รถไฟ Joyful Train รุ่นบุกเบิก: Resort Shirakami
อัปเดตเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2024
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2020
มีใครชอบนั่งรถไฟบ้างคะ ถ้าเป็นที่ญี่ปุ่นแล้วละก็ วิธีการเดินทางที่ฉันชอบที่สุดจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากรถไฟค่ะ ไม่ใช่รถไฟล้ำสมัยความเร็วสูงอย่างชินกันเซ็นที่หลายคนคุ้นเคยกันหรอกนะคะ แต่เป็นรถไฟท้องถิ่นที่อยู่ลึกเข้าไปในชนบท เหมือนอย่างรถไฟ Resort Shirakami (รีสอร์ท ชิราคามิ) ในโทโฮคุ (東北) ตอนเหนือ การเดินทางโดยรถไฟนี้เป็นเหมือนการท่องเที่ยวไปในตัว เพราะคุณสามารถทานเอกิเบ็น (駅弁 ข้าวกล่อง) บนรถไฟในขณะที่ชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามไปด้วยได้!
รถไฟ Resort Shirakami ในฤดูต่างๆ (เครดิตรูปภาพ: JR East)
รถไฟ Resort Shirakami ไม่ใช่แค่ยานพาหนะสำหรับเดินทางเท่านั้น แต่เป็นถึงไฮไลท์ในทริปของฉันบางทริป คือเป็นส่วนหนึ่งในแพลนเที่ยวเช่นเดียวกับสวนสนุกหรือปราสาทเลยทีเดียว และด้วยทิวทัศน์ของฤดูกาลที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลาตลอดปี ทำให้ฉันอยากจะกลับไปขึ้นรถไฟขบวนนี้อีกครั้งอยู่เสมอๆ ฤดูต่างๆ ในโทโฮคุ ทั้งฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาวให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันมาก และการไปเยือนสถานที่เดิมในฤดูกาลที่แตกต่างก็สามารถมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนเดิมให้คุณได้
รับประทานเอกิเบ็นบนรถไฟ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
จนถึงวันนี้ ฉันนั่งรถไฟแบบธีมที่เรียกว่า “Joyful Train” ทั่วญี่ปุ่นมาแล้วกว่า 25 ขบวน บางขบวนโดดเด่นด้วยการตกแต่งภายในสุดวิจิตรตระการตา (ฉันชอบไม้เป็นพิเศษค่ะ!) ในขณะที่บางขบวนก็เสิร์ฟอาหารอร่อยที่ทำจากวัตถุดิบท้องถิ่น หรือจำหน่ายเป็นแพ็กเกจหรือในรูปแบบข้าวกล่องเอกิเบ็น รถไฟขบวนอื่นๆ มีจุดชมวิวอันน่าตื่นตะลึงให้ชมระหว่างทาง โดยรถไฟอาจจะลดความเร็วลงเพื่อให้คุณได้ถ่ายรูปจากริมหน้าต่าง หรือไม่คุณก็สามารถลงจากรถไฟเพื่อเข้าไปชมวิวใกล้ๆ หรือว่ามีรถบัสพาคุณไปยังจุดมุ่งหมาย รถไฟบางขบวนก็มีกิจกรรมสนุกๆ บนขบวนหรือตามสถานีด้วย น่าชื่นชมเหล่าอาสาสมัครและพนักงานที่จัดเตรียมกิจกรรมมาให้จริงๆ ค่ะ!
เพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์จากบนรถไฟ Resort Shirakami (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ใครจะไปรู้ว่าเราสามารถเพลิดเพลินไปกับทั้งหมดนี้ได้บนรถไฟ?! Resort Shirakami ให้คุณได้ทั้งหมดนี้เลยค่ะ ทำให้รถไฟขบวนนี้กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของทั้งนักเดินทางมือใหม่และมือโปร ด้วยความที่เป็น Joyful Train ขบวนแรกเริ่ม ทำให้ Resort Shirakami ยังคงเป็นหนึ่งในรถไฟที่มีคนนั่งมากที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุดตลอดกาล รถไฟผู้บุกเบิกขบวนนี้มีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นรถไฟรีสอร์ทในพื้นที่ชิราคามิ รวมไปถึงดีไซน์การออกแบบ อาหาร ธรรมชาติที่สวยงาม และกิจกรรมที่มากมายเหลือเฟือ รถไฟสายนี้มีพร้อมสำหรับทุกคนจริงๆ
ลงจากรถไฟไปชมวิว
รถไฟ Resort Shirakami วิ่งไปตามเส้นทางริมชายหาดระหว่างสถานี JR Akita (秋田駅) และสถานี JR Aomori (青森駅) โดยทั่วไปแล้วจะมีรถไฟ Resort Shirakami วิ่งในแต่ละเส้นทาง โปรดดูปฏิทินโดยละเอียดเพื่อตรวจสอบว่าบริการที่คุณต้องการโดยสารนั้นเปิดให้บริการอยู่หรือไม่ แทบทุกวัน บางคนเลือกขึ้นรถไฟหนึ่งขบวนตลอดการเดินทางจากอาคิตะ → อาโอโมริ (หรือกลับกัน) แต่แทนที่จะเดินทางจากต้นทางไปถึงสุดปลายทาง คุณยังสามารถแวะลงระหว่างทางเพื่อชมวิวสักครู่หนึ่ง แล้วเดินทางต่อโดยขึ้นรถไฟขบวนถัดไปได้เช่นกัน ต่อไปนี้คือจุดแวะระหว่างทางที่ฉันชอบค่ะ
อาโออิเคะ (青池)
บ่ออาโออิเคะสีฟ้าใส (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
อาโออิเคะเป็นบ่อน้ำสีฟ้าสวยที่ล้อมรอบไปด้วยป่าบีช อยู่ไม่ไกลจากสถานี JR Jūniko (十二湖駅) ซึ่งนี่เองคือที่มาของชื่อขบวนรถไฟหนึ่งของ Resort Shirakami และเป็นสถานที่ที่ต้องไปเยือนให้ได้อย่างน้อยสักครั้ง แร่ธาตุในน้ำทำให้บ่อน้ำดูเป็นสีน้ำเงินสดใสดูน่าตื่นตะลึง โดยมีพื้นยกระดับให้ขึ้นไปยืนดูบ่อน้ำจากมุมสูงด้วย แต่ขอให้ระวังลื่นในช่วงหน้าฝนด้วยนะคะ เพราะฉันเคยล้มข้อเท้าแพลงที่นี่มาแล้ว
จากสถานีจูนิโกะ (Juniko) ให้นั่งรถบัส 15 นาที ไปลงที่ Okujuniko Parking Lot (奥十二湖駐車場) จากนั้นเดินอีก 600 เมตรไปยังอาโออิเคะ เส้นทางค่อนข้างจะกว้างและราบเรียบ แม้แต่รถเข็นวีลแชร์ก็ใช้เส้นทางนี้ได้ค่ะ แต่ว่าต้องระวังจุดที่เป็นพื้นยกระดับจะมีบันไดนะ ตารางเวลารถบัสจะสอดคล้องกับเวลาวิ่งของรถไฟ Resort Shirakami คุณจึงไม่ต้องกังวลว่าจะต้องรอนาน โปรดตรวจสอบตารางรถบัสและระยะเวลาทำการสำหรับเวลาขากลับไปยังสถานี JR Jūniko
*อัปเดตเดือนมีนาคม 2024: กำหนดการและตารางเวลาสำหรับรถบัสที่ให้บริการจากสถานี JR Jūnikoไปยังลานจอดรถ Okujuniko ยังไม่พร้อม ณ เวลาที่อัปเดตบทความ
