สึบาเมะ-ซันโจ 3: ธรรมชาติในนีกาตะ ภูเขา แผ่นดิน และทะเล
สึบาเมะ-ซันโจ: ธรรมชาติที่เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดงานฝีมือที่สวยงาม
จองตั๋วรถไฟชินคันเซ็นแล้วไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน! นีกาตะเป็นจังหวัดที่มีชื่อว่ามีภูเขาที่สวยงาม มีทุ่งนา ทุ่งโซบะ ศาลเจ้าสวยงาม และทะเลสีคราม ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวมักจะเดินทางไปยังสถานี Tsubamesanjō ในจังหวัดนีกาตะ เพื่อชมโรงงานและร่วมกิจกรรมเวิร์คชอปทำงานฝีมือ ซึ่งประเพณีและวัฒนธรรมเหล่านี้มีวิวัฒนาการมาจากความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติในบริเวณนี้ และยังเป็นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยทรัพยากรและวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม สร้างแรงบันดาลใจให้รังสรรค์ผลงานดีๆมาหลายรุ่น
ภูเขายาฮิโกะ: การเดินป่าในบรรยากาศอันเงียบสงบและวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
(เครดิตรูปภาพ: Japankuru)
ภูเขายาฮิโกะมีความเชื่อมโยงกับความเชื่อทางวิญญาณในท้องถิ่น เทพเจ้าของญี่ปุ่น และตำนานมายาวนาน ถือเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ (神体山) โดยมีตำนานเล่าว่า เทพเจ้า Ame no Kagoyama no Mikoto มาถึงภูเขายาฮิโกะอันไกลโพ้น และสอนชาวบ้านถึงวิธีการใช้ชีวิตนอกแผ่นดินและความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งสิ่งที่หลงเหลือนี้ยังคงมีอยู่ให้เห็นในศาลเจ้ายาฮิโกะที่ตั้งตระหง่านอยู่ที่เชิงเขารวมทั้งศาลเจ้าเล็ก ๆ บนยอดเขา ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวยังมุ่งหน้าไปที่ภูเขายาฮิโกะเพื่อชมเส้นทางเดินป่า และทิวทัศน์ที่สวยงามจากยอดเขา ที่มีความสูงเท่ากับโตเกียวสกายทรี
ดื่มด่ำกับธรรมชาติ: ขึ้นกระเช้า ชมวิวบนเขายาฮิโกะ
(เครดิตรูปภาพ: Japankuru)
สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว วิธีที่ดีที่สุดในการขึ้นไปยังยอดเขายาฮิโกะก็คือ การเดินทางด้วยกระเช้า (ropeway) ที่มีสถานีอยู่บริเวณเชิงเขา ซึ่งอยู่ใกล้กับศาลเจ้ายาฮิโกะ และกระเช้าจะพาเราไปจนถึงบริเวณจุดชมวิวบนยอดเขา นอกจากนี้การขึ้นกระเช้าไม่เพียงแต่สะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนาน และได้เห็นทิวทัศน์อันงดงามของภูมิทัศน์ชนบทรอบภูเขายาฮิโกะอีกด้วย
(เครดิตรูปภาพ: Japankuru)
ขณะนั่งอยู่ในกระเช้า อย่าลืมมองวิวด้านล่าง เพราะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกซากุระหลากหลายสายพันธุ์จะออกดอกเพิ่มสีสันให้กับทิวทัศน์ด้านล่าง ไม่ว่าจะเป็นซากุระภูเขา (山桜) ที่เริ่มบานในเดือนมีนาคม ซากุระที่มีกลีบซ้อนกัน (八重桜) และซากุระยาฮิโกะ (弥彦桜) ที่มีกลีบดอก 6 กลีบ ต่างจากซากุระทั่วไปที่มี 5 กลีบ และเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม
Mount Yahiko Ropeway (弥彦山ロープウェイ)
ที่อยู่ (Lower station): 2898 Yahiko, Nishikambara District, Niigata
ราคาตั๋วไปกลับ: ผู้ใหญ่ 1,500 เยน / เด็ก 750 เยน
(เครดิตรูปภาพ: Japankuru)
