เทศกาลเนบูตะและเนปุตะแห่งอาโอโมริ แสงที่ส่องสว่างในค่ำคืนฤดูร้อน
คุณอาจจะเคยได้ยินชื่อเทศกาลอาโอโมริเนบูตะ (青森ねぶた祭り) มาบ้าง แต่คุณรู้ไหมว่าจังหวัดอาโอโมริมีเทศกาลเนบูตะและเนปุตะทั้งหมดกว่า 40 เทศกาลด้วยกัน? เทศกาลเป็นหนึ่งในวิธีที่สนุกและวิเศษมากๆ ในการเรียนรู้วัฒนธรรมและธรรมเนียมที่มีเอกลักษณ์ของประเทศนั้นๆ จึงไม่แปลกเลยที่นักท่องเที่ยวหลายคนพากันมาเที่ยวญี่ปุ่นเพื่อสัมผัสกับบรรยากาศของมัตสึริ (祭り, เทศกาล)
ในบรรดาเทศกาลต่างๆ ของญี่ปุ่นนี้ เทศกาลฤดูร้อนนับเป็นเทศกาลที่มีสีสันและชวนตื่นเต้นเป็นพิเศษ โดยภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นหรือที่เรียกว่าโทโฮคุ (東北地方, Tоhoku chihо) เป็นภูมิภาคที่มีชื่อในเรื่องเทศกาลฤดูร้อนและมีสามเทศกาลฤดูร้อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโทโฮคุ (東北三大夏祭り, Tоhoku sandai natsumatsuri) ได้แก่เทศกาลเซ็นไดทานาบาตะ, เทศกาลอาคิตะคันโต, และเทศกาลอาโอโมริเนบูตะ
ฉันมีโอกาสไปเที่ยวสองเทศกาลแรกในเดือนสิงหาคม 2011 ซึ่งขณะนั้นฉันอยู่ระหว่างเข้าร่วมโครงการอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือญี่ปุ่นในเหตุการณ์สึนามิและแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 2011 (東日本大震災, higashinihon daishinsai) ประสบการณ์ครั้งนั้นนับเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เข้าร่วมงานมัตสึริของญี่ปุ่น และนับแต่นั้นมาฉันอยากไปงานเทศกาลอาโอโมริเนบูตะมาตลอด ซึ่งในที่สุดฉันก็ได้ไปงานเทศกาลสุดประทับใจนี้ในปี 2019!
บรรยากาศงานเทศกาลเนบูตะและเนปุตะที่มีชื่อเสียงของจังหวัดอาโอโมริ (เครดิตรูปภาพ: Aomori Prefecture)
คุณอาจจะสงสัยว่าเทศกาลเนบูตะและเนปุตะต่างกันอย่างไร? ทั้งสองคำนี้ต่างหมายถึงงานเทศกาลเดียวกัน แต่เนบูตะเป็นคำที่ใช้เรียกกันทั่วไปในแถบตะวันออกของอาโอโมริ ในขณะที่แถบตะวันตก (พื้นที่สึการุ) มักเรียกงานเทศกาลดังกล่าวว่าเนปุตะกันเป็นหลัก
ในบทความนี้ฉันจะพาคุณไปรู้จักเทศกาลอาโอโมริเนบูตะ รวมถึงเทศกาลเนบูตะและเนปุตะอื่นๆ ในท้องถิ่นจังหวัดอาโอโมริซึ่งคุณสามารถไปเที่ยวได้ในฤดูร้อน
เทศกาลอาโอโมริเนบูตะ (青森ねぶた祭り)
ช่วงวันเทศกาล: 2–7 สิงหาคมของทุกปี
สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด: สถานี JR Aomori (青森駅)
เทศกาลอาโอโมริเนบูตะมีชื่อเสียงเรื่องโคมขนาดใหญ่ที่มีความประณีตสวยงาม (เครดิตรูปภาพ: Aomori Prefecture)
เทศกาลเนบูตะที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาเทศกาลเนบูตะทั้งหมดและเป็นเทศกาลที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 3 ล้านคนให้มาร่วมงานในหลายปีที่ผ่านมานี้ก็คือเทศกาลอาโอโมริเนบูตะ (青森ねぶた祭り, Aomori Nebuta Matsuri) งานเทศกาลที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวด้วยโคมขนาดยักษ์สุดอลังการที่สร้างเป็นรูปบุคคลและสิ่งมีชีวิตในประวัติศาสตร์และตำนานของญี่ปุ่น โคมเหล่านี้เป็นโคมไฟขนาดยักษ์ที่มีแสงส่องสว่างมาจากด้านในและภาพที่มีรายละเอียดสุดประณีตของโคมก็ดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ! ในบรรดาโคมทั้งหมด 80 อันภายในงาน จะมีโคมเพียง 20 อันเท่านั้นที่เป็นโคมขนาดยักษ์ โคม 3D ขนาดยักษ์เหล่านี้ทำขึ้นด้วยมือล้วนๆ โดยช่างฝีมือและใช้เวลานับเดือนกว่าจะเสร็จสมบูรณ์
