Rail Travel

หน้าร้อนมาแล้ว เตรียมต้อนรับเทศกาล ดอกไม้ไฟ และความสนุก!

หน้าร้อนมาแล้ว เตรียมต้อนรับเทศกาล ดอกไม้ไฟ และความสนุก!

ฤดูร้อนของญี่ปุ่นเป็นฤดูกาลที่ถูกมองข้าม นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติบางคนอาจจะเลี่ยงการเดินทางมาญี่ปุ่นในช่วงฤดูกาลนี้เนื่องจากอากาศที่ร้อนชื้น แล้วหันไปเที่ยวตามชายหาดแทน อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณสามารถทนกับความร้อนในตอนกลางวันได้ คุณจะได้สัมผัสกับความสนุกมากมาย เพราะฤดูร้อนในญี่ปุ่นเป็นฤดูกาลของเทศกาลที่น่าตื่นเต้นและโชว์ดอกไม้ไฟชวนตื่นตา!

 

ญี่ปุ่นมีหลายเทศกาลที่จัดขึ้นตลอดทั้งปี แต่บรรดาเทศกาลที่มีสีสันและคึกคักที่สุดส่วนหนึ่งจะถูกจัดในฤดูร้อน โดยเฉพาะในพื้นที่โทโฮคุ (東北地方 Tо̄hoku chihо̄) ทางตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องเทศกาลฤดูร้อนเป็นพิเศษ ส่วนพื้นที่ตะวันออกของญี่ปุ่นมีเทศกาลดอกไม้ไฟสุดวิเศษมากมายนับไม่ถ้วน ทำให้ฉันได้แต่คิดว่า “ทำไมไม่รู้จักงานเหล่านี้ให้เร็วกว่านี้กันนะ”

 

พัดอุจิวะเป็นไอเท็มที่ต้องพกสำหรับเทศกาลฤดูร้อน (เครดิตภาพ: photoAC)

 

เทศกาลฤดูร้อนมักถูกจัดในช่วงเย็นหรือกลางคืนที่อากาศจะเย็นกว่าในช่วงกลางวัน เทศกาลส่วนมากจะมีสตรีทฟู๊ดและบูธเกมมาสร้างบรรยากาศที่วิเศษสุดๆ ทำให้เป็นค่ำคืนที่สนุกสนานและเพลิดเพลิน  น้ำแข็งไส (かき氷 kakigо̄ri) และเบียร์เย็นเจี๊ยบจะมีวางขายให้เห็นอยู่แทบทุกที่ และคุณมักจะเห็นผู้คนแต่งชุดผ้าฝ้ายยูกาตะ (浴衣) สีสันสดใสออกมาเดินกันซึ่งจะเป็นชุดที่บางและโปร่งสบายเหมาะกับอากาศร้อน นอกจากนี้ยังมีพัดอุจิวะ (うちわ พัดมือถือ) ซึ่งเป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้สำหรับเทศกาลฤดูร้อน ดังนั้นคุณไม่ต้องกังวลเรื่องอากาศร้อนอีกเลย

 

แผนที่เทศกาลที่แนะนำในบทความนี้ (เครติดภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

อยากรู้ไหมว่าเทศกาลญี่ปุ่นมีอะไรให้เราบ้าง? มาอ่านต่อเพื่อทำความรู้จักเทศกาลฤดูร้อน (夏祭り natsu matsuri) และเทศกาลดอกไม้ไฟ (花火大会 hanabi taikai) ในพื้นที่ญี่ปุ่นตะวันออกกัน

 

จังหวัดอาโอโมริ

เทศกาลเนบูตะและเนปุตะ (Nebuta and neputa festivals)

โคมเนบูตะที่ได้รับรางวัล (เครดิตภาพ: 青森県観光連盟)

 

มาเริ่มกันที่จังหวัดอาโอโมริ จังหวัดที่ตั้งอยู่เหนือสุดของเกาะหลักญี่ปุ่นและมีเทศกาลเนบูตะชื่อดัง เทศกาลอาโอโมริเนบูตะ (青森ねぶた祭り, Aomori Nebuta Festival) ถูกจัดขึ้นในเมืองอาโอโมริ ณ วันที่ 2-7 สิงหาคมของทุกปี และถือเป็นหนึ่งในเทศกาลฤดูร้อนที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานจะทึ่งไปกับโคม (ねぶた nebuta)​ ขนาดยักษ์ที่ทำขึ้นอย่างประณีต ซึ่งมักจะเป็นรูปร่างบุคคลในในประวัติศาสตร์หรือในตำนาน รวมถึงสิ่งมีชีวิตในตำนาน

 

แม้ว่าต้นกำเนิดที่แท้จริงของเทศกาลจะยังคงเป็นปริศนา แต่เชื่อกันว่าประเพณี Qixi ของจีนได้เข้ามาหลอมรวมกับธรรมเนียมการทำโคมท้องถิ่นที่ใช้กระดาษและไม้ไผ่ โดยเมื่อเวลาผ่านไปรูปร่างและขนาดของโคมมีการพัฒนาขึ้นจนเป็นโคมเนบูตะขนาดใหญ่อย่างทุกวันนี้ โคมเหล่านี้เป็นโคมไฟขนาดยักษ์ที่จุดไฟให้สว่างจากข้างใน ทำให้ภาพวาดที่ละเอียดวิจิตรบนโคมดูเหมือนจะหลุดออกมามีชีวิตชีวาอย่างไรอย่างนั้น!

