สุดยอดแพลนนั่งรถไฟเที่ยวญี่ปุ่น 7 วัน เพื่อคนรักรถไฟโดยเฉพาะ

ถ้าคุณเคยไปญี่ปุ่นล่ะก็ เป็นไปได้ว่าคุณคงจะเคยนั่งรถไฟ และด้วยเครือข่ายทางรถไฟที่กว้างขวางและถูกพัฒนามาอย่างดีเยี่ยม ทำให้การเดินทางโดยรถไฟไปทั่วทั้ง 47 จังหวัดของญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในวิธีที่ง่ายและคุ้มค่าที่สุด ฉันชอบเดินทางไปญี่ปุ่นเช่นเดียวกับคุณและใครอีกหลายคน และฉันก็เดินทางโดยใช้ตั๋ว Rail Pass เกือบทุกครั้ง นอกจากการนั่งรถไฟจะเป็นการเดินทางรูปแบบหนึ่งแล้ว ก็ยังถือเป็นการท่องเที่ยวไปในตัว อีกทั้งเป็นประสบการณ์และส่วนหนึ่งในแผนการเที่ยวที่ฉันตั้งตารออยู่เสมอ
แผนที่เส้นทางรถไฟที่อยู่ในแผนการเดินทางครั้งนี้ (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)
ในบทความนี้ ฉันจะมาแนะนำตัวอย่างแผนการนั่งรถไฟเดินทางรอบญี่ปุ่นที่ดีที่สุดสำหรับคนรักรถไฟ โดยแผนการเดินทางนี้จะใช้ Japan Rail Pass (JR Pass) แบบ 7 วัน ซึ่งมีไฮไลท์ต่างๆ เช่น
- เดินทางจากฮอกไกโดไปคิวชูด้วยรถไฟในหนึ่งวัน
- ค้างคืนบนรถไฟตู้นอน
- ขึ้นรถไฟชินกันเซ็นทุกสาย (ยกเว้นมินิชินกันเซ็น)
- สถานีรถไฟที่อยู่ทิศเหนือสุด
- บรรดาสถานีรถไฟที่อยู่ทิศตะวันออกสุด
- สถานีรถไฟที่อยู่ทิศตะวันตกสุด
- สถานีรถไฟที่อยู่ทิศใต้สุด
- สถานีรถไฟที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินที่สุด
- สถานีรถไฟที่อยู่ที่ระดับความสูงที่สุด
- รถไฟท่องเที่ยวในธีมต่างๆ
มองแว้บแรก คุณคงไม่เชื่อว่าเราจะไปทั้งหมดนี้ได้ภายในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ใช่ไหมล่ะ? ทำได้ค่ะ ด้วยการใช้ JR Pass แบบ 7 วันให้เต็มที่! ระหว่างที่รอญี่ปุ่นเปิดประเทศ ฉันได้วางแผนการเดินทางที่ดีที่สุดสำหรับสหายคนรักรถไฟทั้งหลายไว้แล้ว ซึ่งฉันหวังว่าจะได้เดินทางตามแผนนี้สักวันหนึ่งเช่นกัน คุณพร้อมไหม? ถ้าพร้อมแล้วก็ไปตะลุยทริปรถไฟสุดตื่นเต้นกันเลย!
วันที่ 1: Tokyo → Hakodate → Sapporo
- 6:32–10:53: Tokyo → Shin-Hakodate-Hokuto | Shinkansen Hayabusa 1
- 11:04–11:20: Shin-Hakodate-Hokuto → Hakodate | Hakodate Liner
ด้านนอกสถานี Tokyo (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)
เราจะออกเดินทางจากสถานี Tokyo แต่เช้าตรู่และมุ่งหน้าไปยังซัปโปโร เมืองหลวงของฮอกไกโด หลังจากที่ Hokkaido Shinkansen เริ่มให้บริการในปี 2015 เราก็สามารถนั่งรถไฟจากโตเกียวไปสถานี Shin-Hakodate-Hokuto ณ ทางตอนใต้ของฮอกไกโดได้โดยใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
รถไฟซีรี่ส์ H5วิ่งออกจากอุโมงค์เซคัง (เครดิตภาพ: JR East / Shinoda)
Hokkaido Shinkansen วิ่งผ่านอุโมงค์เซคัง (青函トンネル Seikan Tunnel) อุโมงค์ที่ถือเป็นความมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมที่ทอดยาวอยู่ใต้ทะเลโดยเชื่อมเกาะหลักของญี่ปุ่นกับเกาะฮอกไกโดเข้าด้วยกัน ตอนนี้ส่วนต่อขยายของ Hokkaido Shinkansen ที่เชื่อมไปยังซัปโปโรกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง และคาดว่าจะแล้วเสร็จในฤดูใบไม้ผลิปี 2031
ตามเข็มนาฬิกาจากซ้ายบน: ข้าวหน้าอาหารทะเล, วิวจากภูเขาฮาโกดาเตะ, สวนโกเรียวคาคุ, โกดังอิฐแดง (เครดิตภาพ: JR East/Carissa Loh (ซ้าย) และ photoAC (ขวา))
ด้วยความที่เราพอมีเวลาอยู่บ้าง เรามาใช้เวลาสองสามชั่วโมงในการเพลิดเพลินไปกับเมืองท่าฮาโกดาเตะกันดีกว่า! ฮาโกดาเตะ (函館 Hakodate) ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของฮอกไกโดและเป็นหนึ่งในเมืองท่าแห่งแรกๆ ของญี่ปุ่นที่เปิดรับการค้าขายระหว่างประเทศ ทำให้เมืองนี้ได้รับอิทธิพลจากต่างประเทศมามากมาย ดังที่เห็นได้จากอาคารบางแห่ง
สถานที่ที่ฉันอยากแนะนำให้ลองไปเที่ยวชมดูคือสวนโกเรียวคาคุ (五稜郭公園 Goryōkaku kōen) สวนรูปดาวที่สวยงามในทุกฤดูกาล ที่นี่จะเป็นสีเขียวชอุ่มในฤดูร้อน สีส้มและแดงร้อนแรงในฤดูใบไม้ร่วง สีขาวหิมะที่มีมนต์เสน่ห์ในฤดูหนาว และสีชมพูสวยงามของซากุระในฤดูใบไม้ผลิ และหากคุณมีเวลาก็ห้ามพลาดโอกาสชมวิวมุมสูงของเมืองฮาโกดาเตะจากบนภูเขาฮาโกดาเตะ (函館山 Hakodate-yama) เชียวล่ะ
ด้วยความที่ฮาโกดาเตะตั้งอยู่ใกล้กับช่องแคบสึการุ ทำให้เมืองนี้เต็มไปด้วยอาหารทะเลอร่อยๆ ดังนั้นฉันขอแนะนำให้คุณทานข้าวหน้าอาหารทะเล (海鮮丼 kaisendon) รสเลิศเป็นอย่างยิ่ง โดยท็อปปิ้งโปรดของฉันได้แก่หอยเชลล์ ไข่ปลาแซลมอน ปู และหอยเม่น แต่มีหลายสิบร้านเลยทีเดียวที่มีการจับคู่ท็อปปิ้งหลายแบบให้คุณได้เลือก อีกที่หนึ่งที่คุณสามารถแวะไปได้คือบรรดาโกดังอิฐแดง (赤レンガ Aka Renga) ที่ถูกดัดแปลงให้เป็นร้านค้า เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจและรับลมทะเลมากทีเดียว
- 15:01–18:47: Hakodate → Sapporo | Limited Express Hokuto 15
หลังจากอิ่มจุใจกันที่ฮาโกดาเตะแล้ว เราก็ไปขึ้นรถไฟ Limited Express Hokuto (特急北斗 Tokkyū Hokuto) มุ่งขึ้นเหนือสู่ซัปโปโร โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 45 นาทีในการเดินทาง
อาหารซัปโปโรที่ห้ามพลาด ตามเข็มนาฬิกาจากรูปบน: ปู, ซัปโปโรมิโซะราเม็ง, เจงกิสข่าน (เครดิตภาพ: photoAC)
เราจะค้างคืนที่ซัปโปโรกันอีก 3 คืนถัดจากนี้ ดังนั้นคุณจะมีโอกาสชิมอาหารท้องถิ่นรสเลิศหลายครั้งแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นซัปโปโรมิโซะราเม็ง, เจงกิสข่าน (ジンギスカン เนื้อแกะย่าง), ซุปแกงกะหรี่ และอาหารทะเลฮอกไกโดรวมไปถึงวัตถุดิบที่ผลิตในท้องถิ่นอีกมากมาย!
