2404-Sakura-Left
Rail Travel

ฤดูกาลชินเรียวคุ: ท่องโกะชิคินุมะและแดนเขียวขจีแห่งอุระบันได

ฤดูกาลชินเรียวคุ: ท่องโกะชิคินุมะและแดนเขียวขจีแห่งอุระบันได

ความสดชื่นและแมกไม้เขียวสดใส ตื่นตาและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา นี่คือสิ่งที่ฤดูกาลชินเรียวคุมีให้สัมผัส ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมจนถึงมิถุนายนซึ่งเป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน คือช่วงฤดูที่มักถูกมองข้าม นั่นคือชินเรียวคุ (新緑 ไม้แตกใบใหม่) ช่วงเวลาที่บรรดาใบไม้สีเขียวสดจะเริ่มแตกใบออกมาชินเรียวคุเป็นช่วงที่เหมาะที่สุดสำหรับการท่องสำรวจธรรมชาติเพราะเป็นเวลาที่คุณจะสามารถรู้สึกได้จริงๆ ว่าธรรมชาตินั้นมีชีวิตและเอ่อล้นไปด้วยชีวิตใหม่ที่พร้อมจะเติบโต!  

 

แมกไม้เขียวอุดมสมบูรณ์และวิวที่อุระบันได (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

แหล่งธรรมชาติหนึ่งที่ฉันอยากจะไปมาตลอดก็คืออุระบันได (裏磐梯) ในพื้นที่ตะวันตกของจังหวัดฟุกุชิม่า สถานที่ที่เป็นที่รู้จักในเรื่องบึงสวยงามแห่งโกะชิคินุมะ (Goshikinuma, 五色沼) และวิวริมทะเลสาบน่ามองรอบๆ ทะเลสาบฮิบาระ (桧原湖 Hibara-ko) สำหรับฤดูชินเรียวคุนี้ ในที่สุดฉันก็มีโอกาสไปเที่ยวอุระบันได และมันเป็นที่ที่เต็มไปด้วยแมกไม้เขียวสวยงาม เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวในช่วงฤดูชินเรียวคุจริงๆ !

 

แผนที่อุระบันได (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ในบทความนี้ ฉันขอแนะนำจุดวิวสวยที่ต้องไปชมให้ได้เวลามาเที่ยวอุระบันไดในฤดูชินเรียวคุ เราจะเริ่มต้นกันที่สถานี JR Inawashiro (猪苗代駅) จากตรงนั้นเราจะนั่งรถบัส 30 นาทีไปยังโกะชิคินุมะ

 

① เส้นทางเดินชมธรรมชาติบึงโกะชิคินุมะ

บรรดาบึงหลากสีที่โกะชิคินุมุะ (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ด้วยวิวสวยเด่นที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ทำให้โกะชิคินุมะได้รับเรตติ้ง 1 ดาวใน Michelin Green Guide และเป็นที่ที่ต้องไปชมให้ได้เมื่อมาอุระบันได โกะชิคินุมะเป็นกลุ่มบึงหลากสีสัน ในจำนวนนี้มีหลายบึงที่เกิดขึ้นหลังจากการปะทุของภูเขาบันได (磐梯山 Bandai-san) เมื่อปี ค.ศ. 1888 ที่ทำให้หินและดินตัดเส้นทางของแม่น้ำและก่อให้เกิดบึงขึ้นมา

 

หลังการปะทุของอุระบันได ธาตุและแร่ภูเขาไฟยังคงถูกกักเก็บไว้ในน้ำ ทำให้แต่ละบึงมีเฉดสีตระการตาที่หลากหลาย น้ำของบึงทั้งหลายล้วนมีสีสะดุดตามากจนถ้ามองแว๊บแรกคุณอาจจะคิดว่ามีใครมาตัดต่อภาพก็ได้ แต่เหล่านี้ล้วนเป็นสีตามธรรมชาติที่ได้จากแร่ธาตุในน้ำ และเป็นอะไรที่มองเพลินตาทีเดียว ปัจจัยอื่นๆ เช่นฤดูกาล สภาพอากาศ ช่วงเวลาของวัน และมุมที่เรายืนมองยังเป็นปัจจัยที่มีผลกับสีของน้ำในบึงที่ตาเราเห็น ดังนั้นโกะชิคินุมะจึงเป็นที่ที่ฉันอยากมาเที่ยวซ้ำหลายๆ!