 

ขบวนแห่โคมมักจะประกอบด้วยบรรดานักเต้นรำฮาเนโตะ (ハネト) สุดครึกครื้นที่จะกระโดดโลดเต้นไปตามจังหวะกลองไทโกะพร้อมขาน “รัสเซระ รัสเซระ! รัสเซ รัสเซ รัสเซระ!” กันอย่างสนุกสนาน โดยนักเต้นรำฮาเนโตะที่สร้างความคึกคักและสีสันให้กับเทศกาลนี้จะมีพัดอุจิวะและกระดิ่งเป็นของคู่กาย

 

หนึ่งในบรรดาเทศกาลเนบูตะและเนปุตะที่เป็นที่รู้จักของจังหวัดอาโอโมริ (เครดิตภาพ: 青森県観光連盟)

 

เทศกาลอาโอโมริเนบูตะอาจจะเป็นเทศกาลเนบูตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุด แต่คุณรู้ไหม? ว่าทั้งจังหวัดอาโอโมริมีเทศกาลเนบูตะกว่า 40 งานทีเดียว ในขณะที่เทศกาลอาโอโมริเนบูตะมีดาวเด่นคือโคมสามมิติ เทศกาลฮิโรซากิเนปุตะ (Hirosaki Neputa Festival: 1-7 สิงหาคม) จะเด่นเรื่องโคมรูปพัด และเทศกาลโกโชกาวาระทาจิเนปุตะ (Goshogawara Tachineputa Festival: 4-8 สิงหาคม) จะเด่นเรื่องโคมสูงตระหง่านที่สูงได้มากถึง 7 ชั้นทีเดียว เมืองแต่ละเมืองต่างมีวิธีการฉลองเทศกาลเนบูตะเป็นของตัวเอง และคุณสามารถอ่านบทความนี้ เพื่อทำความรู้จักเทศกาลอาโอโมริเนบูตะและบางส่วนของเทศกาลเนบูตะอื่นๆ ในจังหวัดอาโอโมริได้

 

ดอกไม้ไฟอาโอโมริเนบูตะ (Aomori Nebuta Fireworks)

ดอกไม้ไฟจะถูกจุดระหว่างที่โคมที่ได้รับรางวัลถูกนำขึ้นเรือและแห่ไปรอบๆ อ่าว (เครดิตภาพ: 青森県観光連盟)

 

อีกหนึ่งไฮไลท์ของเทศกาลอาโอโมริเนบูตะคือการแสดงดอกไม้ไฟที่จะถูกจัดในคืนสุดท้าย บรรดาโคมที่ได้รับรางวัลในเทศกาลประจำปีนั้นๆ จะถูกนำขึ้นเรือและแห่ไปรอบอ่าวอาโอโมริ ระหว่างนั้นจะมีการแสดงดอกไม้ไฟสุดตระการตาบนท้องฟ้ายามคำ่คืน นับเป็นการปิดท้ายเทศกาลสุดอลังการนี้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยจำนวนดอกไม้ไฟ 11,000 ลูกที่จุดขึ้นเหนืออ่าวนี้ ทำให้การแสดงดอกไม้ไฟดังกล่าวเป็นหนึ่งในการแสดงดอกไม้ไฟที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดอาโอโมริ จึงไม่แปลกใจเลยที่ผู้ชมบางคนจะมาจองที่นั่งรอบอ่าวกันตั้งแต่ช่วงบ่ายต้นๆ

 

จังหวัดอาคิตะ

เทศกาลอาคิตะคันโต (Akita Kanto Festival)

เทศกาลอาคิตะคันโต (เครดิตภาพ: 秋田県観光連盟)

 

ในบรรดานัตสึมัตสึริทั้งหมดที่ฉันเคยไปมา เทศกาลอาคิตะคันโต (秋田竿燈祭り) เป็นหนึ่งในเทศกาลโปรดของฉันนับตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันได้ไปสัมผัสกับบรรยากาศงานมาเมื่อ 10 ปีก่อน เทศกาลอาคิตะคันโตจะถูกจัดในฤดูร้อนช่วงวันที่ 3-6 สิงหาคมในเมืองหลักอาคิตะ (秋田市 Akita-shi) ของจังหวัดอาคิตะ โดยเทศกาลนี้เป็นธรรมเนียมการขอพรให้มีผลเก็บเกี่ยวที่ดี โดยมีคันโต (竿燈 kantо̄, เสาไม้ไผ่ที่ประดับด้วยโคมไฟ) ซึ่งมีรูปร่างเหมือนรวงข้าวโบกพัดอยู่กลางอากาศเพื่อไล่วิญญาณชั่วร้ายออกไป

 

นักแสดงนำคันโตมาเลี้ยงบนจุดต่างๆ ของร่างกาย (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

นอกจากจะเป็นเทศกาลแล้ว เทศกาลอาคิตะคันโตยังเป็นการแสดงในตัวอีกด้วย และการแสดงเลี้ยงคันโตถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง การได้ชมนักแสดงเหล่านี้เป็นสิ่งที่ชวนให้ทึ่งมาก ยิ่งเมื่อนึกถึงระยะเวลาที่พวกเขาต้องใช้ไปกับการฝึกทักษะและความแข็งแกร่งให้ได้ขนาดนี้แล้วด้วย