โคงาเนซากิ ฟุโรฟุชิ ออนเซ็น (黄金崎不老ふ死温泉)
ฟุโรฟุชิ ออนเซ็น (เครดิตรูปภาพ: 青森県観光連盟)
คุณสามารถเลือกลงที่ไหนสักแห่งเพื่อพักค้างคืนและเดินทางต่อในวันถัดไปได้ด้วยนะคะ ยกตัวอย่างเช่นลงที่สถานี JR WeSpa Tsubakiyama (ウェスパ椿山駅) ถ้าคุณลงที่นี่ ฉันขอแนะนำให้แช่น้ำร้อนที่ Koganezaki Furōfushi Onsen (黄金崎不老ふ死温泉) ซึ่งเป็นออนเซ็นกลางแจ้งริมชายหาดที่สามารถมองเห็นวิวทะเลได้แบบพาโนรามา! “ฟุโรฟุชิ” แปลว่า ไม่แก่และไม่ตาย ดังนั้นการที่คุณได้มาแช่น้ำร้อนที่นี่อาจจะยกระดับสุขภาพและเพิ่มอายุขัยของคุณก็ได้ใครจะไปรู้! แถมวิวทะเลอันกว้างใหญ่ยังน่าอัศจรรย์ใจอีกต่างหาก
โคงาเนะซากิ ฟุโรฟุชิ ออนเซ็น (黄金崎不老ふ死温泉)
ที่ตั้ง: 15 Shimokiyotaki, Henashi, Fukaura-machi, Aomori 038-2327
การเดินทาง: รถบัสรับส่งฟรีจากสถานี JR WeSpa Tsubakiyama (ต้องจองล่วงหน้าหากคุณเดินทางมาด้วยรถไฟท้องถิ่น ผู้โดยสารของรีสอร์ทชิราคามิไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น)
เมืองฮิโรซากิ (弘前市)
สวนแอปเปิ้ลฮิโรซากิและพายแอปเปิ้ลแสนอร่อย (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
อีกหนึ่งจุดที่ฉันอยากแนะนำเป็นพิเศษก็คือสถานีฮิโรซากิ (弘前駅) จังหวัดอาโอโมริเป็นจังหวัดที่ผลิตแอปเปิ้ลมากที่สุดในญี่ปุ่น และเมืองฮิโรซากิก็เป็นเมืองที่ผลิตแอปเปิ้ลมากที่สุดในจังหวัดนี้ ถ้าคุณไปเที่ยวช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน ต้องลองไปเก็บแอปเปิ้ลสดๆ จากต้นกันดูนะคะ ที่สวนแอปเปิ้ลฮิโรซากิ (Hirosaki Apple Park) (弘前りんご公園 Hirosaki ringo kōen) มีแอปเปิ้ลมากกว่า 80 สายพันธุ์ และมีวิวอันน่าตื่นตาของภูเขาอิวากิเป็นฉากหลักอยู่ไกลๆ ให้เห็นด้วย
ในช่วงเวลาอื่นๆ ของปี คุณยังสามารถเพลิดเพลินไปกับผลไม้อร่อยเหล่านี้ได้ในรูปแบบที่แตกต่างออกไป อย่างเช่นพายแอปเปิ้ล! มีร้านค้ามากมายที่จำหน่ายพายแอปเปิ้ลอบใหม่ๆ ในฮิโรซากิ มากเสียจนทางสำนักงานการท่องเที่ยวท้องถิ่นถึงขั้นทำไกด์แมพพายแอปเปิ้ลขึ้นมาเลยทีเดียว หากคุณอยากทราบเรื่องราวเกี่ยวกับฮิโรซากิและแอปเปิ้ลเพิ่มเติม แนะนำให้ดูภาพยนตร์เรื่อง Kiseki no Ringo (奇跡のリンゴ แอปเปิ้ลปาฏิหาริย์) ที่อิงมาจากเรื่องราวภารกิจของเกษตรกรคนหนึ่งในการปลูกแอปเปิ้ลปลอดสารเคมีในฮิโรซากิค่ะ
สวนแอปเปิ้ลฮิโรซากิ (Hirosaki Apple Park) (弘前市りんご公園)
ที่ตั้ง: 125 Terasawa, Shimizutomita, Hirosaki-shi, Aomori 036-8262
การเดินทาง: ขึ้นรถบัสจากสถานี JR Hirosaki โปรดดูตารางรถบัสจากเว็บไซต์นี้
บน: คูเมืองทิศตะวันตกของสวนปราสาทฮิโรซากิในเวลากลางวันและกลางคืน ล่าง: วิวปราสาทฮิโรซากิกับซากุระและภูเขาอิวากิ และพรมกลีบดอกซากุระ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh (บน), Hirosaki City / JNTO (ล่าง).