กระเช้านั้นเป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้น เพราะเมื่อไปถึงจุดชมวิวด้านบน ก็จะสามารถมองเห็นวิวในระดับที่เท่ากับโตเกียวสกายทรี มองเห็นทะเลญี่ปุ่นที่ด้านหนึ่งของภูเขายาฮิโกะ ทุ่งหญ้า และป่าที่อยู่ตรงข้าม ในฤดูร้อนบรรดาดอกไฮเดรนเยียและดอก dogtooth violets บานเต็มเส้นทาง
นอกจากนี้ยังมีที่ให้นั่งพัก ร้านกิ๊ฟช็อป ร้านขายของว่างและอาหาร ไม่ว่าจะเป็นอุด้งร้อนๆ และมิโซะคอนยัคคุ ที่ทำจากหัวบุกคอนยัคคุและมิโซะสูตรพิเศษ รวมทั้งยังสามารถสนุกกับ “climbing car” ภายใน panorama tower พร้อมกับวิวแบบ 360 องศา
Panorama Tower (パノラマタワー)
ที่อยู่: 2898 Yahiko, Yahiko-mura, Nishikanbara-gun, Niigata
ราคาตั๋ว: ผู้ใหญ่ 650 เยน / เด็ก 350 เยน
ศาลเจ้ายาฮิโกะ: เทพเจ้าชินโต
(เครดิตรูปภาพ: Japankuru)
เมื่อลงจากเขา เดินผ่านประตูสีแดง และเดินไปตามทางที่ปูด้วยหิน ก็จะพบกับศาลเจ้ายาฮิโกะ อาคารที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้สูง หากคุณขับรถไป ระหว่างทางก็จะเห็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียง นั่นก็คือ ประตูเข้าศาลเจ้าขนาดใหญ่ ความสูง 30.16 เมตร เป็นประตูทางเข้าศาลเจ้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ส่วนนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ขับรถมาก็ยังสามารถเพลิดเพลินกับประตูที่มีขนาดเล็กกว่าที่อยู่ใกล้กับศาลเจ้าได้เช่นกัน
(เครดิตรูปภาพ: Japankuru)
จริงๆแล้วศาลเจ้ายาฮิโกะมีชื่อเสียงมาก่อนที่ประตูทางเข้าขนาดใหญ่จะสร้างขึ้นในปี 1982 เสียอีก ตามตำนานเล่าว่า Ame no Kagoyama no Mikoto เทพเจ้าผู้ที่นำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ยาฮิโกะถูกประดิษฐานไว้ที่ภูเขายาฮิโกะ ในปีแรกของยุคของจักรพรรดิโคอัน จักรพรรดิในตำนานองค์ที่ 6 ของญี่ปุ่น ซึ่งนั่นก็หมายถึงว่า ศาลเจ้ายาฮิโกะก่อตั้งขึ้นเมือ 392 ปี ก่อนคริสตศักราช และในขณะที่เรื่องราวต้นกำเนิดที่แท้จริงของศาลเจ้าก็เป็นตำนานเช่นกัน แต่ก็ยังมีหลักฐานที่สามารถตรวจสอบได้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน อยู่ในกวีนิพนธ์มันโยชุ ที่มีอายุเก่าแก่มากที่สุดในญี่ปุ่น ประมาณปี 600-759 ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วศาลเจ้าแห่งนี้มีอายุมากกว่า 1000 ปีเลยทีเดียว
อาคารของศาลเจ้าในปัจจุบัน ได้รับการบูรณะขึ้นหลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และสถาปัตยกรรมที่มีอายุ 100 ปีก็ยังคงสวยงามเหมือนเดิม จนได้รับเลือกให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ อย่าลืมที่จะลองมองรอบๆศาลเจ้า สัมผัสกับประวัติศาสตร์ที่ยาวนานนับพันปีที่อยู่ในศาลเจ้าและป่าที่อยู่รอบๆ
ศาลเจ้ายาฮิโกะ (Yahiko Shrine 彌彦神社)
ที่อยู่: 2887-2 Yahiko, Nishikambara District, Niigata
สึบาเมะซันโจ ความสวยงามของธรรมชาติ
(เครดิตรูปภาพ: Japankuru)
ทั้งทะเลญี่ปุ่น ยอดภูเขาไฟยาฮิโกะ ทุ่งหญ้าเขียวขจี ป่า และศาลเจ้าโบราณ ทำให้สึบาเมะซันโจเป็นสถานที่ที่ให้เราได้สัมผัสความงดงามของชนบท และยังเป็นเส้นทางที่น้อยคนจะรู้จัก หากมีโอกาสได้ไปที่ที่จังหวัดนีกาตะ เราแนะนำว่าไม่ควรพลาดเส้นทางนี้!