 

จากภาพบนซ้ายตามเข็มนาฬิกา: สี่วิธีหลักในการเลี้ยงเสาคันโต: หน้าผาก ไหล่ สะโพก มือข้างเดียว (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ท่ามกลางเสียงเพลงบรรเลงจากขลุ่ยและกลอง และเสียงร้อง “ดกโคอิโช ดกโคอิโช!” ที่ดังกึกก้องอยู่รอบๆ คุณจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับนักแสดงมากทักษะที่เลี้ยงคันโตอย่างคล่องแคล่วด้วยส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยสี่ส่วนหลักๆ ของร่างกายได้แก่ ฝ่ามือ หน้าผาก ไหล่ และสะโพก ว่ากันว่าสะโพกเป็นส่วนที่ยากที่สุด แต่นักแสดงทำแล้วดูเหมือนง่ายมากๆ เลย!

 

คุณสามารถอ่านบทความนี้เพื่ออ่านประสบการณ์ส่วนตัวของฉันในงานเทศกาลอาคิตะคันโตเพิ่มเติม

 

นิชิโมไนบงโอโดริ (Nishimonai Bon Odori)

การเต้นรำนิชิโมไนบงโอโดริสุดลึกลับ (เครดิตภาพ: photoAC)

 

แม้ว่าเทศกาลอาคิตะคันโตอาจจะเป็นเทศกาลฤดูร้อนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของจังหวัดอาคิตะ แต่นิชิโมไนบงโอโดริ (西馬音内盆踊り, Nishimonai Bon Odori) ที่จัดขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อนิชิโมไนของเมืองอุโกะ (羽後町 Ugo-machi) ช่วงวันที่ 16-18 สิงหาคมนี้ก็เป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในสามเทศกาลบงโอโดริอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น

 

โอบง (お盆) เป็นธรรมเนียมญี่ปุ่นที่จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่วิญญาณบรรพบุรุษ และมักจัดขึ้นในช่วงวันที่ 13-16 สิงหาคม เช่นเดียวกันกับปีใหม่และช่วง Golden Week เทศกาลโอบงถือเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดที่คึกคักที่สุดในญี่ปุ่น เพราะคนส่วนมากจะเดินทางออกจากเมืองเพื่อกลับไปยังบ้านเกิดกันในช่วงนี้ แม้ว่าบงโอโดริส่วนมากจะจัดขึ้นในช่วงโอบง แต่บงโอโดริก็ไม่ได้จัดในช่วงวันโอบงเสมอไป และวันงานเทศกาลจะต่างกันไปในแต่ละท้องที่ โดยจะจัดในช่วงระหว่างกลางเดือนกรกฎาคมจนถึงต้นกันยายน

 

คนจำนวนมากเดินทางมาเพื่อชมนักเต้นรำของนิชิโมไนบงโอโดริ ซึ่งจะสวมหมวกทรงแคบและกิโมโนแบบฮานุอิ (เครดิตภาพ: photoAC)

 

บงโอโดริเป็นการระบำพื้นบ้านที่แต่เดิมจะจัดขึ้นในช่วงโอบงเพื่อแสดงความขอบคุณต่อภูติวิญญาณทั้งหลาย และแต่ละท้องที่ต่างมีสไตล์การเต้นรำเป็นของตัวเอง จุดเด่นหนึ่งของการระบำนิชิโมไนบงโอโดริคือหมวกทอฟาง (編笠 amigasa) ทรงแคบที่นักเต้นสวมไว้ปกปิดใบหน้า แนวท้ายทอยที่จะเห็นได้จากด้านหลังศีรษะถือเป็นสิ่งที่สง่างามชวนให้มองเป็นอย่างยิ่ง อีกอย่างหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของนิชิโมไนก็คือกิโมโนที่เย็บปะอย่างสวยงาม (端縫 hanui) ซึ่งนักเต้นรำหญิงจะสวมใส่กัน กิโมโนนี้เย็บขึ้นโดยใช้ชิ้นผ้าไหมเก่ามาเย็บปะติดกันเพื่อให้ได้ลวดลายแบบผ้าเย็บปะ

 

นักเต้นรำสวมชุดฮิโคสะสุคิน (เครดิตภาพ: photoAC)

 

นอกจากนักเต้นรำที่สวมหมวกฟางแล้ว คุณยังจะได้เห็นนักเต้นรำจำนวนหนึ่งสวมหมวกคลุมสีดำ (彦三頭巾 hikosa-zukin) ที่มีช่องให้ตามองผ่านได้ พร้อมกับสวมชุดยูกาตะย้อมคราม ว่ากันว่านักเต้นรำเหล่านี้เป็นตัวแทนของผู้วายชนม์ โดยนักเต้นกลุ่มนี้จะเป็นผู้ที่สร้างบรรยากาศลึกลับชวนวังเวง

 

แม้ว่าเทศกาลโอวาระคาเสะโนะบงของจังหวัดโทยามะซึ่งเป็นเทศกาลบงโอโดริที่มีนักเต้นรำสวมหมวกฟางปกปิดใบหน้าเหมือนกันนั้นจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่า แต่ที่น่าทึ่งคือนิชิโมไนซึ่งเป็นหมู่บ้านกลางเขาเล็กๆ ที่มีประชากรเพียง 15,000 คนนี้จะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวราว 100,000 คนได้ตลอดระยะเวลา 3 วันที่จัดนิชิโมไนบงโอโดริ ผู้คนที่สงสัยใคร่รู้จากทั่วทั้งญี่ปุ่นและทุกมุมโลกต่างพากันมาชมการเต้นรำที่ลึกลับแต่สง่างามนี้ ซึ่งมีอีกฉายาหนึ่งว่า "การเต้นรำกับวิญญาณผู้วายชนม์"

 

ถ้าคุณมีโอกาสมาเยี่ยมและสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง นิชิโมไนบงโอโดริจะเป็นเทศกาลที่คุณลืมไม่ลงแน่นอน!