จังหวัดฮิโรซากินั้นมีชื่อเสียงเรื่องดอกซากุระ (桜) และสวนสาธารณะฮิโรซากิ (弘前公園 Hirosaki kōen) ก็จัดเป็นหนึ่งในสามจุดชมซากุระระดับท็อปของญี่ปุ่นเลย มีการนำเทคนิคที่ใช้ในการการเพาะปลูกแอปเปิ้ลมาปรับใช้ในการปลูกต้นซากุระเพื่อให้หนาแน่นและสวยงาม
สวนแห่งนี้มีวิวที่สวยมากมายทั้งในเวลากลางวันและเวลากลางคืน ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้มาทั้งสองเวลาเลยค่ะ สำหรับวิวที่ดังๆ เลยคือพรมซากุระ (花筏 ฮานะ อิคาดะ) ที่จะเกิดขึ้นเมื่อกลีบดอกซากุระร่วงลงมาทับถมกันบนผิวน้ำในคูเมืองจนกลายเป็นพรมสีชมพู ดอกซากุระที่นี่จะบานประมาณปลายเดือนเมษายน-พฤษภาคม และจะมีงานเทศกาลที่จัดขึ้นในช่วงเวลานี้ด้วย
เทศกาลซากุระฮิโรซากิ (弘前さくらまつり)
ที่ตั้ง: 1 Shimoshiroganecho, Hirosaki-shi, Aomori 036-8356
การเดินทาง: นั่ง Dotemachi Loop bus จากสถานี JR Hirosaki ไปลงที่ป้าย Shiyakushomae แล้วเดิน 5 นาทีไปยังสวนสาธารณะฮิโรซากิ
ไลท์อัพซากุระฤดูหนาวที่สวนสาธารณะฮิโรซากิ (เครดิตรูปภาพ: Hirosaki City)
ถ้าคุณมาไม่สะดวกเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิ ก็สามารถมาในช่วงฤดูหนาวได้นะคะ คุณจะได้ชมไลท์อัพซากุระฤดูหนาว (冬に咲くさくらライトアップ ฟุยุ นิ ซากุ ซากุระ ไรโตะ อัปปุ) เนื่องจากอาโอโมริเป็นจังหวัดที่หิมะตกมากที่สุดจังหวัดหนึ่งของญี่ปุ่น ในฤดูหนาวหิมะจะตกลงมาทับถมบนกิ่งต้นซากุระที่เปลือยเปล่าและในคูเมืองเบื้องล่าง ทุกคืนในเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ เหล่าต้นไม้จะสว่างไสวด้วยแสงไฟสีชมพู ทำให้ดูราวกับดอกซากุระกำลังผลิบาน
สนุกเพลิดเพลินไปกับการโดยสารรถไฟ
รถไฟ Resort Shirakami จะหยุดแวะที่สถานีต่างๆ ระหว่างทาง ซึ่งในบางสถานีคุณสามารถลงจากรถไฟไปทำกิจกรรมหรือร่วมอิเวนต์ที่เจ้าหน้าที่จัดงานเตรียมไว้ให้ผู้โดยสาร Resort Shirakami โดยเฉพาะได้ค่ะ
สถานีโนชิโระ (能代駅)
แท่นชู้ตบาสเก็ตบอลและจุดจำหน่ายงานหัตถกรรมจากไม้ซิดาร์ที่สถานีโนชิโระ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
สำหรับรถไฟช่วงเช้าบางขบวน Resort Shirakami จะจอดที่สถานี JR โนชิโระ ประมาณ 10 นาที ซึ่งคุณสามารถเล่นบาสเก็ตบอลได้ที่ชานชาลาเลยค่ะ! โนชิโระมีชื่อเสียงเรื่องความสามารถด้านบาสเก็ตบอล โดยวิทยาลัยเทคนิคโนชิโระนั้นชนะการแข่งขันระดับชาติของญี่ปุ่นมาแล้วมากกว่า 50 ครั้ง และเป็นแรงบันดาลใจให้กับโรงเรียนมัธยมในมังงะชื่อดังเรื่องสแลมดังก์อีกด้วย หากชู้ตบาสลงห่วง คุณจะได้รับของของรางวัลพิเศษอย่างเช่นที่รองแก้ว Resort Shirakami หรือโปสการ์ดที่ทำจากไม้ซีดาร์ด้วยนะ อาคิตะมีชื่อเสียงเรื่องไม้ซีดาร์ ดังนั้นคุณอาจจะได้เห็นพ่อค้าท้องถิ่นขายสินค้าหัตถกรรมที่ทำจากไม้ซีดาร์บนชานชาลาด้วยค่ะ
สถานีเซนโจจิกิ (千畳敷駅)