กำหนดการเดินทางวันที่ 1
หมายเหตุ: คุณสามารถปรับเปลี่ยนกำหนดการนั่งรถไฟทั้งหมดของวันนี้ได้ หากคุณไม่อยากตื่นเช้า หรือไม่ต้องการเที่ยวฮาโกดาเตะ คุณสามารถขึ้นชินกันเซ็นขบวนที่ออกจากโตเกียวช้ากว่านั้นได้ แล้วเปลี่ยนรถที่ Shin-Hakodate-Hokuto ไปยัง Limited Express Hokuto ที่มุ่งหน้าไปยังซัปโปโร
วันที่ 2: Sapporo → Wakkanai → Sapporo
- 7:30–12:40: Sapporo → Wakkanai | Limited Express Soya
นั่งรถไฟ Limited Express Soya (เครดิตภาพ: Hokkaido Railway Company)
ในวันที่สองเราจะออกเดินทางไปวักกะไน (Wakkanai) เมืองที่อยู่เหนือสุดของญี่ปุ่นกัน ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากซัปโปโรประมาณ 5 ชั่วโมงด้วยรถไฟ Limited Express Soya (特急宗谷 Tokkyū Sо̄ya) รถไฟสีชมพูโดดเด่นที่ใช้สีของดอกฮามานาสุ (はまなす กุหลาบญี่ปุ่น) และเป็นรถไฟที่จะสร้างความประทับใจให้คุณได้อย่างแน่นอน ฉันขอแนะนำให้คุณนั่งที่ริมหน้าต่างเพราะรถไฟจะผ่านทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามมากมายตลอดระยะการเดินทาง 422 กม. นี้
ป้ายต่างๆ รอบสถานี Wakkanai (เครดิตภาพ: Hokkaido Railway Company)
หลังออกจากสถานี Sapporo เวลา 7:30 น. รถไฟจะมาถึงสถานี Wakkanai (稚内駅) ในเวลา 12:40 น. สถานี Wakkanai เป็นสถานีรถไฟที่อยู่ทิศเหนือสุดของญี่ปุ่น (日本最北端の駅) ที่พิกัด 45°25’1.3”N 141°40’37.2”E ซึ่งจะมีป้ายระบุไว้บนชานชาลาด้วย
คุณรู้หรือเปล่าว่าวักกะไนเป็นที่ตั้งของทางรถไฟสายเหนือสุดในญี่ปุ่น (最北端の線路) ด้วยนะ สถานีนี้ยังมีป้ายบอกระยะทางจากสถานี Wakkanai ไปยังสถานีสำคัญอื่นๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น เช่น สถานี Sapporo สถานี Tokyo และสถานี Ibusuki ทางตอนใต้ของญี่ปุ่นที่เราจะไปเที่ยวกันในวันที่ 6
ลองชิมทาโกะชาบูระหว่างที่อยู่ที่วักกะไน (เครดิตภาพ: Hokkaido Railway Company)
คุณมีเวลาประมาณ 5 ชั่วโมงในการเที่ยววักกะไน ดังนั้นขอแนะนำให้เที่ยวให้เต็มที่ เมื่อมาถึงคุณอาจจะหิว ดังนั้นฉันขอแนะนำให้ลองชิมทาโกะชาบู (たこしゃぶ ชาบูปลาหมึกยักษ์) โดยวักกะไนเป็นแหล่งจับปลาหมึกยักษ์แปซิฟิกรายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และทาโกะชาบูก็เป็นอาหารท้องถิ่นชื่อดังที่พลาดไม่ได้!
ทางเดินสีขาวและแหลมโซยะ (เครดิตภาพ: Hokkaido Railway Company)
มีอีกหลายอย่างให้คุณทำในเวลา 5 ชั่วโมงที่เรามีที่วักกะไน และในฐานะคนรักธรรมชาติฉันขอแนะนำแหลมโซยะ (宗谷岬 Sōya Misaki) ซึ่งเป็นจุดที่อยู่เหนือสุดของฮอกไกโด และทางเดินสีขาว (白い道 White Path) เส้นทางสีขาวสวยงามที่ปูด้วยเปลือกหอย ซึ่งเป็นจุดที่ให้เรามองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของทะเลได้
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องกิจกรรมที่คุณสามารถทำได้ที่วักกะไนนั้น ตามไปอ่านบทความก่อนหน้าของ JR Hokkaido ได้ที่นี่
- 17:44–22:57: Wakkanai → Sapporo | Limited Express Soya
และแล้วก็ได้เวลาโบกมือลาวักกะไน ก่อนเดินทางกลับไปซัปโปโรอย่าลืมซื้อเอกิเบ็น (駅弁 ข้าวกล่องสำหรับรับประทานบนรถไฟ) ด้วยล่ะ!