 

ดอกไม้ไฟโอมาการิ (Omagari Fireworks)

ดอกไม้ไฟโอมาการิในจังหวัดอาคิตะ (เครดิตภาพ: 秋田県観光連盟)

 

คุณรู้ไหม? "สามเทศกาลดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น" ทั้ง 3 งานและ 2 ใน "สามการประกวดดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น" นั้นล้วนอยู่ในพื้นที่ตะวันออกของญี่ปุ่น และดอกไม้ไฟโอมาการิ (大曲の花火 О̄magari no hanabi) ที่น่าตื่นตาของเมืองไดเซ็น (大仙市 Daisen-shi) นั้นจัดอยู่ในทั้ง 2 หมวดนี้!

 

ดอกไม้ไฟโอมาการิที่มักจะจัดในวันเสาร์ที่สี่ของเดือนสิงหาคมนี้ถือเป็นมหกรรมดอกไม้ไฟที่ใหญ่ที่สุดของโทโฮคุ และเป็นหนึ่งในการแสดงดอกไม้ไฟที่ผู้คนตั้งหน้าตั้งตาคอยมากที่สุดในญี่ปุ่น สิ่งหนึ่งที่ทำให้งานนี้มีความพิเศษคือการจัดงานที่มีทั้งแบบกลางวันและกลางคืน ซึ่งจะต่างจากการแสดงดอกไม้ไฟอื่นที่จะจัดแค่ช่วงกลางคืนเท่านั้น

 

ดอกไม้ไฟโอมาการิยังถือเป็นการแข่งขันระดับประเทศอีกด้วย (เครดิตภาพ: 東北観光推進機構)

 

นอกจากจะเป็นการแสดงดอกไม้ไฟแล้ว งานนี้ยังถือเป็นการแข่งขันระดับประเทศอีกด้วย ซึ่งทีมที่มีฝีมืออันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นจะมาประชันทักษะการประดิษฐ์ดอกไม้ไฟกันเพื่อชิงรางวัลจากนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น การแสดงต่างๆ ในงานเทศกาลนี้ล้วนเป็นการแสดงที่ตระการตาทั้งนั้น

 

ถ้าคุณไม่สามารถมางานนี้ในช่วงฤดูร้อนได้ ข่าวดีคือดอกไม้ไฟโอมาการิยังมี “บท” ประจำฤดูในฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว และฤดูใบไม้ผลิอีกด้วย แม้ว่าจะไม่ได้บรรยากาศเต็มที่อย่างในฤดูร้อน แต่งานเหล่านี้ยังถือเป็นงานขนาดใหญ่ และคุณยังสามารถชมการแสดงดอกไม้ไฟชั้นเลิศสุดประทับใจได้อีกด้วย

 

จังหวัดอิวาเตะ

โมริโอกะซันสะโอโดริ (Morioka Sansa Odori)

โมริโอกะซันสะโอโดริเป็นหนึ่งในงานเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดอิวาเตะ (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ในจังหวัดอิวาเตะที่อยู่ถัดไป หนึ่งในเทศกาลที่สำคัญที่สุดคือโมริโอกะซันสะโอโดริ (盛岡さんさ踊り) ซึ่งจะจัดในช่วงวันที่ 1-4 สิงหาคมในเมืองโมริโอกะ (盛岡市 Morioka-shi) ที่เป็นเมืองหลักของจังหวัด ตลอดระยะ 4 วันนี้ เทศกาลจะมีนักแสดงกว่า 35,000 คนเข้าร่วมงาน และความสนุกหนึ่งของงานนี้คือการเข้าร่วมขบวนเต้นรำ ซึ่งไม่ว่าใครก็เข้ามาร่วมวงได้!

 

นักแสดงที่คึกคักช่วยสร้างความสนุกให้กับผู้คน (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

มีตำนานว่าเมื่อนานมาแล้ว มีปีศาจตนหนึ่งที่อาละวาดสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ในท้องถิ่น ต่อมาปีศาจตนนั้นถูกจับและได้สาบานว่าจะไม่ทำสิ่งชั่วร้ายอีก โดยปีศาจทิ้งรอยพิมพ์มือไว้บนหินก้อนหนึ่งในศาลเจ้ามิตสึอิชิ (Mitsuishi Shrine) เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของคำสาบานนี้ ว่ากันว่าตำนานนี้เองที่เป็นที่มาของชื่อจังหวัดอิวาเตะ (岩手県) ซึ่ง “อิวะ (岩)” แปลว่า “หิน” และ “เทะ (手)” แปลว่า “มือ” เพื่อฉลองให้กับการหลุดพ้นจากสิ่งชั่วร้ายของปีศาจ ชาวบ้านเต้นรำไปมารอบๆ ก้อนหินนั้นพร้อมร้อง “ซันสะ! ซันสะ!” และว่ากันว่านี่คือจุดเริ่มต้นของโมริโอกะซันสะโอโดริ