ทะเลที่สถานีเซนโจจิกิ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Akio Kobori)
ในเวลากลางวัน รถไฟส่วนใหญ่จะหยุดแวะที่สถานี JR เซนโจจิกิ เป็นเวลา 15 นาที ซึ่งคุณสามารถเดินข้ามถนนเพื่อเข้าไปใกล้ๆ ทะเลได้
การแสดงบนรถไฟ
การแสดงชามิเซ็นบนรถไฟ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Akio Kobori)
มีการแสดงบนรถไฟหลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับรถไฟแต่ละขบวน อย่างเช่น ชามิเซ็น (三味線 เครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายของญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม) การเล่าเรื่องด้วยสำเนียงสึการุ และละครหุ่น ฉันประทับใจการแสดงชามิเซ็นมากที่สุด เพราะมีช่วงที่ให้คนดูได้มีส่วนร่วมด้วย
ดีไซน์ของรถไฟ
รถไฟ Resort Shirakami วิ่งบนเส้นทาง JR สายโกโน (五能線) วนไปรอบๆ ชิราคามิ ซันจิ (白神山地) แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติของยูเนสโกในจังหวัดอาคิตะและจังหวัดอาโอโมริ ที่ซึ่งคุณจะได้เห็นต้นบีชโบราณ (BUNA・橅), สัตว์หายากอย่างเช่นนกหัวขวานดำ (KUMAGERA・くまげら) ไปจนถึงทะเลสาบและบ่อน้ำอย่าง AOIKE・青池 ที่สวยงามน่าตื่นตะลึง ใช่แล้วค่ะ รถไฟ Resort Shirakami ทั้ง 3 ขบวนได้ชื่อมาจากชิราคามิ ซันจินั่นเอง!
บุนะ BUNA・橅
รถไฟ Resort Shirakami Buna (Image credit: JR East / Carissa Loh)
บุนะ (Buna) แปลว่า “ต้นบีช” และเป็นรถไฟขบวนใหม่ล่าสุดที่ผ่านการตกแต่งใหม่ในปี 2016 สีเขียวด้านนอกขบวนเป็นสัญลักษณ์ของธรรมชาติและต้นไม้ และใช้เครื่องยนต์ดีเซลไฮบริดด้วย ส่วนดีไซน์ภายในใช้ไม้มากมายจากท้องถิ่นที่รถไฟแล่นผ่าน (อาคิตะมีชื่อเสียงเรื่องไม้ซีดาร์) และใช้สีสันที่สดใสและอบอุ่น เช่น สีเหลือง ส้ม และชมพู
รถไฟบุนะและอีก 2 ประเภทด้านล่างมีร้านค้าไร้พนักงานแบบบริการตนเองซึ่งคุณสามารถซื้อของว่าง เครื่องดื่ม และสินค้าได้ ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์มีที่นั่งบาร์หันหน้าไปทางหน้าต่างซึ่งหันหน้าไปทางทะเล หากคุณสามารถนั่งรถไฟ Resort Shirakami ได้เพียงขบวนเดียว ฉันแนะนำอันนี้! นอกจากนี้ยังมีบริการ Wi-Fi ฟรีบนเรืออีกด้วย
อาโออิเคะ AOIKE・青池
รถไฟ Resort Shirakami Aoike (Image credit: JR East / Carissa Loh)
อาโออิเคะ (Aoike) แปลว่า “บ่อน้ำสีน้ำเงิน” และยังเป็นชื่อของแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามในพื้นที่ชิราคามิ ซันจิ ซึ่งฉันได้แนะนำไปแล้วก่อนหน้านี้ รถไฟขบวนนี้ได้รับการยกเครื่องในปี 2010 และใช้เครื่องยนต์ดีเซลไฮบริด โทนสีที่ใช้ตกแต่งภายในเป็นสีเทานวลแต่งแต้มด้วยสีแดงสดเพิ่มความโดดเด่น
คุมาเกระ KUMAGERA・くまげら
รถไฟ Resort Shirakami Kumagera (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