 

เดินไปตามเส้นทางเดินชมธรรมชาติบึงโกะชิคินุมะ (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ในช่วงฤดูชินเรียวคุบึงเหล่านี้จะถูกล้อมไปด้วยแมกไม้เขียวสดชอุ่มอย่างไม่น่าเชื่อดังนั้นฉันตั้งตารอวันที่จะได้เดินไปรอบๆที่นี่เป็นอย่างมาก หลังกลับจากโกะชิคินุมะ ฉันบอกได้เลยว่าวิวที่นั่นวิเศษมากจริงๆ เราสามารถเดินทางไปบึงส่วนใหญ่ของบึงโกะชิคินุมะได้ง่ายๆด้วยการเดินสบายๆ 1.5 ชั่วโมงไปตามเส้นทางเดินชมธรรมชาติบึงโกะชิคินุมะ (五色沼自然探勝路 Goshikinuma Shizen Tanshо̄ro) ที่ยาว 3.6 กม. โดยเดินทางไปยังจุดเริ่มต้นของเส้นทางได้เพียงเดินสั้นๆ จากป้ายรถบัส Goshikinuma Iriguchi (五色沼入口) ฉันขอพาคุณไปชมวิวน่ามองแห่งโกะชิคินุมะในช่วงฤดูชินเรียวคุกัน

 

บึงที่ใหญ่ที่สุด: บิชามอนนุมะ

เพลิดเพลินไปกับการนั่งเรือและบรรดาปลาคาร์พที่บิชามอนนุมะ (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ระหว่างเดินไปตามเส้นทางบึงแรกที่ฉันผ่านก็คือบิชามอนนุมะ (毘沙門沼) ซึ่งเป็นบึงที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาบึงของโกะชิคินุมะด้วย บิชามอนนุมะมีสีเขียวอมฟ้าสวยงามและมีวิวภูเขาบันไดให้ชมได้จากระเบียงชมวิวมากมายรอบๆ บึง ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่ ทำให้บิชามอนนุมะเป็นบึงเดียวในบรรดาโกะชิคินุมะที่มีเรือให้เช่าและพายรอบๆ ได้

 

ผืนน้ำของบิชามอนนุมะยังเป็นที่อยู่อาศัยของปลาคาร์พฝูงใหญ่และการเดินไปรอบๆริมบึงที่มีน้ำตื้นใสเพื่อมองหาปลาคาร์พนั้นเป็นอะไรที่สนุกเหมือนกัน ในภาษาญี่ปุ่น ทั้งคำว่า “ปลาคาร์พ” (鯉) และ “ความรัก” (恋) นั้นต่างออกเสียงว่า “โคอิ” และว่ากันว่านักท่องเที่ยวจะได้โชคเรื่องความรักถ้าหากพบเห็นปลาคาร์พสีขาวที่มีลายรูปหัวใจสีแดงบนข้างลำตัว น่าเสียดายที่ฉันหาปลาคาร์พนำโชคสุดลึกลับตัวนี้ไม่เจอ แต่ฉันได้เห็นปลาคาร์พสีสันสดใสมากมายหลายตัวแหวกว่ายอยู่ในน้ำ

 

บึงสามสี: มิโดโรนุมะ

เห็นพืชสีแดงรอบๆ อากานุมะไหม? (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

จากบิชามอนนุมะ ฉันเดินต่อประมาณ 25 นาทีไปตามเส้นทางจนมาถึงบึงต่อไป นั่นคืออากานุมะ (赤沼) ชื่อ “อากานุมะ” แปลว่า “บึงสีแดง” และคุณเดาได้ไหมว่าชื่อนี้มีที่มาอย่างไร? คำใบ้ อยู่ที่ปริมาณแร่เหล็กที่มีอยู่เข้มข้นในน้ำของอากานุมะ ด้วยความที่ดูดซับแร่เหล็กจากในน้ำ พืชไม้บางต้นถูกย้อมให้มีสีออกแดง จึงเป็นที่มาของชื่อ “อากานุมะ”พอลองเข้าไปดูบึงใกล้ๆ ฉันก็เห็นวงแหวนสีแดงรอบขอบบึงอย่างชัดเจน

 

อากานุมะถูกล้อมไปด้วยพืชไม้หนาแน่น และในช่วงชินเรียวคุ พืชเหล่านี้จะแตกใบสีเขียวสดใสเปี่ยมชีวิตชีวาให้เห็น ดูสดชื่นและเขียวชอุ่มจริงๆ ว่าไหม?