กำหนดการเดินทางวันที่ 2
หมายเหตุ: รถไฟ Limited Express Soya ให้บริการไป-กลับเพียงเที่ยวเดียวต่อวันเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีรถไฟเที่ยวที่ช้าหรือเร็วกว่านี้แล้ว
วันที่ 3: Sapporo → Nemuro → Sapporo
- 6:48–10:57: Sapporo → Kushiro | Limited Express Oozora 1
- 11:12–13:22: Kushiro → Nemuro | Rapid Nosappu
วันก่อนเราได้ไปเยือนสถานีรถไฟที่อยู่ทิศเหนือสุดมาแล้ว สำหรับวันที่ 3 เราจะไปยังสถานีรถไฟที่อยู่ทิศตะวันออกสุดกัน มาขึ้นรถไฟ Limited Express Oozora (特急おおぞら Tokkyū О̄zora) ที่จะพาเราเดินทางจากสถานี Sapporo ไปยังสถานี Kushiro (釧路駅) ทางทิศตะวันออกของฮอกไกโด บนทางรถไฟสายหลัก Nemuro
บน: รถไฟ Limited Express Oozora วิ่งผ่านชาคุเบ็ตสึ โนะ โอกะ ล่าง: รถไฟบนทางรถไฟสาย Hanasaki ที่วิ่งผ่านพื้นที่ชุ่มน้ำเบกันเบอุชิ (เครดิตภาพt: photoAC (บน) และ Hokkaido Railway Company (ล่าง))
ใกล้ๆ กับสถานี Ombetsu ในพื้นที่ที่เรียกว่าชาคุเบ็ตสึ โนะ โอกะ (尺別の丘) ขอแนะนำให้คอยเฝ้ามองทัศนียภาพสวยงามตามแนวชายฝั่งให้ดี เพราะที่บริเวณนี้คุณจะมีจังหวะชมวิวมหาสมุทรสีฟ้าสวยงามจากหน้าต่างรถไฟได้หลายครั้งทีเดียว ที่สถานี Kushiro เราจะเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟ Rapid Nosappu (快速ノサップ Kaisoku Nosappu) บนทางรถไฟสาย Hanasaki และมุ่งหน้าไปยังสถานี Nemuro (根室駅) โดยระหว่างเดินทางไปตามทางรถไฟสาย Hanasaki นั้น คุณจะผ่านพื้นที่ชุ่มน้ำเบกันเบอุชิ (別寒辺牛湿原 Bekanbeushi Shitsugen) ที่มีวิวสวยงามอีกมากให้ชมกัน
สถานี Nemuro สถานีรถไฟแบบมีพนักงานประจำที่ตั้งอยู่ทิศตะวันออกสุด (เครดิตภาพ: photoAC)
สถานี Nemuro เป็นสถานีปลายทางของทางรถไฟสาย Hanasaki และเป็นสถานีแบบมีพนักงานประจำที่ตั้งอยู่ทิศตะวันออกสุดของญี่ปุ่น (日本最東端有人の駅) โดยที่นี่คือสถานีทิศตะวันออกสุดที่มีพนักงานสถานีรถไฟประจำอยู่ อีกทั้งเป็นสถานีทิศตะวันออกสุดที่มีบริการให้คุณซื้อตั๋วรถไฟได้ จากจุดนี้ฉันเตรียมตัวเลือกไว้ให้คุณ 2 แบบด้วยกัน ซึ่งคุณสามารถเลือกได้โดยขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการไปที่ไหน
ตัวเลือก A (สำหรับคนรักรถไฟ):
- 16:15–18:51: Higashi-Nemuro → Kushiro | ทางรถไฟสาย Hanasaki
- 18:59–22:58: Kushiro → Sapporo | Limited Express Oozora 12
สถานี Higashi-Nemuro สถานีรถไฟที่อยู่ทิศตะวันออกสุดของญี่ปุ่น (เครดิตภาพ: photoAC)
ตัวเลือก A เป็นตัวเลือกสำหรับคนรักรถไฟตัวยง อย่างที่ฉันพูดถึงไปก่อนหน้านี้ สถานี Nemuro เป็นสถานีรถไฟแบบมีพนักงานประจำที่อยู่ทิศตะวันออกสุดของญี่ปุ่น แต่ไม่ใช่สถานีรถไฟที่อยู่ *ทิศตะวันออกสุด* สถานีที่คว้าตำแหน่งนั้นไปคือสถานี Higashi-Nemuro (東根室駅) ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงหนึ่งสถานีเท่านั้น สถานี Higashi-Nemuro เป็นสถานีแบบไร้พนักงานประจำที่ได้ชื่อว่าเป็นสถานีรถไฟที่ตั้งอยู่ทิศตะวันออกสุดของญี่ปุ่น (日本最東端の駅) ที่พิกัด 43°19′16″N 145°36′05″E หากคุณเป็นคนรักรถไฟล่ะก็ ห้ามพลาดโอกาสเยี่ยมชมสถานีนี้เชียว!
เนื่องจากที่นี่มีรถไฟผ่านไม่บ่อยนัก ฉันขอแนะนำให้ทานอาหารกลางวันแถวๆ เนมุโระ จากนั้นเดินเล่นสบายๆ 25 นาทีจากสถานี Nemuro ไปยังสถานี Higashi-Nemuro
ตัวเลือก B (สำหรับคนรักธรรมชาติ):
- 13:35–14:19: นั่งรถบัสจากสถานี Nemuro ไปยังแหลมโนซัปปุ
- 15:10–15:54: นั่งรถบัสจากแหลมโนซัปปุไปยังสถานี Nemuro
- 16:12–18:51: Nemuro → Kushiro | ทางรถไฟสาย Hanasaki
- 18:59–22:58: Kushiro → Sapporo | Limited Express Oozora 12
แหลมโนซัปปุ (เครดิตภาพ: photoAC)
ตัวเลือก B เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเพิ่มการชมวิวเข้ามาในการเดินทางด้วยรถไฟในครั้งนี้ หากสถานีทิศตะวันออกสุดที่มีพนักงานประจำนั้นฟังดูน่าสนพอแล้วสำหรับคุณ ขอแนะนำให้ใช้เวลาที่มีอยู่จำกัดนี้เดินทางสั้นๆ ไปยังแหลมโนซัปปุ (納沙布岬 Nosappu Misaki) จุดที่อยู่ทิศตะวันออกสุดของญี่ปุ่นที่เปิดให้คนทั่วไปสามารถเข้าไปได้ อีกทั้งตั้งอยู่ทิศตะวันออกสุดของฮอกไกโด รอบเวลาที่รถบัสออกจากสถานี Nemuro นั้นจะสอดคล้องกับตารางเวลารถไฟ ทำให้คุณมีเวลามากพอที่จะเดินเล่นรอบแหลมที่มีทิวทัศน์สวยงามนี้ได้
กำหนดการเดินทางวันที่ 3
ไม่ว่าคุณจะเที่ยวตามตัวเลือก A หรือ B คุณจะมาจบที่รถไฟขบวนเดียวกันที่มุ่งหน้าสู่คุชิโระและเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟ Limited Express Oozora เพื่อมุ่งหน้ากลับซัปโปโร
หมายเหตุ: ตั๋ว JR Pass ไม่ได้ครอบคลุมบริการรถบัส Nemuro Kotsu ที่วิ่งไปแหลมโนซัปปุ ดังนั้นอย่าลืมซื้อตั๋วก่อนขึ้นรถด้วยนะ
วันที่ 4: Sapporo → Hakata
- 6:52–10:23: Sapporo → Shin-Hakodate-Hokuto | Limited Express Hokuto 4
- 10:53–15:04: Shin-Hakodate-Hokuto → Tokyo | Shinkansen Hayabusa 22
- 15:33–18:27: Tokyo → Shin-Osaka | Shinkansen Hikari 649
- 19:06–21:41: Shin-Osaka → Hakata | Shinkansen Sakura 571
ในวันที่ 4 เราจะเดินทางจากฮอกไกโดไปคิวชูโดยรถไฟชินกันเซ็นภายในวันเดียว! สถานีรถไฟที่อยู่ทิศเหนือสุดและตะวันออกสุดของญี่ปุ่นอยู่ในฮอกไกโด ในขณะที่สถานีรถไฟที่อยู่ทิศตะวันตกสุดและใต้สุดอยู่ในคิวชู (ไม่นับสถานีรถไฟโมโนเรล)
Tokaido Shinkansen และทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิจากบนรถไฟ (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)
คุณเคยสงสัยหรือเปล่าว่าเราสามารถเดินทางโดยรถไฟในประเทศญี่ปุ่นได้ไกลแค่ไหนภายในหนึ่งวัน? การเดินทางจากซัปโปโรไปฮากาตะของเราในวันนี้มีระยะทางประมาณ 2,338.2 กม. นี่ไม่ใช่ระยะทางที่ไกลที่สุดที่เราสามารถเดินทางไปได้ แต่รับรองว่ามีอะไรมากมายให้ทำใน 1 วันอย่างแน่นอน!
