟ ฉันก็มั่นใจมาตลอดว่ารถไฟเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเดินทางท่องเที่ยวในญี่ปุ่นและเป็นช่องทางให้เราได้ค้นพบสิ่งพิเศษต่างๆ ที่รอให้เราไปสัมผัส การเดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่นให้เราได้สนุกไปกับวิวที่สวยงามชวนต้องมนต์ ขบวนรถไฟที่น่าสนใจ เทคโนโลยีชั้นนำ และการพบปะที่น่าจดจำ ใครล่ะที่จะไม่ชอบรถไฟได้ลงคอ?

 

น่าเสียดายที่จำนวนผู้โดยสารที่ลดลงนอกพื้นที่เมืองทำให้ทางรถไฟหลายสายต้องปิดตัวลง บางทีในครั้งแรกๆ ที่เราไปเที่ยวญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะนั่งชินกันเซ็นเพื่อเดินทางระหว่างเมืองใหญ่เพราะพวกเราอยากเดินทางไปตามที่ต่างๆ แต่เมื่อเราเดินทางไปญี่ปุ่นมากขึ้น เรามีแนวโน้มที่จะไปเที่ยวในแถบชนบทที่เงียบสงบความและเดินทางไปตามทางรถไฟสายท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของท้องที่นั้นๆ ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีนักท่องเที่ยวที่ค้นพบความสนุกของพื้นที่ชนบทและเดินทางตามทางรถไฟสายท้องถิ่นมากขึ้น

 

อย่างหนึ่งของการเดินทางด้วยรถไฟคือ ยิ่งคุณนั่งรถไฟมามากเท่าไหร่ คุณจะยิ่งหลงรักรถไฟมากขึ้นเท่านั้น ระหว่างรอปลดล็อกข้อจำกัดในการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น ฉันเชื่อว่าพวกเราหลายคนคงจะกำลังโหยหาและวางแผนการผจญภัยในญี่ปุ่นครั้งต่อไปกันแน่นอน!

 

การเดินทาง

ถ้าคุณกำลังคิดจะเดินทางในแถบตะวันออกของญี่ปุ่น ขอแนะนำ JR EAST PASS (Tohoku area) และ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) ตั๋ว Pass ทั้งสองที่จะมาช่วยคุณประหยัดค่ารถไฟไปได้มากพอตัว

 

JR EAST PASS (Tohoku area)

JR EAST PASS (Tohoku area) และพื้นที่ที่ครอบคลุม (เครดิตรูปภาพ: JR East)

 

ถ้าคุณกำลังจะมาเที่ยวภูมิภาคโทโฮคุ ขอแนะนำ JR EAST PASS (Tohoku area) ตั๋ว Pass ราคาย่อมเยาที่ให้คุณนั่งรถไฟบนทางรถไฟของ JR East ได้อย่างไม่จำกัดเที่ยว (รวมถึงชินกันเซ็น) ในพื้นที่ที่ตั๋วครอบคลุมตลอดระยะเวลา 5 วันติดกัน ด้วยราคาเพียง 20,000 เยนเท่านั้น ตั๋วนี้จึงมีราคาถูกกว่าค่าเดินทางไป-กลับระหว่างโตเกียวและเซ็นได (~23,000 เยน) คุณยังสามารถจองที่นั่งบนรถไฟชินกันเซ็น รถด่วนพิเศษบางขบวน และรถไฟ Joyful Train บนช่องทางออนไลน์ล่วงหน้านานถึง 1 เดือนได้ฟรีที่นี่

 

ตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) สามารถใช้กับประตูอัตโนมัติได้ และผู้ถือพาสปอร์ตต่างชาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นก็สามารถใช้ตั๋วนี้ได้ด้วย

 

JR EAST PASS (Nagano, Niigata area)

JR EAST PASS (Nagano, Niigata Area) และพื้นที่ที่ครอบคลุม (เครดิตรูปภาพ: JR East)

 

ถ้าคุณกำลังจะมาเที่ยวจังหวัดนากาโนะหรือนีงาตะ ขอแนะนำ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) ตั๋ว Pass ราคาย่อมเยาที่ให้คุณนั่งรถไฟบนทางรถไฟของ JR East ได้อย่างไม่จำกัดเที่ยว (รวมถึงชินกันเซ็น) ในพื้นที่ที่ตั๋วครอบคลุมตลอดระยะเวลา 5 วันติดกัน ด้วยราคาเพียง 18,000 เยนเท่านั้น ตั๋วนี้จึงมีราคาถูกกว่าค่าเดินทางไป-กลับระหว่างโตเกียวและนีงาตะ (~21,000 เยน) คุณยังสามารถจองที่นั่งบนรถไฟชินกันเซ็น รถด่วนพิเศษบางขบวน และรถไฟ Joyful Train บนช่องทางออนไลน์ล่วงหน้านานถึง 1 เดือนได้ฟรีที่นี่

 

ตั๋ว JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) สามารถใช้กับประตูอัตโนมัติได้ และผู้ถือพาสปอร์ตต่างชาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นก็สามารถใช้ตั๋วนี้ได้ด้วย

 

เครดิตภาพส่วนหัว: JR East / Carissa Loh
Translated by ANNGLE

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

Share this article:
TSC-Banner