 

คุณสามารถอ่านบทความนี้เพื่ออ่านประสบการณ์ส่วนตัวของฉันในงานเทศกาลโมริโอกะซันสะโอโดริเพิ่มเติม

 

จังหวัดมิยางิ

เทศกาลเซนไดทะนะบะตะ (Sendai Tanabata Festival)

เทศกาลเซนไดทะนะบะตะเป็นเทศกาลทะนะบะตะที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในญี่ปุ่นก็ว่าได้ (เครดิตภาพ: JR East / Carissa)

 

ทะนะบะตะ เป็นที่รู้จักในฐานะเทศกาลแห่งดวงดาว (星祭り hoshi matsuri) และเป็นหนึ่งในเทศกาลฤดูร้านที่มีการเฉลิมฉลองกันอย่างแพร่หลายมากที่สุดในญี่ปุ่นก็ว่าได้ เทศกาลทะนะบะตะมีต้นกำเนิดมาจากเทศกาล Qīxì (七夕) ของประเทศจีนซึ่งฉลองการได้พบกันของคู่รักในตำนาน นั่นคือหนุ่มเลี้ยงวัวชื่อฮิโคโบชิ (彦星) และหญิงทอผ้าชื่อโอริฮิเมะ (織姫) ที่ถูกแทนด้วยดาวสองดวงที่สว่างที่สุดในท้องฟ้ายามค่ำคืน ได้แก่ดาวอัลแตร์ (Altair) และดาวเวก้า (Vega) ตามตำนานนั้น คู่รักคู่นี้ถูกแยกจากกันให้อยู่คนละฟากของแม่น้ำสวรรค์ (ทางช้างเผือก) และจะพบกันได้เพียงปีละครั้งในช่วงเทศกาลดวงดาวเท่านั้น

 

การเขียนคำอธิษฐานบนทันสะคุแบบนี้เป็นธรรมเนียมที่ดังมากของเทศกาลทะนะบะตะ (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

หนึ่งในธรรมเนียมที่ดังมากของเทศกาลทะนะบะตะคือการเขียนคำอธิษฐานและข้อความขอบคุณลงบนแถบกระดาษแคบๆ ที่เรียกว่าทันสะคุ (短冊) ซึ่งแถบกระดาษนี้จะถูกนำไปแขวนบนต้นไผ่ประดับต่อไป ระหว่างช่วงเทศกาลทะนะบะตะนี้ คุณสามารถเห็นการประดับต้นไผ่เหล่านี้รอบๆ สถานีรถไฟ ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน ฯลฯ โดยจะมีแถบกระดาษเตรียมไว้ให้คุณสามารถเขียนคำอธิษฐานของคุณได้

 

บรรยากาศตอนเดินผ่านบรรดาของตกแต่งเทศกาลเซนไดทะนะบะตะที่สวยงาม (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

เทศกาลดวงดาวถูกจัดขึ้นทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่ไม่มีเทศกาลไหนจะโดดเด่นเท่าเทศกาลเซนไดทะนะบะตะ (仙台七夕祭り, Sendai Tanabata Festival) ซึ่งจัดขึ้นทุกปีในช่วงวันที่ 6-8 สิงหาคม ณ เมืองเซนได (仙台市 Sendai-shi) ไฮไลท์ของเทศกาลนี้อยู่ที่ของประดับทำจากกระดาษสีสันสดใส โดยเฉพาะฟุคินากาชิ (吹き流し,  fukinagashi) ที่เป็นพู่รุ้งประดับ ซึ่งจะมีตกแต่งให้เห็นตลอดระยะทาง 1.7 กม. ในย่านการค้าหลักของเมือง การตกแต่งสวยงามเหล่านี้เป็นสิ่งที่รวมคำอธิษฐานจากใจของชุมชนท้องถิ่น และเป็นภาพที่สวยงามซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวนับล้านคนให้มาเยี่ยมในแต่ละปี

คุณสามารถอ่านบทความนี้เพื่ออ่านประสบการณ์ส่วนตัวของฉันในงานเทศกาลเซนไดทะนะบะตะเพิ่มเติม

 

เทศกาลดอกไม้ไฟเซนไดทะนะบะตะ (Sendai Tanabata Hanabi Matsuri)

เทศกาลดอกไม้ไฟเซนไดทะนะบะตะถูกจัดในวันที่ 5 สิงหาคม ซึ่งเป็นคืนก่อนเริ่มต้นเทศกาลเซนไดทะนะบะตะ (เครดิตภาพ: City of Sendai)

 

วันที่ 5 สิงหาคม ในคืนก่อนที่เทศกาลเซนไดทะนะบะตะจะเริ่มขึ้น จะมีการแสดงดอกไม้ไฟสุดอลังการตามริมฝั่งแม่น้ำฮิโรเสะ โดยจะมีการจุดดอกไม้ไฟ 16,000 ลูกเพื่อเป็นการเริ่มต้นงานเทศกาล การที่จะจัดงานเทศกาลดอกไม้ไฟในพื้นที่เมืองแบบนี้เป็นเรื่องหายาก และเทศกาลดอกไม้ไฟเซนไดทะนะบะตะ (仙台七夕花火祭, Sendai Tanabata Hanabi Matsuri) เป็นการแสดงดอกไม้ไฟที่มีผู้เข้าชมมากที่สุด อีกทั้งเป็นที่นิยมทั้งในกลุ่มคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว

 

จังหวัดยามากาตะ

เทศกาลยามากาตะฮานะกาสะ (Yamagata Hanagasa Festival)

เทศกาลยามากาตะฮานะกาสะมีจุดเด่นคือหมวกหน้าตาพิเศษเฉพาะงาน (เครดิตภาพ: 山形県花笠協議会)

 

ไปต่อกันที่จังหวัดยามากาตะเพื่อทำความรู้จักกับเทศกาลยามากาตะฮานะกาสะ (山形花笠祭り, Yamagata Hanagasa Festival) ที่มีชื่อเสียง ซึ่งจะจัดในช่วงวันที่ 5-7 สิงหาคม เทศกาลฤดูร้อนนี้มีจุดเด่นคือหมวกฮานะกาสะ (花笠, hanagasa) หมวกฟางสวยงามที่ตกแต่งด้วยดอกคำฝอย (紅花,  benibana) ประดิษฐ์ ซึ่งดอกคำฝอยนี้คือดอกไม้ประจำจังหวัดยามากาตะนั่นเอง

 

ระบำฮานะกาสะของเด็กๆ (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

เทศกาลยามากาตะฮานะกาสะเป็นเทศกาลที่ทำให้เมืองยามากาตะ (山形市 Yamagata-shi) มีชีวิตชีวาขึ้นมาด้วยนักเต้นรำรวม 10,000 คนที่เดินขบวนไปตามถนนโดยถือหมวกฮานะกาสะไปด้วยระหว่างที่เต้นไปตามทำนองฮานะกาสะอนโดะ (花笠音頭, Hanagasa Ondo) ซึ่งเป็นเพลงพื้นบ้านประจำจังหวัดยามากาตะ ตัวบทเพลงจะประกอบด้วยท่อนร้องขานสุดครึกครื้นว่า “ยัชโชะ มัคคะโชะ!” พร้อมจังหวะกลองไทโกะที่ทรงพลัง เช่นเดียวกันกับเทศกาลโมริโอกะซันสะโอโดริ งานนี้ก็จะมีช่วงที่ให้ผู้ชมสามารถเข้ามาร่วมวงเต้นสนุกๆ กันได้เหมือนกัน

 

คุณสามารถอ่านบทความนี้เพื่ออ่านประสบการณ์ส่วนตัวของฉันในงานเทศกาลยามากาตะฮานะกาสะเพิ่มเติม

 

จังหวัดฟุกุชิม่า

เทศกาลฟุกุชิม่าวาราจิ (Fukushima Waraji Festival)

เทศกาลฟุกุชิม่าวาราจิเป็นเทศกาลที่มีดาวเด่นคือรองเท้าแตะฟางขนาดยักษ์ (เครดิตภาพ: 東北観光推進機構)

 

ในจังหวัดฟุกุชิม่านี้มีเทศกาลฤดูร้อนที่ไม่เหมือนใครซึ่งมีดาวเด่นคือวาราจิ (わらじ) หรือรองเท้าแตะฟาง เทศกาลฟุกุชิม่าวาราจิ (福島わらじまつり, Fukushima Waraji Festival) ที่จัดขึ้นในวันศุกร์แรกจนถึงวันอาทิตย์แรกของเดือนสิงหาคมนี้เป็นเทศกาลที่เราจะได้เห็นคนท้องถิ่นแห่รองเท้าแตะฟางที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งมีความยาว 12 ม. และหนัก 2 ตัน โดยขบวนแห่นี้จะเดินทางไปตามถนนเส้นต่างๆ ของเมืองฟุกุชิม่า (福島市 Fukushima-shi)

 

กลุ่มผู้ชมพยายามเข้าไปสัมผัสรองเท้าแตะฟางเพื่อความเป็นมงคล (เครดิตภาพ: 東北観光推進機構)

 

เทสกาลฟุกุชิม่าวาราจิมีต้นกำเนิดจากขบวนแห่อากาสึกิ-ไมริ (Akatsuki-mairi) ที่ถูกจัดมาแล้วเป็นเวลากว่า 400 ปีเพื่ออธิษฐานขอให้มีขาที่แข็งแรง คุณรู้ไหม? รองเท้าแตะฟางขนาดยักษ์ที่แห่กันในอากาสึกิ-ไมริและเทศกาลฟุกุชิม่าวาราจินั้นเป็นรองเท้าสองข้างที่เป็นคู่กัน

 

ในช่วงเทศกาลฟุกุชิม่าวาราจิ ผู้ชมจะพยายามเข้ามาสัมผัสตัวรองเท้าแตะฟาง โดยมีความเชื่อว่าการทำเช่นนั้นจะช่วยให้มีขาที่แข็งแรง ในช่วงที่รองเท้าแตะฟางขนาดยักษ์นี้ถูกแห่ไปตามถนนเส้นต่างๆ จะมีขบวนนักดนตรีที่เล่นขลุ่ยและกลองเดินตามหลัง พร้อมบรรดานักเต้นรำและเสียงขานคึกคักว่า “วัชโช่ย! วัชโช่ย!