 

บึงสามสี: มิโดโรนุมะ

คุณเห็นสีทั้งสามสีของมิโดโรนุมะไหม? (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

หลังจากชมแมกไม้สีเขียวชอุ่มรอบอากานุมะแล้ว ฉันเดินไปตามเส้นทางต่อ และ 3 นาทีต่อมาฉันก็มาถึงที่มิโดโรนุมะ (みどろ沼) บึงอีกแห่งที่รายล้อมไปด้วยพืชไม้สีเขียวสดหลากเฉด

 

ครั้งแรกที่ฉันได้ยินชื่อมิโดโรนุมะ ฉันคิดว่า “มิ” หมายถึง “สาม” (三) เพราะน้ำมีทั้งหมดสามสีที่เห็นได้ชัดเจน อันที่จริงแล้ว “มิ” ณ ที่นี้แปลว่า “ลึก” แต่ไฮไลท์ของบึงนี้คือทิวทัศน์น้ำสามสีที่โดดเด่น ได้แก่สีเขียวอมเหลือง น้ำตาลอมเหลือง และฟ้าเขียว บึงส่วนใหญ่ของโกะชิคินุมะนั้นมีน้ำสีฟ้าอย่างที่คุณจะได้เห็นต่อจากนี้ ดังนั้นมิโดโรนุมะถือเป็นทิวทัศน์ที่ไม่เหมือนใคร!

 

บึงสีฟ้าสดใส: เบ็นเท็นนุมะ

ผืนน้ำสีฟ้าสดใสอันน่าทึ่งของเบ็นเท็นนุมะ (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ต่อจากมิโดโรนุมะ ฉันเดินประมาณ 15 นาทีก่อนที่จะเริ่มเห็นสีฟ้าสดใสแว๊บๆ หลังบรรดาต้นไม้ ฉันมาถึงที่บึงต่อไปแล้ว นั่นคือเบ็นเท็นนุมะ (弁天沼) โดยบึงเบ็นเท็นนุมะเป็นบึงที่ใหญ่อันดับสองของโกะชิคินุมะ และตั้งอยู่ในจุดที่เลยจุดกึ่งกลางเส้นทางเดินชมธรรมชาติบึงโกะชิคินุมะไปนิดเดียว

 

แทนที่จะเป็นสีเดียวตลอดทั้งบึงแต่มันดูราวกับสีของน้ำที่อยู่เบื้องหน้าใกล้ๆ และน้ำที่อยู่ลึกไกลออกไปนั่นมีการไล่เฉดสีกันโดยน้ำบริเวณที่อยู่ใกล้นั้นใสกว่า และน้ำที่อยู่ไกลออกไปเป็นสีฟ้าสดสะดุดตา ถือเป็นภาพที่สวยจับใจทีเดียว สีของน้ำจะสดชัดเจนกว่าเมื่อได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง และมันมากกว่าที่กล้องของฉันจะสามารถจับภาพไว้ได้หมด

 

วิวของเบ็นเท็นนุมะจากระเบียงชมวิว (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

เมื่อเดินต่อไปตามเส้นทางจะมีระเบียงชมวิวยกระดับที่ให้เราขึ้นไปชมเบ็นเท็นนุมะได้และมีวิวชั้นเยี่ยมของเขายานาเบะ (簗部山) เขานิชิไดเท็น (西大巓) และเขานิชิอาสุมะยามะ (西吾妻山) ที่ตั้งอยู่ไกลๆ ให้ชมกันด้วย ท้องฟ้าเริ่มที่จะโปร่งขึ้นมาบ้างแล้ว และฉันใช้เวลายืนอยู่ตรงนั้นสักครู่เพื่อชมวิวผืนน้ำสีฟ้าและแมกไม้เขียวของชินเรียวคุที่มีชีวิตชีวา