คุมาเกระ (Kumagera) แปลว่า “นกหัวขวานดำ” ซึ่งเป็นสายพันธ์ุเฉพาะถิ่นในพื้นที่ชิราคามิ ซันจิ รถไฟขบวนนี้เป็นรถไฟที่เก่าแก่ที่สุด โดยได้อัปเกรดยกเครื่องครั้งสุดท้ายในปี 2006 ภายนอกขบวนเคลือบด้วยสีเหลืองและส้มเพื่อให้คล้ายกับพระอาทิตย์ตกที่ดูอบอุ่น ส่วนการตกแต่งภายในรถไฟ Kumagera เลือกใช้ที่นั่งสีแดงให้เหมือนกับสีของนกที่เป็นที่มาของชื่อรถไฟค่ะ
ที่นั่งและวิว
วิวทิวทัศน์จากรถไฟ Resort Shirakami (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh (ซ้าย) and Akio Kobori (ขวา))
รถไฟทั้ง 3 ขบวนวิ่งบนเส้นทางเดียวกัน ที่แตกต่างกันมีเพียงตัวรถเท่านั้นค่ะ รถไฟ Resort Shirakami ประกอบด้วยตู้รถไฟรวม 4 ตู้ โดยทั้ง 3 ขบวนมีที่นั่งสำหรับ 2 คนหันหน้าเข้าหากันซึ่งมีพื้นที่สำหรับวางขากว้างขวาง ถ้าเป็นไปได้อยากให้เลือกที่นั่งฝั่งติดทะเล (ที่นั่ง “A” สำหรับที่นั่งทั่วไป) หน้าต่างรถไฟนั้นทั้งใหญ่และกว้าง ทำให้มองเห็นวิวอันงดงามตระการตาของทะเลและนาข้าวได้อย่างชัดเจน
ที่นั่งแบบพิเศษ (compartment box) บนรถไฟ Resort Shirakami (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
นอกจากนี้ยังมีตู้รถหนึ่งในรถไฟแต่ละขบวนที่มีที่นั่งแบบกล่องหรือ compartment box ซึ่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของมหาสมุทรได้ ที่นั่งประเภทนี้ส่วนหนึ่งยังมีคุณสมบัติพิเศษคือสามารถกางออกเพื่อให้เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนได้ จะนั่งขัดสมาธิหรือจะนอนก็ยังได้ค่ะ!
รถไฟ Resort Shirakami เป็นรถไฟแบบต้องสำรองที่นั่งเท่านั้น (ผู้ที่ถือเรลพาสก็ต้องสำรองที่นั่งเช่นกัน) ดังนั้นอย่าลืมจองที่นั่งไว้ล่วงหน้าด้วยนะคะ ในการสำรองที่นั่งออนไลน์นั้นจะไม่สามารถระบุประเภทที่นั่ง (แบบปกติหรือแบบกล่อง) ได้ แต่คุณสามารถแจ้งขอที่นั่งแบบกล่อง (ขึ้นอยู่กับจำนวนที่นั่งที่มีเหลือ) กับพนักงานได้ที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วรถไฟ JR
ยืดเวลาการท่องเที่ยวที่อาโอโมริหรืออาคิตะ
หากคุณนั่งรถไฟ Resort Shirakami ก็เป็นไปได้ว่าคุณจะเริ่มต้นหรือสิ้นสุดการเดินทางที่เมืองอาโอโมริ (青森市) หนึ่งในสถานที่ที่ฉันชอบมากที่สุดในโทโฮคุ ฉันอยากแนะนำมากๆ ให้คุณได้พักที่เมืองอันมีเสน่ห์นี้สักคืนสองคืน เพื่อลิ้มลองอาหารทะเลแสนอร่อยและเดินทางท่องเที่ยวสำรวจธรรมชาติที่สวยงามในอุทยานแห่งชาติในบริเวณใกล้เคียง
โออิราเสะ เคริวในฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
โออิราเสะ เคริว (奥入瀬渓流) เป็นลำธารภูเขาที่งดงามมากซึ่งไหลมาจากทะเลสาบโทวาดะ (十和田湖 โทวาดะโกะ) ใกล้ๆ กับเขตแดนจังหวัดอาโอโมริและจังหวัดอาคิตะ ที่นี่เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ดีที่สุดในฤดูใบไม้ร่วง (ปลายเดือนตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน) และห้อมล้อมไปด้วยสีเขียวชอุ่มในช่วงต้นฤดูร้อน (เดือนพฤษภาคม-เดือนมิถุนายน) ส่วนในฤดูหนาวก็มาพร้อมกับวิวหิมะอันแสนวิเศษ ที่ซึ่งทุกสิ่งกลายเป็นน้ำแข็งหรือถูกปกคลุมด้วยสีขาว