 

จังหวัดนีงาตะ

เทศกาลดอกไม้ไฟนากาโอกะ (Nagaoka Fireworks Festival)

ดอกไม้ไฟ Vesuvius Super Grand Starmine (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ถ้าคุณถามบรรดาคนญี่ปุ่นว่าสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของฤดูร้อนคืออะไร หนึ่งในคำตอบของพวกเขาคงไม่พ้นฮานาบิ (花火 ดอกไม้ไฟ) ฉันไม่อยากเชื่อว่าฉันใช้เวลานานมาก แต่ในที่สุดฉันก็ได้สัมผัสกับบรรยากาศเทศกาลดอกไม้ไฟครั้งแรกในปี 2019 ที่งานเทศกาลดอกไม้ไฟนากาโอกะ (長岡花火大会 Nagaoka Fireworks Festival) ช่วงสุดสัปดาห์ในฤดูร้อนญี่ปุ่นจะมีการจัดเทศกาลดอกไม้ไฟสุดตื่นตาขึ้นนับร้อยงานทั่วประเทศ แต่หลายคนจะถือว่าเทศกาลดอกไม้ไฟนากาโอกะเป็นงานที่สวยที่สุดและโดดเด่นที่สุด โดยตัวงานจะจัดขึ้นในช่วงวันที่ 2-3 สิงหาคม ณ เมืองนากาโอกะ (長岡市 Nagaoka-shi)

 

ช่วง Phoenix Fireworks (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

งานเทศกาลสุดตระการตาประจำปีนี้ไม่ใช่งานเทศกาลธรรมดาทั่วไป แต่เป็นงานที่เริ่มมาจากงานรำลึกเหตุการณ์ทิ้งระเบิดที่เมืองนากาโอกะเมื่อเดือนสิงหาคม 1945 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไป 1,500 คนและทำลายพื้นที่เมืองไป 65-80% โดยนอกจากจะเป็นการรำลึกถึงผู้เสียชีวิตแล้ว เทศกาลนี้ยังเป็นการแสดงความขอบคุณต่อการซ่อมแซมเมืองขึ้นมาใหม่ พร้อมกับเป็นการภาวนาถึงสันติภาพที่จะคงอยู่ตลอดไปด้วย สำหรับใครหลายคนแล้ว เทศกาลดอกไม้ไฟนากาโอกะเป็นเทศกาลที่รวมทั้งความขอบคุณและความหวังต่ออนาคตไว้ด้วยกัน

 

การแสดงปิดงาน Kome Hyappyo (เครดิตภาพ:  JR East / Carissa Loh)

 

ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งใน “สามเทศกาลดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น” แล้ว เทศกาลดอกไม้ไฟนากาโอกะจะทำให้คุณหลงใหลไปกับการแสดงดอกไม้ไฟขนาดใหญ่สุดตระการตาที่ส่องสว่างบนท้องฟ้ายามค่ำคืนเหนือแม่น้ำชินาโนะที่ห้ามพลาดเลยคือการแสดงช่วง “Phoenix Fireworks” และ “Kome Hyappyo” ที่เป็นการแสดงปิดงานสุดประทับใจ!

 

คุณสามารถอ่านบทความนี้ เพื่ออ่านประสบการณ์ส่วนตัวของฉันในงานเทศกาลดอกไม้ไฟนากาโอกะเพิ่มเติม

 

จังหวัดนากาโนะ

เทศกาลดอกไม้ไฟทะเลสาบสุวะ (Lake Suwa Fireworks Festival)

ดอกไม้ไฟมากถึง 40,000 ลูกถูกจุดขึ้นเหนือทะเลสาบสุวะ (เครดิตภาพ: 諏訪市)

 

สำหรับงานสุดท้ายที่จะแนะนำนี้ ก็คืองานเทศกาลดอกไม้ไฟทะเลสาบสุวะ (諏訪湖祭湖上花火大会, Lake Suwa Fireworks Festival) สุดละลานตาที่จะจุดขึ้นเหนือทะเลสาบสุวะ (諏訪湖 Suwa-ko) ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดนากาโนะ และจัด ณ วันที่ 15 สิงหาคมของทุกปี การแสดงดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่นี้เป็นงานที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น โดยมีดอกไม้ไฟมากถึง 40,000 ลูกถูกจุดขึ้นเหนือทะเลสาบ ถ้ามาแล้วต้องอยู่จนถึงการแสดงปิดงานสุดยิ่งใหญ่ให้ได้นะ เพราะจะมีดอกไม้ไฟแบบไนแอการ่า (Niagara-style Firework) ขนาดยักษ์ที่กว้างถึง 2 กม. และมีประกายไฟโปรยปรายลงมา

 

สัมผัสประสบการณ์ 4 มิติด้วยเสียงสะท้อนกึกก้อง (เครดิตภาพ: Nagano Prefecture / JNTO)

 

ด้วยทำเลการจัดงานที่พิเศษนี้ คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับเงาสะท้อนที่สวยงามของดอกไม้ไฟสีสันสดสวยของงานเทศกาลบนผิวทะเลสาบสุวะได้ ยิ่งไปกว่านั้นจังหวัดนากาโนะเป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยภูเขาและด้วยความที่ทะเลสาบถูกรายล้อมไปด้วยภูเขานี้เอง ทำให้คุณรู้สึกได้ถึงเสียงสะท้อนสุดทรงพลังของบรรดาดอกไม้ไฟที่ถูกจุดได้ กลายเป็นประสบการณ์ “4 มิติ” ที่เยี่ยมสุดๆ ไปเลย!