 

 

บึงสีน้ำเงินเข้ม: รุรินุมะ

เพลิดเพลินไปกับวิวภูเขาบันไดจากรุรินุมะ (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

บึงถัดไป รุรินุมะ (るり沼) นั้นอยู่ห่างออกไปในระยะที่เดิน 3 นาทีถึง “รุริ” แปลว่า “แลพิสแลซูลี” (Lapis Lazuli) ในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหินแร่ที่รู้กันว่ามีสีน้ำเงินเข้มเป็นพิเศษ เช่นเดียวกันกับหินที่เป็นที่มาของชื่อมัน รุรินุมะเองก็มีสีน้ำเงินเขียวเข้มสวยมีมนต์สะกด จากบนระเบียงชมวิวเล็กๆ ใกล้บึง ฉันสามารถเพลิดเพลินไปกับวิวรุรินุมะที่ล้อมไปด้วยแมกไม้เขียวโดยมีภูเขาบันไดอยู่ในฉากหลังได้

 

บึงที่มีสีฟ้าเข้มที่สุด: อาโอนุมะ

ผืนน้ำสีฟ้าที่อาโอนุมะ (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

เมื่อเดินตามเส้นทางข้ามจากรุรินุมะมาก็จะมาถึงอาโอนุมะ (青沼) บึงที่มีสีฟ้าที่สุดในบรรดาบึงของโกะชิคินุมะ ผืนน้ำของบึงนี้เป็นสีฟ้าสดใสสวยสะกดตาจริงๆ สมกับที่ชื่อ “อาโอนุมะ” ของมันแปลได้ว่า “บึงสีฟ้า”

 

สีที่ดูราวกับหลุดออกมาจากโลกแฟนตาสีของน้ำผืนนี้นั้นมีที่มาจากแร่แอลโลเฟน (Allophane) สารประกอบที่ผสมจากอะลูมิเนียมและซิลิกาที่มีอยู่ในน้ำ ซึ่งสะท้อนแสงและทำให้น้ำดูมีเฉดออกฟ้ามากขึ้น แถมพืชสีเขียวที่ขึ้นหนาแน่นรอบบึงก็ทำให้สีผืนน้ำดูสดใสยิ่งขึ้นไปอีก!

 

บึงกระจกเงา: ยานางินุมะ

ผืนน้ำนิ่งที่ยานางินุมะทำให้ผิวน้ำของบึงกลายเป็นกระจกเงา (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ท้ายที่สุด หลังจากเดิน 10 นาทีจากอาโอนุมะ ฉันก็มาถึงยานางินุมะ (柳沼) บึงที่อยู่ใกล้จุดสิ้นสุดของเส้นทางเดินมากที่สุด ฟ้าเริ่มจะมีเมฆครึ้มในตอนที่ฉันเดินไปตามเส้นทางเดินชมธรรมชาติบึงโกะชิคินุมะ แต่ฟ้าก็เริ่มจะโปร่งขึ้นในที่สุด ผิวน้ำของบึงยานางินุมะถือว่าค่อนข้างนิ่ง ทำให้ทั้งบึงกลายเป็นกระจกขนาดยักษ์ที่สะท้อนเงาบรรดาต้นไม้และท้องฟ้า

 

เมื่อเดินอีก 4 นาทีจากยานางินุมะก็จะมาถึงจุดสิ้นสุดของทางเดินชมธรรมชาติ และเป็นทางไปยังจุดห้ามพลาดอีกจุด นั่นคือทะเลสาบฮิบาระ (Lake Hibara)

 

② นั่งเรือชมวิวบนทะเลสาบฮิบาระ

วิวรอบๆ ทะเลสาบฮิบาระ (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ทะเลสาบฮิบาระ (桧原湖 Hibara-ko) เป็นดาวเด่นของอุระบันไดและเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของพื้นที่แห่งนี้ การปะทุของภูเขาบันไดเมื่อปี ค.ศ. 1888 ไม่ได้สร้างแค่บรรดาบึงหลากสีสันของโกะชิคินุมะเท่านั้นแต่ยังสร้างทะเลสาบขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกมากมายหลังจากที่หินดินถล่มลงมาปิดกั้นแม่น้ำ ในบรรดาทะเลสาบทั้งหมด ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดคือทะเลสาบฮิบาระที่มีเส้นรอบวง 31 กม. และจุดที่ลึกที่สุดนั้นลึกมากถึง 31 ม. รอบๆ ทะเลสาบจะมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และร้านเช่าเรืออยู่จำนวนหนึ่ง