ชมคลิปบรรยากาศในสึบาเมะ-ซันโจ (Video credit: Japankuru)
เดินทางไปสถานี Tsubamesanjō
(เครดิตรูปภาพ: Japankuru)
การเดินทางโดยรถไฟชินคันเซ็นไปยังสถานี Tsubamesanjō นั้นสะดวกมากๆ เพราะอยู่บนสาย Jōetsu Shinkansen Line ซึ่งเริ่มจากสถานี Tokyo จากนั้นหยุดที่สถานี Ueno (และอีกหลายสถานีในจังหวัดไซตามะและกุนมะ) ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังจังหวัดนีกาตะ และเข้าสู่จุดหมายของเรา Tsubamesanjō การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาน้อยกว่า 2 ชั่วโมง จึงเหมาะกับการเดินทางในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ หรือจะใช้บัตร JR EAST PASS (Nagano, Niigata area)
JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) และพื้นที่การใช้งาน (เครดิตรูปภาพ: JR East)
JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) ที่สามารถใช้ได้ทั้ง JR EAST shinkansen, limited express trains และรถบัสของ JR ภายในเวลา 5 วัน ราคา 18,000 เยน (รวมภาษี) ซึ่งโดยปกติแล้วหากจองรถไฟชินคันเซ็นแบบไปกลับ จากสถานี Tokyo ไปยังสถานี Tsubamesanjō ราคาก็เกือบ 19,000 เยนแล้ว แต่หากซื้อ JR EAST PASS ก็สามารถเดินทางได้ได้ทั่ว จ.นีกาตะและจ.นากาโนะ และไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือแม้แต่คนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น ก็สามารถใช้บัตรชนิดนี้ได้! คุณยังสามารถจองที่นั่งสำหรับรถไฟชินคันเซน,รถไฟด่วนพิเศษบางขบวน และรถไฟ Joyful Trains ผ่านทางออนไลน์ได้ฟรีล่วงหน้าสูงสุด 1 เดือน ที่นี่
เครดิตรูปภาพส่วนหัวบทความ: Japankuru
บทความที่เกี่ยวข้อง
- สึบาเมะ-ซันโจ 1: งานหัตถกรรมท้องถิ่น ที่ผสมผสานระหว่างวิธีการทำแบบดั้งเดิมและแบบโมเดิร์นเข้าด้วยกัน
- สึบาเมะ-ซันโจ 2: วัฒนธรรม กิจกรรมเวิร์คชอป และของฝากจากญี่ปุ่น
- สึบาเมะ-ซันโจ 4: ดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ และการท่องเที่ยวตามฤดูกาล
Writer’s profile
JAPANKURU
Japankuru (เจแปนคุรุ) จะพาคุณไปพบกับที่