การเดินทางไปโออิราเสะ เคริวใช้เวลา 2 ชั่วโมงจากสถานี JR Aomori โดยรถบัส ผู้ที่ถือ JR EAST PASS (พื้นที่ โทโฮคุ) สามารถนั่งรถบัสได้ฟรี สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการเดินป่าที่โออิราเสะ เคริว ในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง คุณสามารถอ่านบทความอื่นของฉันได้ที่นี่ หากคุณต้องการชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามของโออิราเสะ เคริวในดูหนาว ก็เข้าไปดูทริปฤดูหนาวของฉันได้ที่นี่ค่ะ
นกเกะด้งที่ฉันทำเอง! (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ด้วยความที่ 3 ฝั่งของจังหวัดอาโอโมรินั้นล้อมรอบด้วยทะเลญี่ปุ่น ช่องแคบสึการุ และมหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้อาหารทะเลของที่นี่มีความหลากหลายและมีคุณภาพสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาโอโมริเป็นจังหวัดที่ผลิตหอยเชลล์ (帆立 โฮตาเตะ) ปลาหมึก (イカ อิกะ) และปลาทูน่าครีบน้ำเงิน (本マグロ ฮน มากุโระ) มากเป็นอันดับหนึ่ง คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับอาหารทะเลสดใหม่ใน นกเกะด้ง (のっけ丼) ข้าวหน้าอาหารทะเลแบบ DIY ที่คุณสามารถเลือกท็อปปิ้งได้ตามต้องการ
ก่อนอื่นให้คุณซื้อคูปองจากทางเข้า (คูปอง 10 ใบ 1,500 เยน หรือ คูปอง 5 ใบ 750 เยน) แล้วคุณจะได้รับข้าวโดยแลกกับคูปอง 1-2 ใบ (ขนาดปกติหรือขนาดใหญ่) จากนั้นคุณสามารถเดินไปรอบๆ ตลาดอาหารทะเลกว่า 30 แผงร้านเพื่อแลกคูปองที่เหลือเป็นท็อปปิ้งต่างๆ ได้ตามต้องการ จะมีปลาชนิดต่างๆ ให้เลือกตามแต่ละฤดูกาล ฉันจึงสนุกกับการมาที่นี่เสมอไม่ว่าจะในช่วงเวลาไหนของปีก็ตาม หน้านกเกะด้งที่ฉันชอบคือ หอยเชลล์, ไข่ปลาแซลมอน (いくら อิคุระ) และไข่หอยเม่น (ウニ อุนิ) ค่ะ เป็นอย่างที่คาดไว้เลย หอยเชล์ของอาโอโมริทั้งใหญ่และเนื้อฉ่ำมากๆ! นอกจากปลาดิบแล้วก็ยังมีแผงขายอาหารทะเลย่าง ผักต่างๆ และทาโกยากิแบบโฮมเมดด้วยค่ะ
Aomori Gyosai Center (青森魚菜センター)
ที่ตั้ง: 1-11-16 Furukawa, Aomori-shi, Aomori 030-0862
การเดินทาง: เดินจาก JR Aomori
เวลาทำการ: 07.00–16.00 น. (ปิดวันอังคาร)
ย่านหมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ สุนัขอาคิตะ และคิริทัมโปะ (เครดิตรูปภาพ: 秋田県観光連盟)
ถ้าคุณไม่ได้มาจากหรือมุ่งหน้าสู่อาโอโมริ คุณก็น่าจะมาจากหรือมุ่งหน้าสู่อาคิตะ จังหวัดอาคิตะนั้นเป็นที่รู้จักจาก อาคิตะ อินุ (秋田犬) สุนัขพันธุ์ใหญ่ที่แสนภักดี อาคิตะ อินุที่เป็นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็น่าจะเป็น ฮาจิโกะ (ハチ公) ที่มีรูปปั้นตั้งอยู่ที่สถานีชิบุย่า สำหรับอาหารท้องถิ่น แนะนำให้ลองทาน คิริทัมโปะ (きりたんぽ) ซึ่งทำจากข้าวที่นำไปบดแล้วใส่ในน้ำซุปกับเนื้อ คุณสามารถสัมผัสฤดูกาลที่แตกต่างของโทโฮคุได้ทั่วทั้งจังหวัดอาคิตะ ตั้งแต่ดอกซากุระ สีสันของฤดูใบไม้ร่วงที่หมู่บ้านซามุไรคาคุโนะดาเตะ ไปจนถึงทิวทัศน์ของหิมะในฤดูหนาว