 

ปล่อยใจให้เพลินไปกับวิวทะเลสาบฮิบาระและภูเขาบันไดสุดพิเศษจากบนเรือชมวิว (Image credit: JR East / Carissa Loh)

 

หลังจากเดินรอบๆ โกะชิคินุมะมาแล้ว ได้เวลาพักเท้าของฉันกันสักนิด ทำตัวให้ผ่อนคลาย และเพลิดเพลินไปกับวิวจากบนเรือชมวิวกัน วิธีชมความสวยงามของทะเลสาบฮิบาระที่ดีที่สุดนั้นคือจากบนผืนน้ำของทะลสาบนั่นเอง และเรือชมวิวเป็นวิธีที่เหมาะที่สุดสำหรับการชมวิวแบบสบายๆ

 

เรือชมวิวสองชั้นนั้นมีที่นั่งที่สบาย แต่ฉันชอบการออกไปที่ดาดฟ้าเรือเพื่อดื่มด่ำวิวรอบๆ แบบไม่มีอะไรกั้น ความรู้สึกสดชื่นของสายลมเหนือทะเลสาบที่พัดผ่านใบหน้าระหว่างที่ฉันกำลังมองวิวภูเขาบันไดสวยงามที่ตั้งอยู่ ณ อีกฟากของทะเลสาบเป็นอะไรที่วิเศษไปเลย! จนถึงตอนนี้ท้องฟ้าก็โปร่งขึ้นมาแล้ว และท้องฟ้าสีครามทำให้วิวดูมีมนต์เสน่ห์ยิ่งขึ้นไปอีก

 

ถ้าคุณไม่มีเวลามาก หรือเดินทางโดยมีผู้สูงอายุหรือเด็กเล็กมาด้วย ฉันแนะนำให้มานั่งเรือเป็นอย่างยิ่ง การนั่งเรือชมวิวทะเลสาบฮิบาระ (桧原湖観光船 Hibara-ko Kankо̄sen) ใช้เวลา 35 นาทีและมีค่าโดยสาร 1,400 เยนสำหรับผู้ใหญ่ โดยเรือออกทุกๆ หนึ่งชั่วโมง

 

Lake Hibara Sightseeing Cruise (桧原湖観光船)
ที่อยู่: 1172 Obudairahara, Hibara, Kitashiobara, Yama, Fukushima 969-2701
การเดินทาง: จากสถานี JR Inawashiro (猪苗代駅) นั่งรถบัสราว 37 นาทีมาลงที่ป้าย Urabandai-Kogen Eki (裏磐梯高原駅) จากนั้นเดินอีก 2 นาทีมายังท่าเรือ
ค่าโดยสาร: ผู้ใหญ่ 1,400 เยน/คน

 

③ เส้นทางเดินชมธรรมชาติทะเลสาบฮิบาระ

แผนที่เส้นทางเดินชมธรรมชาติทะเลสาบฮิบาระ (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

หลังพักสั้นๆ บนเรือชมวิว เราไปเดินป่าอีกสักรอบกัน ครั้งนี้เป็นการเดินไปตามเส้นทางเดินชมธรรมชาติทะเลสาบฮิบาระ (桧原湖畔探勝路 Hibara Kohan Tanshо̄ro) ที่ยาว 6 กม. การเดินขาไปขาเดียวใช้เวลา 1.5 ชั่วโมง แต่ด้วยความที่ฉันไม่ได้มีเวลามากนัก ฉันเลยไปถึงแค่สะพานแขวน (吊り橋 Tsuribashi) ที่เป็นไฮไลท์ของเส้นทางนี้แล้วเดินกลับมา

 

จากท่าเรือที่ทะเลสาบฮิบาระ เมื่อเดินไป 15 นาทีเราจะมาถึงจุดเริ่มต้นของเส้นทาง ซึ่งอยู่ตรงข้างๆ ป้ายรถบัส Nagamine Funatsuki (長峯舟付)