จากซัปโปโร เราจะนั่งรถไฟ Limited Express Hokuto ไปยังสถานี Shin-Hakodate-Hokuto ซึ่งเราจะเปลี่ยนไปขึ้น Hokkaido Shinkansen มุ่งหน้าสู่โตเกียว จากโตเกียวเราจะนั่ง Tokaido Shinkansen ไป Shin-Osaka จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้น Sanyo Shinkansen และมุ่งหน้าไปยังฮากาตะอันเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายของเราในวันนี้ ระหว่างที่คุณกำลังนั่ง Tokaido Shinkansen คอยดูภูเขาไฟฟูจิที่จะเห็นได้จากหน้าต่างรถไฟถ้าอากาศแจ่มใสด้วยล่ะ!
เอกิเบ็นคือของคู่ใจชั้นเลิศสำหรับทุกการนั่งรถไฟ (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)
อย่าลืมซื้อเอกิเบ็นกินระหว่างทางด้วยนะเพราะเราจะนั่งรถไฟกันทั้งวัน ร้านค้าที่ขายเอกิเบ็นมีอยู่มากมายตามสถานีรถไฟใหญ่ๆ เช่น Sapporo, Tokyo และ Shin-Osaka โดยสถานีเหล่านี้มีเอกิเบ็นหลากหลายประเภทจากทั่วทั้งภูมิภาควางจำหน่ายอยู่ คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอกิเบ็นพิเศษประจำภูมิภาคต่างๆ ของญี่ปุ่นได้ในบทความนี้
กำหนดการเดินทางวันที่ 4
วันที่ 5: Hakata → Tabirahiradoguchi → Sasebo → Kagoshima-Chuo
- 8:36–9:56: Hakata → Arita | Limited Express Huis Ten Bosch 3
- 10:17–10:41: Arita → Imari | Matsuura Railway
- 11:36–12:46: Imari → Tabirahiradoguchi | Matsuura Railway
รถไฟ Limited Express Huis Ten Bosch (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)
ในวันที่ 5 รถไฟขบวนแรกของเราวันนี้น่าจะเป็นหนึ่งในรถไฟที่มีสีสันสดใสที่สุดเท่าที่คุณเคยเห็นมา นั่นคือรถไฟ Limited Express Huis Ten Bosch (特急ハウステンボス Tokkyū Hausu Ten Bosu) รถไฟขบวนนี้มีการตกแต่งภายนอกด้วยสีส้มสดใสและมีการตกแต่งภายในหลากสีสัน และเป็นรถไฟที่วิ่งระหว่างสถานี Hakata กับสถานี Huis Ten Bosch ซึ่งเป็นทางเข้าไปยังสวนสนุก Huis Ten Bosch เราจะลงที่สถานี Arita เพื่อเปลี่ยนไปขึ้น Matsuura Railway (松浦鉄道) และมุ่งหน้าไปยังสถานี Tabirahiradoguchi (たびら平戸口駅) ผ่านเมืองอิมาริ
สถานี Tabirahiradoguchi สถานีที่อยู่ทิศตะวันตกสุดของญี่ปุ่น (เครดิตภาพ: Hirado City)
สถานี Tabirahiradoguchi ในจังหวัดนางาซากิเป็นสถานีรถไฟที่อยู่ทิศตะวันตกสุดของญี่ปุ่น (日本最西端の駅) ที่พิกัด 33°21’45.78”N 129°34’57.84”E. ขอบอกไว้ก่อนว่าฉันหมายถึงแค่ทางรถไฟสองรางแบบปกติ ไม่ได้นับรวมโมโนเรล หากคุณนับโมโนเรลด้วย สถานีโมโนเรลที่อยู่ทิศตะวันตกสุดคือสถานีโมโนเรล Naha Airport ในจังหวัดโอกินาว่า
- 13:48–15:07: Tabirahiradoguchi → Sasebo | Matsuura Railway
ลองชิมเบอร์เกอร์ซาเซโบะระหว่างที่คุณอยู่ในซาเซโบะ (เครดิตภาพ: photoAC)
ถัดจากสถานี Tabirahiradoguchi เราจะขึ้นรถไฟไปยังสถานี Sasebo (佐世保駅) ซึ่งเป็นสถานีรถไฟ JR ที่อยู่ทิศตะวันตกสุด (JR最西端の駅) ตัวเมืองซาเซโบะตั้งอยู่ในจังหวัดนางาซากิและมีของอร่อยขึ้นชื่อเป็นเบอร์เกอร์ ดังนั้นระหว่างเที่ยวที่นี่ต้องลองไปชิมดูให้ได้เลยนะ!
- 15:45–17:08: Sasebo → Shin-Tosu | Limited Express Midori 22
- 17:35–18:58: Shin-Tosu → Kagoshima-Chuo | Shinkansen Sakura 411
รถไฟ Limited Express Midori (บน) และ Kyushu Shinkansen (ล่าง) (เครดิตภาพ: photoAC (บน) และ JR East / Carissa Loh (ล่าง))
จากซาเซโบะ เราจะขึ้นรถไฟ Limited Express Midori (特急みどり Tokkyū Midori) ไปยังสถานี Shin-Tosu ซึ่งเราจะเปลี่ยนไปขึ้น Kyushu Shinkansen เพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดหมายสุดท้ายของเราในวันนี้ นั่นคือสถานี Kagoshima-Chuo (鹿児島中央駅) หลังจากนั่งรถไฟชินกันเซ็นสายอื่นๆ รอบประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันก่อน คุณจะสังเกตเห็นบางสิ่งที่พิเศษเกี่ยวกับรถไฟซีรี่ส์ 800 บน Kyushu Shinkansen นั่นคือผ้าบุที่นั่งสุดหรูและงานไม้ที่สวยงาม
สำหรับฉันแล้ว แน่นอนว่าดาวเด่นของการเดินทางโดยรถไฟก็คือตัวรถไฟเอง ฉันชอบรถไฟที่มีการตกแต่งเป็นพิเศษ และมันทำให้การนั่งรถไฟของฉันสนุกขึ้นมาก ในบรรดารถไฟชินกันเซ็นแล้ว ซีรี่ส์ 800 ถือเป็นหนึ่งในขบวนโปรดของฉันเลยละ!