 

ถ้าคุณไม่สามารถมาที่นี่ในวันที่ 15 สิงหาคมได้ จะมีการแสดงดอกไม้ไฟ 15 นาทีที่สั้นกว่าและถูกจัดขึ้นทุกคืนเป็นเวลาประมาณหนึ่งเดือนในฤดูร้อน ซึ่งคุณสามารถไปงานเหล่านี้แทนเพื่อลองสัมผัสส่วนหนึ่งของแสงเสียงแห่งงานดอกไม้ไฟที่นี่ได้ เทศกาลดอกไม้ไฟทะเลสาบสุวะเป็นเทศกาลที่ฉันเฝ้ารอวันที่จะได้ไปสัมผัสมาเป็นเวลานานแต่ยังไม่มีโอกาสสักที ฉันได้ลองไปสัมผัสบรรยากาศงานส่วนหนึ่งมาเมื่อฤดูร้อนปี 2019  และถ้างานดอกไม้ไฟเพียง 15 นาทีนั้นเป็นเพียงน้ำจิ้มเท่านั้นล่ะก็ ตัวงานเทศกาลของจริงนั้นคงเป็นสิ่งที่วิเศษมาก ฉันบอกเลยว่าประสบการณ์ “4 มิติ” นี้จะทำให้คุณทึ่งแบบสุดๆ แน่นอน!

 

การเดินทาง

ถ้าคุณกำลังวางแผนมาเที่ยวเทศกาลสุดวิเศษเหล่านี้ในฤดูร้อน ขอแนะนำ JR EAST PASS (Tohoku area) และ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) ที่จะช่วยคุณประหยัดค่าโดยสารรถไฟได้มากทีเดียว ถ้าคุณตั้งใจจริงล่ะก็ คุณสามารถไปเที่ยวงานเทศกาลหลายงานได้ในทริปเดียว ฉันไปเที่ยวงานเทศกาลเหล่านี้รวม 6 งานในเวลา 5 วันเมื่อปี 2019 ดังนั้นฉันจึงสามารถรับรองได้เลยว่าการจัดทริปแบบนี้นั้นเป็นไปได้ แต่ถ้า 6 งานฟังดูเยอะไป คุณสามารถเที่ยว 2-3 งานในเวลา 3 วันแบบที่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นนิยมทำกันได้เช่นกัน

 

JR EAST PASS (Tohoku area)

ตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) และพื้นที่ที่ครอบคลุม (เครดิตภาพ: JR East)

 

ถ้าคุณกำลังจะมาเที่ยวภูมิภาคโทโฮคุ ขอแนะนำ JR EAST PASS (Tohoku area) ตั๋ว Pass ราคาย่อมเยาที่ให้คุณนั่งรถไฟบนทางรถไฟของ JR East ได้อย่างไม่จำกัดเที่ยว (รวมถึงชินกันเซ็น) ในพื้นที่ที่ตั๋วครอบคลุมตลอดระยะเวลา 5 วันติดกัน ด้วยราคาเพียง 20,000 เยนเท่านั้น ตั๋วนี้จึงมีราคาถูกกว่าค่าเดินทางไป-กลับระหว่างโตเกียวและเซนได (~23,000 เยน) คุณยังสามารถจองที่นั่งบนรถไฟชินกันเซ็น รถด่วนพิเศษบางขบวน และรถไฟ Joyful Train บนช่องทางออนไลน์ล่วงหน้านานถึง 1 เดือนได้ฟรีที่นี่

คุณสามารถใช้ตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) กับประตูอัตโนมัติได้ และผู้ถือพาสปอร์ตต่างชาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นก็สามารถใช้ตั๋วนี้ได้ด้วย

 

JR EAST PASS (Nagano, Niigata area)

ตั๋ว JR EAST PASS (Nagano, Niigata Area) และพื้นที่ที่ครอบคลุม (เครดิตภาพ: JR East)

 

ถ้าคุณกำลังวางแผนไปเที่ยวงานเทศกาลดอกไม้ไฟนากาโอกะหรือเทศกาลดอกไม้ไฟทะเลสาบสุวะล่ะก็ ขอแนะนำ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) ตั๋ว Pass ราคาย่อมเยาที่ให้คุณนั่งรถไฟบนทางรถไฟของ JR East ได้อย่างไม่จำกัดเที่ยว (รวมถึงชินกันเซ็น) ในพื้นที่ที่ตั๋วครอบคลุมตลอดระยะเวลา 5 วันติดกัน ด้วยราคาเพียง 18,000 เยนเท่านั้น ตั๋วนี้จึงมีราคาถูกกว่าค่าเดินทางไป-กลับระหว่างโตเกียวและนากาโอกะ (~18,220 เยน) คุณยังสามารถจองที่นั่งบนรถไฟชินกันเซ็น รถด่วนพิเศษบางขบวน และรถไฟ Joyful Train บนช่องทางออนไลน์ล่วงหน้านานถึง 1 เดือนได้ฟรีที่นี่

 

คุณสามารถใช้ตั๋ว JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) กับประตูอัตโนมัติได้ และผู้ถือพาสปอร์ต่างชาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นก็สามารถใช้ตั๋วนี้ได้ด้วย

 

เครดิตภาพส่วนหัว: photoAC
Translated by ANNGLE

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

Share this article:
TSC-Banner