 

ผ่อนคลายไปกับช่วงเวลาเงียบสงบตามเส้นทาง (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ขณะที่เส้นทางเดินชมธรรมชาติบึงโกะชิคินุมะที่มีนักเดินป่าหลายคนในอยู่ในตอนที่ฉันไปถึง ฉันไม่ได้เจอกับนักเดินป่าคนอื่นเลยในเส้นทางเดินชมธรรมชาติทะเลสาบฮิบาระ เส้นทางนี้โอบล้อมริมฝั่งตะวันออกของทะเลสาบฮิบาระ และเป็นเส้นทางที่เงียบกว่ามาก ระหว่างทาง ฉันเห็นบรรดาอู่เรือและบ้านพัก และคนกำลังตกปลาอยู่สองคน ที่จุดอื่นๆ ตามเส้นทางนั้น มีม้านั่งที่ให้เห็นวิวเหนือทะเลสาบ ซึ่งเหมาะมากสำหรับการชมวิวอันเงียบสงบ

 

สะพานแขวนเป็นไฮไลท์ของเส้นทางเดินชมธรรมชาติทะเลสาบฮิบาระ (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ด้วยความที่เป็นฤดูชินเรียวคุ ตลอดเส้นทางจึงเต็มไปด้วยต้นไม้ ใบไม้ และหญ้าสีเขียวสดใส เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและดูเปี่ยมพลัง พอเห็นแล้วฉันเองก็พลอยรู้สึกมีชีวิตชีวาตามไปด้วย! ไฮไลท์ของเส้นทางนี้ซึ่งก็คือสะพานแขวนนั้นตั้งอยู่ห่างในระยะเดิน 30 นาทีถึงจากจุดเริ่มต้นเส้นทาง จากบนสะพาน ฉันได้เห็นภาพบรรดานักผจญภัยกำลังนั่งเรือไปรอบๆ ทะเลสาบฮิบาระ คนกำลังตกปลาเป็นงานอดิเรก และเกาะเล็กเกาะน้อยมากมายที่กระจายไปตามทะเลสาบฮิบาระได้อย่างชัดเจน

 

น่าเสียดายที่ฉันกำลังรีบ แต่ถ้ามีโอกาสมาเที่ยวอีกครั้งล่ะก็ ฉันจะมาเดินตลอดเส้นทางทั้งหมดให้ได้แน่นอน

 

เส้นทางเดินชมธรรมชาติทะเลสาบฮิบาระ (桧原湖畔探勝路)
การเดินทาง: จากสถานี JR Inawashiro นั่งรถบัสประมาณ 35 นาทีไปลงที่ป้าย Nagamine Funatsuki (長峯舟付) เส้นทางจะอยู่ข้างๆ ป้ายรถบัส อีกวิธีหนึ่งคือเดิน 15 นาทีจากท่าเรือที่ทะเลสาบฮิบาระ
ค่าเข้า: ฟรี

 

การเดินทางไปที่นั่น

วิวอันน่าทึ่งรอบๆ อุระบันได (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

อุระบันไดนั้นเต็มไปด้วยทิวทัศน์อันน่าทึ่งมากมายโดยเฉพาะในฤดูชินเรียวคุ ไม่ว่าจะเป็นบึงที่สวยงามราวภาพวาดที่โกะชิคินุมะทะเลสาบฮิบาระที่น่าหลงใหล หรือวิวตระการตาของภูเขาบันไดเป็นต้น อุระบันไดเป็นแหล่งพักใจอันเงียบสงบที่คุณสามารถปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความงามของธรรมชาติได้

 

คุณสามารถไปชมวิวต่างๆ ของอุระบันไดได้โดยนั่งรถบัสจากสถานี JR Inawashiro (猪苗代駅) ซึ่งตั้งอยู่บนทางรถไฟสาย JR Ban-etsu West