กำหนดการเดินทางวันที่ 5
หมายเหตุ: ตั๋ว JR Pass ไม่ได้ครอบคลุมรถไฟในเครือ Matsuura Railway ได้ ดังนั้นอย่าลืมซื้อบัตรโดยสารแบบ 1 วันสำหรับขึ้นรถไฟของ Matsuura Railway (2,500 เยน) ด้วยนะ
วันที่ 6: Kagoshima-Chuo → Nishi-Oyama → Okayama → Tokyo
สำรวจคาโกชิมะในตอนเช้า (เครดิต: JR East / Carissa Loh)
สำหรับวันที่ 6 ช่วงเช้าเราจะสบายๆ หน่อย ถ้าคุณเหนื่อยก็นอนพักก่อนได้ แต่จะเสียโอกาสเที่ยวเมืองคาโกชิมะทำไม? ไหนๆ ก็เดินทางมาถึงที่นี่แล้ว ฉันก็ขอแนะนำให้คุณไปที่ซากุระจิมะ (桜島) ภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ซึ่งเป็นตัวแทนของจังหวัดคาโกชิมะ ด้วยความที่ภูเขาไฟลูกนี้มีควันออกมาอยู่เสมอและมีการปะทุเล็กๆ เป็นระยะ ทำให้ซากุระจิมะเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุดลูกหนึ่งของญี่ปุ่น หากคุณชอบทิวทัศน์สวยๆ ฉันขอแนะนำสวนชิโรยามะ (城山公園 Shiroyama Kōen) และสวนเซ็นกันเอ็น (仙巌園 Sengan-en) ที่ให้เรามองเห็นวิวสวยงามของซากุระจิมะได้
ด้วยสภาพอากาศที่อบอุ่นทำให้จังหวัดคาโกชิมะเฟื่องฟูด้านอุตสาหกรรมการเกษตรและปศุสัตว์เป็นอย่างมาก ระหว่างอยู่ในคาโกชิม่า คุณต้องไม่พลาดโอกาสชิมเนื้อ "สีดำ" ทั้ง 3 อย่าง ได้แก่ ไก่ดำซัตสึมะ (黒さつま鳥 kuro satsumadori), หมูดำคุโรบุตะ (黒豚 kurobuta) และเนื้อวัวขนดำ (黒毛和牛 kuroge wagyū)!
- 11:56–12:48: Kagoshima-Chuo → Ibusuki | IBUSUKI NO TAMATEBAKO 1
รถไฟ IBUSUKI NO TAMATEBAKO D&S (เครดิตภาพ: JR Kyushu)
จากสถานี Kagoshima-Chuo เราจะไปขึ้นรถไฟด่วนพิเศษ IBUSUKI NO TAMATEBAKO Design & Story (D&S) ซึ่งเป็นหนึ่งในรถไฟท่องเที่ยวของ JR Kyushu ทั้งการตกแต่งภายนอกและภายในรถไฟมีจุดเด่นเฉพาะตัว และถูกสร้างมาเพื่อการนั่งรถไฟที่สนุกสนาน รถไฟขบวนนี้ได้ชื่อมาจาก Ibusuki ซึ่งเป็นสถานีปลายทางที่มีชื่อเสียงเรื่องออนเซ็น และ Tamatebako ที่แปลว่า "กล่องสมบัติ" ซึ่งมาจากนิทานพื้นบ้านเรื่องอุราชิมะทาโร่
บัตรโดยสาร Japan Rail Pass ครอบคลุมรถไฟ IBUSUKI NO TAMATEBAKO ดังนั้นจึงไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการโดยสารรถไฟขบวนนี้ หากคุณสนใจรถไฟ D&S ขบวนอื่นๆ ของ JR Kyushu สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความเหล่านี้ที่นี่ (เวอร์ชั่นเที่ยวริมทะเล) และที่นี่ (เวอร์ชั่นเที่ยวตามภูเขา)
หมายเหตุ: IBUSUKI NO TAMATEBAKO วิ่งให้บริการทุกวันแต่ขบวนรถมีที่นั่งจำกัด ดังนั้นขอแนะนำให้คุณรีบสำรองที่นั่งโดยเร็วที่สุด หากคุณไม่สามารถหาที่นั่งได้ก็ไม่ต้องกังวล เพราะคุณยังสามารถนั่งรถไฟธรรมดาที่ออกหลังจากนั้นไม่กี่นาทีได้เช่นกัน (12:02–13:37: Kagoshima-Chuo → Nishi-Oyama | ทางรถไฟสาย Ibusuki-Makurazaki)
- 13:19–13:37: Ibusuki → Nishi-Oyama | ทางรถไฟสาย Ibusuki-Makurazaki
สถานี Nishi-Oyama สถานีที่อยู่ทิศใต้สุดของญี่ปุ่น (เครดิตภาพ: JR Kyushu (บน) และ JR East / Carissa Loh (ล่าง))
จากอิบุสุกิ เราจะนั่งรถไฟบนทางรถไฟสาย Ibusuki-Makurazaki มุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟที่อยู่ทิศใต้สุดของญี่ปุ่น (日本最南端駅) นั่นคือสถานี Nishi-Oyama (西大山駅) โดยใช้เวลา 20 นาที ขอบอกไว้ก่อนว่าฉันนับเฉพาะรถไฟรางคู่แบบปกติ ไม่ได้นับรวมโมโนเรล หากคุณนับโมโนเรลด้วย สถานีโมโนเรลที่อยู่ทิศใต้สุดจะเป็นสถานีโมโนเรล Akamine ในจังหวัดโอกินาว่า
สถานี Nishi-Oyama เป็นสถานีไร้คนควบคุมที่ไม่มีตัวอาคารสถานี จากชานชาลาสถานี คุณสามารถชมวิวภูเขาไคมง (開門岳 Kaimondake) ได้แบบเต็มตา นอกจากเสาอนุสรณ์บนชานชาลาแล้ว ที่ด้านนอกสถานีคุณจะเห็นป้ายที่แสดงตำแหน่งสถานี JR ที่ตั้งอยู่ทิศเหนือสุด ตะวันออกสุด ตะวันตกสุด และใต้สุดอีกด้วย
ที่ด้านนอกสถานียังมีตู้ไปรษณีย์ "นำโชค" สีเหลืองสดใสที่เชื่อกันว่าจะนำความสุขมาสู่ผู้ที่ส่งจดหมายที่ตู้นี้ ดังนั้นอย่าลืมไปส่งโปสต์การ์ดหรือจดหมายกันด้วยนะ!