การท่องเที่ยวไปกับ Resort Shirakami (Buna)
รถไฟ Resort Shirakami เป็นรถไฟที่มีชื่อเสียงในฐานะรถไฟรีสอร์ทในพื้นที่ชิราคามิ มีพร้อมด้วยดีไซน์ อาหารท้องถิ่น ธรรมชาติที่สวยงาม และกิจกรรมสนุกๆ มากมายตลอดการเดินทาง คลิกที่นี่เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถไฟ Joyful Train รุ่นบุกเบิกขบวนนี้
การเดินทาง
รถไฟ Resort Shirakami วิ่งเกือบทุกวันและหลายขบวนต่อวัน ทำให้เป็นหนึ่งในรถไฟ Joyful Train ที่โดยสารง่ายที่สุด คุณสามารถตรวจสอบตารางเวลาและกำหนดการเดินรถไฟได้ที่นี่
คุณสามารถขึ้นรถไฟ Resort Shirakami ได้จากสถานีชินคันเซ็น JR Shin-Aomori (新青森駅) และ JR Akita (秋田駅) โดยจากโตเกียวสู่ชินอาโอโมริโดยรถไฟหัวกระสุนโทโฮคุชินคันเซ็นใช้เวลา 3 ชั่วโมง 10 นาที และจากโตเกียวสู่อาคิตะโดยรถไฟหัวกระสุนอาคิตะชินคันเซ็นใช้เวลา 3 ชั่วโมง 40 นาที ที่นั่งทั้งหมดในรถไฟ Resort Shirakami ต้องจองล่วงหน้า โดยสามารถสำรองที่นั่งออนไลน์ล่วงหน้าหนึ่งเดือนก่อนวันเดินทางได้ที่นี่
JR-EAST Train Reservation. (เครดิตรูปภาพ: JR East)
ตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) แบบใหม่และพื้นที่ที่ตั๋วครอบคลุม (เครดิตรูปภาพ: JR East)
หากคุณกำลังคิดจะไปเที่ยวภูมิภาคโทโฮคุ ลองดู JR EAST PASS (Tohoku Area) ซึ่งเป็นบัตรโดยสารราคาประหยัดที่ให้การเดินทางด้วยรถไฟสาย JR East ได้ไม่จำกัด (รวมถึงรถไฟหัวกระสุน) ในพื้นที่ที่ใช้ได้เป็นเวลา 5 วันติดต่อกัน ด้วยราคาเพียง 30,000 เยน ถูกกว่าไป-กลับระหว่างโตเกียวและอาโอโมริ (~ 35,000 เยน) หรือโตเกียวและอาคิตะ (~ 36,000 เยน) สามารถนั่งรถไฟ Resort Shirakami และรถไฟ Joyful Train อื่นๆ ได้ฟรีด้วย JR EAST PASS (พื้นที่ Tohoku) สามารถใช้ JR EAST PASS (Tohoku Area) สำหรับประตูตรวจตั๋วอัตโนมัติได้ และผู้ถือหนังสือเดินทางต่างประเทศที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นก็มีสิทธิ์ใช้บัตรนี้ได้เช่นกัน
นอกเหนือจากทิวทัศน์อันน่าทึ่งแล้ว รถไฟ Joyful Train เช่น Resort Shirakami ยังมอบประสบการณ์ท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากมาย เช่น อาหารและกิจกรรมพิเศษ ครั้งต่อไปที่คุณมาเยือนญี่ปุ่น ทำไมไม่ลองนั่งรถไฟ Joyful Train เพื่อสัมผัสเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคนี้ดูล่ะ? คลิกที่นี่เพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับรถไฟ Joyful Train ของ JR East
เครดิตรูปภาพส่วนหัวบทความ: JR East
Translated by ANNGLE