  • เส้นทางชมธรรมชาติบึงโกะชิคินุมะ: จากสถานี JR Inawashiro นั่งรถบัส 31 นาที (ผู้ใหญ่ 790 เยน/คน) ไปลงป้าย Goshikinuma Iriguchi (五色沼入口)
  • เรือชมวิวทะเลสาบฮิบาระ: จากสถานี JR Inawashiro นั่งรถบัส 37 นาที (ผู้ใหญ่ 910 เยน/คน) ไปลงป้าย Urabandai Kogen Eki (裏磐梯高原駅)
  • เส้นทางเดินชมธรรมชาติทะเลสาบฮิบาระ: จากสถานี JR Inawashiro นั่งรถบัส 35 นาที (ผู้ใหญ่ 870 เยน/คน) ไปลงป้าย Nagamine Funatsuki (長峯舟付)

 

ถ้าคุณเดินทางมาจากโตเกียวหรือเซ็นได คุณสามารถนั่ง Tohoku Shinkansen มายังสถานี Koriyama (郡山駅) จากนั่นต่อรถไฟสาย Ban-etsu West เพื่อไปยังสถานี Inawashiro

 

รถไฟ FruiTea Fukushima ผ่านสถานี Inawashiro (เครดิตภาพ: JR East (บน) และ JR East / Carissa Loh (ล่าง))

 

ถ้าคุณเดินทางในช่วงสุดสัปดาห์ลองมานั่งรถไฟพิเศษ FruiTea Fukushima รถไฟคาเฟ่วิ่งได้กันไหม? ระหว่างช่วงฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงฤดูใบไม้ร่วง FruiTea Fukushima วิ่งบนทางรถไฟสาย Ban-etsu West โดยให้บริการระหว่างสถานี Koriyama และสถานี Kitakata และหยุดจอดที่สถานี JR Inawashiro คุณสามารถอร่อยไปกับของหวานรสเลิศระหว่างเพลิดเพลินไปกับวิวของภูเขาบันไดจากหน้าต่างรถ!

 

JR EAST PASS (Tohoku area)

ตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) และพื้นที่ที่ครอบคลุม (เครดิตภาพ: JR East)

 

ถ้าคุณจะมาเที่ยวอุระบันได ขอแนะนำ JR EAST PASS (Tohoku area) ตั๋ว Pass ราคาย่อมเยาที่ให้คุณนั่งรถไฟบนทางรถไฟของ JR East ได้อย่างไม่จำกัดเที่ยว (รวมถึงรถไฟชินกันเซ็น) ในพื้นที่ที่ตั๋วครอบคลุมตลอดระยะเวลา 5 วันติดต่อกัน ด้วยราคาเพียง 20,000 เยนเท่านั้น ตั๋วนี้จึงมีราคาพอๆ กับค่าเดินทางไป-กลับระหว่างโตเกียวและอินาวะชิโระ แต่คุณจะได้สิทธิ์นั่งรถไฟได้ไม่จำกัดเป็นเวลา 5 วัน คุณยังสามารถสำรองที่นั่งบนชินกันเซ็น รถไฟด่วนพิเศษบางขบวน และรถไฟ Joyful Train ผ่านช่องทางออนไลน์ล่วงหน้าได้ฟรีถึง 1 เดือน ที่นี่

 

JR EAST PASS (Tohoku area) สามารถใช้กับประตูตรวจตั๋วอัตโนมัติได้ และผู้ถือพาสปอร์ตต่างชาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นก็สามารถใช้ตั๋วโดยสารนี้ได้เช่นกัน

 

Japan’s Green & Great Shinryoku Show @#StayAtHome

มาร่วมสนุกกับเราใน Japan's Green & Great Shinryoku Show (เครดิตวิดีโอ: JAPAN RAIL CAFE)

 

ถ้าคุณอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับทริปไปยังจุดชินเรียวคุต่างๆ ในพื้นที่ญี่ปุ่นตะวันออกของเราล่ะก็ มาพบเพื่อนๆ ของฉันและตัวฉันเองในทัวร์ออนไลน์ได้ที่ Japan’s Green and Great Shinryoku Show @#StayAtホーム คุณสามารถชมภาพบันทึกอีเวนต์ได้ในวิดีโอด้านบน หรือบน Facebook รวมถึง YouTube แล้วพบกันที่ Shinryoku Show!

 

เครดิตภาพปก: JR East / Carissa Loh
Translated by ANNGLE

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

Share this article:
TSC-Banner
2404-Sakura-Right