- 14:26–14:44: Nishi-Oyama → Ibusuki | ทางรถไฟสาย Ibusuki-Makurazaki
- 15:05–16:00: Ibusuki → Kagoshima-Chuo | IBUSUKI NO TAMATEBAKO 6 หรือ 15:53–17:10: Ibusuki → Kagoshima-Chuo | ทางรถไฟสาย Ibusuki-Makurazaki
หลังเที่ยวชมสถานี Nishi-Oyama เราจะเดินทางกลับไปยังสถานี Kagoshima-Chuo ผ่านสถานี Ibusuki หากคุณจองที่นั่งได้ ฉันก็ขอแนะนำอีกครั้งว่าให้นั่ง IBUSUKI NO TAMATEBAKO เพราะโอกาสที่คุณจะได้นั่งรถไฟท่องเที่ยวที่พิเศษแบบนี้มีไม่บ่อยนัก แต่ถ้าคุณหาที่นั่งไม่ได้จริงๆ คุณก็ยังสามารถนั่งรถไฟธรรมดาที่ออกทีหลังได้เช่นกัน
- 17:18–18:43: Kagoshima-Chuo → Hakata | Shinkansen Sakura 568
- 20:06–21:59: Hakata → Okayama | Shinkansen Sakura 572
- 22:34–7:08: Okayama → Tokyo | รถไฟตู้นอน Sunrise Seto/Sunrise Izumo
อาหารขึ้นชื่อของฟุกุโอกะ ตามเข็มนาฬิกาจากซ้ายบน: เมนไทโกะ, ทงคตสึราเมน, มตสึนาเบะ, มิซึทากิ (เครดิตภาพ: photoAC)
จากสถานี Kagoshima-Chuo เราจะนั่ง Kyushu Shinkansen ไปยังสถานี Hakata ในเมืองฟุกุโอกะ ซึ่งเราจะมีเวลาพอสำหรับการรับประทานอาหารค่ำ ฟุกุโอกะนั้นขึ้นชื่อเรื่องของกิน มีอาหารอร่อยมากมาย เช่น ทงคตสึราเม็ง (豚骨ラーメン ราเมนน้ำซุปกระดูกหมู), เมนไทโกะ (明太子 ไข่ปลาค็อดแบบเผ็ด), มตสึนาเบะ (もつ鍋 หม้อไฟเนื้อหรือเครื่องในหมู) และมิซึทากิ (水炊き หม้อไฟไก่) คุณเลือกเลยว่าอยากลองเมนูไหน
หลังจากรับประทานอาหารเย็นจนอิ่มจุใจแล้ว เราจะขึ้นรถไฟ Sanyo Shinkansen เพื่อมุ่งหน้าไปสถานี Okayama (岡山駅) ที่ซึ่งเราจะขึ้นรถไฟสุดพิเศษ นั่นคือรถไฟตู้นอน Sunrise Seto/Izumo!
รถไฟตู้นอน Sunrise Seto/Izumo (เครดิตภาพ: photoAC)
Sunrise Seto/Izumo (サンライズ瀬戸・出雲) เป็นหนึ่งในรถไฟค้างคืนไม่กี่ขบวนของญี่ปุ่นที่ยังวิ่งให้บริการอยู่ Sunrise Seto วิ่งระหว่างโตเกียวและทาคามัตสึในจังหวัดคางาวะ ซึ่งสามารถเดินไปจากโอคายามะได้โดยข้ามทะเลเซโตะตอนใน ส่วนรถไฟ Sunrise Izumo วิ่งระหว่างสถานี Tokyo และสถานี Izumoshi ในจังหวัดชิมาเนะซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคซันอิน โดยรถไฟทั้งสองขบวนจะแยกและมาเจอกันที่สถานี Okayama
รู้หรือไม่ว่าคุณสามารถจองที่นั่ง Nobi Nobi (ノビノビ座席 nobinobi zaseki) บนรถไฟ Sunrise Seto/Izumo ด้วยตั๋ว JR Pass ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แม้จะไม่ใช่เตียงหรูระดับ 5 ดาว แต่ที่นอนบนรถไฟเหล่านี้ก็กว้างขวางพอให้เอนตัวนอนได้ อีกทั้งมีหน้าต่างและไฟสำหรับผู้โดยสารแต่ละคน และมีฉากกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวด้วย
เมื่อขึ้นรถไฟแล้ว ฉันขอแนะนำให้ซื้อบัตรอาบน้ำที่ให้คุณใช้ห้องอาบน้ำบนรถไฟได้เป็นอย่างยิ่ง บัตรอาบน้ำมีจำนวนจำกัดและจำหน่ายแบบใครมาก่อนได้ก่อน ดังนั้นถ้าไม่อยากพลาดก็ควรรีบซื้อโดยเร็ว บัตรมีราคา 320 เยน คุณจะเปิดน้ำใช้ได้ 6 นาที โดยสามารถปิดน้ำชั่วคราวในระหว่างที่อาบได้
รถไฟ Sunrise Seto/Izumo ออกเดินทางจากสถานี Okayama เวลา 22:34 น. และจะไปถึงสถานี Tokyo ในเวลา 7:08 น. ของเช้าวันถัดไป
กำหนดการเดินทางวันที่ 6
วันที่ 7: Tokyo → Nobeyama → Doai → Tokyo
หากวันที่ 7 เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ของญี่ปุ่น:
- 7:32–7:46: Tokyo → Shinjuku | ทางรถไฟสาย Chuo
- 8:00–9:53: Shinjuku → Kobuchizawa | Limited Express Azusa 5
- 10:40–11:22: Kobuchizawa → Nobeyama | HIGH RAIL 1375 1
รถไฟ Joyful Train HIGH RAIL 1375 (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)
ในวันที่ 7 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟในครั้งนี้ เราจะไปกันที่สถานี Shinjuku เพื่อขึ้นรถไฟ Limited Express Azusa (特急あずさ Tokkyū Azusa) ไปยังสถานี Kobuchizawa หากวันที่ 7 ตรงกับวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ของญี่ปุ่น คุณสามารถนั่งรถไฟท่องเที่ยวพิเศษอย่าง HIGH RAIL 1375 ซึ่งเป็นหนึ่งในรถไฟ Joyful Train ของ JR East ได้
คุณอยากรู้ไหมว่าชื่อ HIGH RAIL 1375 มีที่มาอย่างไร? รถไฟขบวนนี้วิ่งไปตามทางรถไฟสาย Koumi ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟ JR ที่อยู่ ณ ระดับความสูงที่สุดมากถึง 9 แห่งจากทั้งหมด 10 แห่ง และรางรถไฟ JR ที่มีระดับความสูงมากที่สุด ที่ 1,375 เมตร ก็อยู่บนทางรถไฟสาย Koumi เช่นกัน ภายในตัวรถไฟมีที่นั่งแบบหันหน้าออกหน้าต่าง ทำให้คุณสามารถชมทัศนียภาพอันน่าทึ่งของภูเขายัตสึงะทาเกะและที่ราบสูงที่สวยงามในภูมิภาคนี้ อีกทั้งยังมีท้องฟ้าจำลองทรงโดมและห้องสมุดดาราศาสตร์ขนาดเล็กบนขบวนรถไฟอีกด้วย
หมายเหตุ: บัตรโดยสาร Japan Rail Pass นั้นครอบคลุมรถไฟ HIGH RAIL 1375 คุณจึงโดยสารได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ที่นั่งบนรถไฟ HIGH RAIL 1375 เป็นแบบที่ต้องจองเท่านั้น ดังนั้นฉันขอแนะนำให้รีบจับจองโดยเร็วที่สุด คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโดยสารรถไฟ HIGH RAIL 1375 ได้ในบทความนี้ หากคุณสนใจรถไฟ Joyful Train ขบวนอื่นๆ ของ JR East สามารถตามไปอ่านได้ในบทความนี้
สถานี Nobeyama สถานี JR ที่อยู่ที่ระดับสูงที่สุด (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)
รถไฟ HIGH RAIL 1375 จะจอดรถเป็นเวลาสั้น ๆ 10 นาทีที่สถานี Nobeyama (野辺山駅) ซึ่งเป็นสถานี JR ที่อยู่สูงที่สุด (JR線最高駅) ที่ระดับความสูง 1,345.67 เมตร โดยที่สถานี Nobeyama คุณสามารถลงไปถ่ายรูปกับอนุสรณ์สถานีที่มีระดับความสูงมากที่สุดได้ และเช่นเดียวกับสถานีอื่นๆ ที่รถไฟ HIGH RAIL 1375 จอด ป้ายสถานีแห่งนี้ก็ถูกตกแต่งเป็นพิเศษด้วยภาพท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและภูเขายัตสึงะทาเกะ!
- 11:33–12:44: Nobeyama → Sakudaira | HIGH RAIL 1375 1
- 13:46–14:14: Sakudaira → Takasaki | Shinkansen Asama 618
- 14:30–14:59: Takasaki → Echigo-Yuzawa | Shinkansen Toki 323
- 15:08–15:33: Echigo-Yuzawa → Doai | ทางรถไฟสาย Joetsu
หลังจากแวะที่สถานี Nobeyama เราจะกลับขึ้นรถไฟ HIGH RAIL 1375 และเดินทางไปยังสถานี Doai (土合駅) ซึ่งเป็นสถานี JR ที่อยู่ลึกที่สุด เราจะเปลี่ยนขบวนที่ Sakudaira เพื่อนั่ง Hokuriku Shinkansen ไป Takasaki จากนั้นเปลี่ยนไปนั่ง Joetsu Shinkansen อีกครั้งเพื่อไป Echigo-Yuzawa ซึ่งเราจะเปลี่ยนรถไฟครั้งสุดท้ายเพื่อไปยังทางรถไฟสาย Joetsu และมุ่งหน้าไปสถานี Doai
สถานี Doai สถานีรถไฟ JR ที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินที่สุด (เครดิตภาพ: photoAC)
สถานี Doai หรือที่รู้จักกันในชื่อ "สถานีตัวตุ่นอันดับ 1 ของญี่ปุ่น" (日本一のモグラ駅) หนึ่งในชานชาลาของสถานี Doai อยู่ที่ความลึก 70 เมตร ถือว่าอยู่ลึกลงไปใต้ดินมากที่สุดในบรรดาสถานี JR ทั้งหมด! เมื่อเดินทางมาจาก Echigo-Yuzawa ชานชาลาจะอยู่ที่ระดับพื้นดิน แต่เมื่อจะมุ่งหน้าไปยัง Echigo-Yuzawa เราจะต้องเดินลงบันไดถึง 462 ขั้นเพื่อไปยังชานชาลาเลยทีเดียว
เพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันน่าทึ่งจากกระเช้าลอยฟ้า Tanigawadake Ropeway (เครดิตภาพ: 谷川岳ロープウェイ)
เรามีเวลาประมาณ 2 ชั่มโมงครึ่งที่สถานี Doai หากคุณชอบธรรมชาติ ขอแนะนำให้ขึ้นกระเช้าลอยฟ้า Tanigawadake Ropeway โดยภูเขาทานิกาวะ (谷川岳 Tanigawadake) เป็นหนึ่งใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น และกระเช้าลอยฟ้า Tanigawadake Ropeway อยู่ห่างจากสถานี Doai เพียง 15 นาทีเท่านั้น
กระเช้าลอยฟ้า Tanigawadake Ropeway จะพาคุณขึ้นไปยังเท็นจินไดระที่อยู่ระดับความสูง 1,319 ม. ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางปีนเขาหรือเดินเขามากมาย แม้ขาขึ้นของกระเช้าลอยฟ้าจะใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเท่านั้น แต่คุณก็สามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันน่าทึ่งของภูเขาและหุบเขาโดยรอบได้แล้ว ดังนั้นถ้าคุณมีเวลาก็ต้องลองไปดูสักหน่อยแล้วล่ะ
- 17:59–18:23: Doai → Echigo-Yuzawa | ทางรถไฟสาย Joetsu
- 18:29–19:52: Echigo-Yuzawa → Tokyo | Shinkansen Toki 340
จาก Doai เราจะเดินทางกลับไปโตเกียว เป็นอันสิ้นสุดทริปนั่งรถไฟ 7 วันอันยิ่งใหญ่ของเรา
หากวันที่ 7 เป็นวันธรรมดา:
- 9:25–9:39: Tokyo → Shinjuku | ทางรถไฟสาย Chuo
- 10:00–11:52: Shinjuku → Kobuchizawa | Limited Express Azusa 13
- 11:56–12:27: Kobuchizawa → Nobeyama | ทางรถไฟสาย Koumi
รถไฟ Limited Express Azusa ที่ใช้รถไฟซีรี่ส์ E353 (เครดิตภาพ: JR East)
หากวันที่ 7 เป็นวันที่รถไฟ HIGH RAIL 1375 ไม่วิ่งให้บริการ เราสามารถใช้เวลาในตอนเช้าชื่นชมสถานี Tokyo หนึ่งในสถานีรถไฟที่เก่าแก่และน่าทึ่งที่สุดของญี่ปุ่นได้ เราจะขึ้นรถไฟรอบถัดมาไปยังชินจูกุ เพื่อเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟ Limited Express ไปยังสถานี Kobuchizawa จากนั้นเปลี่ยนไปทางรถไฟสาย Koumi และมุ่งหน้าไปยังสถานี Nobeyama
อนุสรณ์ที่ระบุระดับความสูงมากที่สุดของรางรถไฟ JR ที่ 1,375 เมตร (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)
เมื่อไปถึงสถานี Nobeyama เราจะมีเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาทีก่อนถึงเวลาขึ้นรถไฟไป Sakudaira ดังนั้นเราจะเดินจากสถานี Nobeyama ไปยังรางรถไฟ JR ที่อยู่ ณ ระดับความสูงมากที่สุด (JR鉄道最高地点) ที่ความสูง 1,375 เมตร โดยใช้เวลาเดินจากสถานี Nobeyama ประมาณ 35 นาที และเดินกลับอีก 35 นาที
- 14:15–15:36: Nobeyama → Sakudaira | ทางรถไฟสาย Koumi
- 15:46–16:14: Sakudaira → Takasaki | Shinkansen Asama 622
- 16:54–17:39: Takasaki → Minakami | ทางรถไฟสาย Joetsu
- 17:50–17:58: Minakami → Doai | ทางรถไฟสาย Joetsu
จาก Nobeyama เราจะนั่งรถไฟสาย Koumi ไป Sakudaira เพื่อต่อรถไฟ Hokuriku Shinkansen ไปเมืองทาคาซากิ จากเมืองทาคาซากิเราจะเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย Joetsu ไปเมืองมินาคามิ แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟอีกขบวนของสาย Joetsu เพื่อไปยังสถานี Doai
ขึ้นบันได 462 ขั้นเพื่อออกจากชานชาลาใต้ดินของสถานี Doai (เครดิตภาพ: photoAC)
ในเส้นทางนี้ เราจะลงรถไฟที่ชานชาลาใต้ดินที่สถานี Doai เพราะงั้นเตรียมตัวให้พร้อม! เพราะที่ชานชาลานี้ไม่มีบันไดเลื่อนหรือลิฟต์ และต้องใช้เวลาในการขึ้นบันได 462 ขั้นประมาณ 10 นาที โดยเรามีเวลาเพียง 20 นาทีในการไปขึ้นรถไฟเพื่อมุ่งหน้ากลับโตเกียว ดังนั้นอย่าใช้เวลาเดินขึ้นบันไดนี้นานเกินไปล่ะ
- 18:18–18:33: Doai → Minakami | ทางรถไฟสาย Joetsu
- 18:44–19:48: Minakami → Takasaki | ทางรถไฟสาย Joetsu
- 20:07–20:56: Takasaki → Tokyo | Shinkansen Toki 344
เมื่อออกจากสถานี Doai เราจะมุ่งหน้าไปยังมินาคามิ ดังนั้นชานชาลาจะอยู่ที่ระดับพื้นดิน เราจะขึ้นรถไฟ สาย Joetsu ที่มินาคามิเพื่อไปทาคาซากิ ซึ่งเราจะเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟ Joetsu Shinkansen ที่มุ่งหน้าไปโตเกียว เป็นอันสิ้นสุดการเดินทางของเรา
กำหนดการเดินทางวันที่ 7
หมายเหตุ: กำหนดการเดินทางใน "วันหยุดสุดสัปดาห์" ไม่ได้หมายถึงวันเสาร์และวันอาทิตย์ แต่หมายถึงวันที่รถไฟ HIGH RAIL 1375 วิ่งให้บริการ ซึ่งคุณสามารถเช็คได้ที่นี่ นอกจากวันหยุดนักขัตฤกษ์ของญี่ปุ่นแล้ว ในเดือนสิงหาคมรถไฟ HIGH RAIL 1375 ยังให้บริการในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์อีกด้วย ดังนั้นคุณจึงมีโอกาสโดยสารรถไฟขบวนนี้มากขึ้นในช่วงนี้
ไปเมื่อไหร่ดี
คุณคิดยังไงกับแผนการเดินทางนี้บ้าง? คุณสามารถเดินทางตามกำหนดการนี้ได้อย่างแน่นอน และตารางเวลา (ส่วนใหญ่) ก็ไม่หนักเกินไป คุณจะมีเวลาเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ และมีเวลาอร่อยกับอาหารท้องถิ่นในตอนเย็น ซึ่งฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อญี่ปุ่นเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้งฉันจะได้ไปเที่ยวตามแผนการเดินทางนี้จริงๆ ! ฉันขอแนะนำให้เดินทางในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน เพราะวิวตามทางรถไฟนั้นจะสวยขึ้นมากถ้ามีบรรดาแมกไม้และดอกไม้ด้วย เนื่องจากฮอกไกโดอยู่ทางตอนเหนือ ใบไม้ที่นั่นจึงเริ่มร่วงในเดือนตุลาคม แม้ว่าทิวทัศน์สีขาวโพลนของหิมะในฤดูหนาวจะสวยงาม แต่ช่วงเวลากลางวันนั้นจะสั้นกว่าและสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยอาจทำให้เที่ยวรถไฟถูกยกเลิกหรือล่าช้าได้
Japan Rail Pass
บัตร JR Pass เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากเมื่อคุณเดินทางรอบภูมิภาคต่างๆ ในญี่ปุ่น บัตรราคาย่อมเยานี้ช่วยให้คุณสามารถเดินทางโดยรถไฟ JR (รวมถึงรถไฟชินกันเซ็น ยกเว้น Nozomi และ Mizuho) ในพื้นที่ที่ครอบคลุมตลอดระยะเวลา 7, 14 หรือ 21 วันติดต่อกันแบบไม่จำกัดเที่ยว ซึ่งครอบคลุมรถไฟเกือบทุกสายที่ฉันกล่าวถึงในแผนการเดินทางนี้
ราคาของ Japan Rail Pass (เครดิต: JR Group)
ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2020 เป็นต้นมา คุณสามารถซื้อตั๋ว JR Pass แบบออนไลน์ได้โดยตรงจากเว็บไซต์ใหม่: japanrailpass-reservation.net/ การซื้อตั๋วผ่านช่องทางออนไลน์ทำให้คุณสามารถใช้บริการระบบการจองออนไลน์ได้ โดยคุณสามารถจองที่นั่งบนรถไฟได้นานถึง 1 เดือนก่อนวันเดินทาง นอกจากนี้ คุณยังสามารถจองที่นั่งได้โดยใช้ตู้จำหน่ายตั๋วโดยสารแบบจองที่นั่ง และใช้ประตูอัตโนมัติได้
ประหยัดได้อีก
ดังที่คุณเห็นในแผนการเดินทางนี้ว่าเราเดินทางเป็นระยะทางไกลและโดยสารรถไฟหลายขบวนทั่วญี่ปุ่น หากอิงจากแผนการเดินทางนี้ ค่าโดยสารทั้งหมดในกรณีที่ไม่มีตั๋ว JR Pass จะอยู่ที่ 224,660 เยน (~58,000 บาท) แต่ตั๋ว JR Pass แบบ 7 วันมีราคาเพียง 33,610 เยน (~8,700 บาท) ถ้าซื้อทางออนไลน์ จึงช่วยให้คุณประหยัดเงินได้มากถึง 191,050 เยน (~50,000 บาท) เลยทีเดียว!
ผู้มีสิทธิ์ใช้งาน
แสตมป์ของผู้มาเยือนชั่วคราว (เครดิตภาพ: JR Group)
โปรดทราบว่าการจำหน่ายบัตร Japan Rail Pass ผ่านช่องทางออนไลน์นั้นมีไว้สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีหนังสือเดินทางที่ออกโดยประเทศอื่นที่ไม่ใช่ประเทศญี่ปุ่น และเป็นผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศมายังญี่ปุ่นเพื่อท่องเที่ยวด้วยสถานะการเข้าประเทศ "ผู้มาเยือนชั่วคราว" เท่านั้น ชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ต่างประเทศจะไม่สามารถซื้อตั๋วจากเว็บไซต์ได้ แต่สามารถซื้อตั๋ว Japan Rail Pass ได้จากสำนักงานขายที่ JR กำหนดหรือตัวแทนในต่างประเทศ
เวลาเดินรถไฟในบทความนี้เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ณ เดือนพฤษภาคม 2022 แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามดุลยพินิจของบริษัทผู้ให้บริการรถไฟ โปรดตรวจสอบตารางเวลารถไฟฉบับล่าสุดทุกครั้งก่อนออกเดินทาง
เครดิตภาพส่วนหัว: photoAC, JR East / Carissa Loh
Translated by ANNGLE