เทศกาลอาโอโมริเนบูตะจัดในเมืองอาโอโมริที่เป็นเมืองหลักของจังหวัดในช่วงวันที่ 2-7 สิงหาคมของทุกปี โดยเทศกาลจะเริ่มจากงานเล็กๆ ก่อนที่มีโคมเพียง ⅔ ของจำนวนทั้งหมดเท่านั้น (โคมส่วนมากในช่วงนี้จะเป็นโคมขนาดเล็ก) โคมเหล่านี้จะถูกนำมาแห่ขบวนในช่วงเย็นวันที่ 2-3 สิงหาคม ส่วนในช่วงวันที่ 4-6 สิงหาคมโคมทั้งหมดจะถูกนำมาแห่ขบวนในตอนเย็น รวมถึงโคมที่มีขนาดใหญ่และประณีตเหล่านั้นด้วย ในขบวนแห่โคมจะมีนักดนตรีและนักเต้นรำมาร่วมขบวนเพื่อสร้างสีสันให้กับงาน และในวันที่ 7 ที่เป็นวันสุดท้ายของงานนี้ เทศกาลอาโอโมริเนบูตะจะปิดท้ายด้วยการจัดขบวนแห่บนถนนในตอนกลางวันและในตอนกลางคืนจะมีกิจกรรมพิเศษคือการแสดงดอกไม้ไฟและขบวนแห่เรือ
บรรดาดอกไม้ไฟถูกจุดขึ้นขณะที่โคมที่ชนะการประกวดถูกนำมาแห่รอบอ่าวโดยเรือ (เครดิตรูปภาพ: Aomori Prefecture)
เทศกาลอาโอโมริเนบูตะเป็นหนึ่งในเทศกาลที่มีเอกลักษณ์มากที่สุดในญี่ปุ่น แต่ถึงจะเป็นเทศกาลที่เป็นที่รู้จัก ที่มาของเทศกาลอาโอโมริเนบูตะก็ยังเป็นปริศนาอยู่ บ้างก็ว่าเทศกาลนี้มีที่มาจากเทศกาลทานาบาตะของจีน (七夕, qīxī) แต่ข้อสันนิษฐานนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน โดยประเพณี Qixi ของจีนได้เข้ามาหลอมรวมกับธรรมเนียมการทำโคมจากกระดาษและไผ่ในท้องที่ และหลายปีผ่านไปการทำโคมก็มีการเพิ่มรายละเอียดและขนาดมากขึ้นจนกลายเป็นโคมเทศกาลเนบูตะขนาดใหญ่อย่างทุกวันนี้
เทศกาลทานาบาตะในอดีตมีธรรมเนียมการลอยโคมให้ไหลไปตามแม่น้ำเพื่อปลอบประโลมวิญญาณผู้วายชนม์ ซึ่งการนำโคมไปล่องเรือในวันสุดท้ายของเทศกาลเนบูตะก็มีความหมายเดียวกันนี้เช่นกัน ในคืนวันที่ 7 สิงหาคมที่เป็นวันสุดท้ายของเทศกาล โคมที่ชนะรางวัลประจำปีของงานเทศกาลจะถูกนำมาบรรทุกลงเรือและแห่ไปรอบๆ อ่าวอาโอโมริพรัอมกับมีการแสดงดอกไม้ไฟเพื่อส่งท้ายเทศกาลสุดตระการตานี้อย่างยิ่งใหญ่อลังการ
การแห่โคมในตอนกลางวันเป็นโอกาสให้คุณได้เห็นผู้เข้าร่วมงานเทศกาลนี้ชัดๆ โดยโคมในภาพนี้เป็นโคมที่ชนะรางวัลอันดับสามในปี 2019 (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ระหว่างทริปฉันได้ไปร่วมงานเทศกาลฤดูร้อนของโทโฮคุทั้งหมด 5 งานภายในเวลา 4 วัน ด้วยเวลาที่มีอยู่จำกัดและปัจจัยเรื่องสถานที่ฉันจึงไปร่วมงานเทศกาลอาโอโมริเนบูตะได้เพียงวันเดียวเท่านั้น ดังนั้นฉันจึงเลือกไปร่วมงานในวันสุดท้ายคือวันที่ 7 สิงหาคมเพื่อชมการแห่โคมในตอนกลางวัน การแห่โคมบนเรือในตอนกลางคืน และการแสดงดอกไม้ไฟ
โคมนี้ชนะรางวัลรองชนะเลิศในปี 2019 (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
เทศกาลอาโอโมริเนบูตะมีชื่อเสียงเรื่องการแห่โคมในตอนกลางคืน ดังนั้นการได้มาเห็นการแห่โคมในตอนกลางวันจึงเป็นอะไรที่ต่างจากสิ่งที่ฉันนึกไว้ตอนแรกอย่างมาก แต่ด้วยแสงสว่างในวันฟ้าโปร่งแบบนี้ฉันจึงได้เห็นทั้งดีไซน์ สีสัน และการระบายสีของบรรดาโคมที่ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตเหล่านี้ รวมถึงได้เห็นความสนุกสนานและพลังที่แสดงออกมาผ่านสีหน้าของผู้เข้าร่วมงานด้วย
ถ้าคุณมาอาโอโมริในช่วงเทศกาลเนบูตะ ลองมาร่วมขบวนแห่กับนักเต้นรำฮาเนโตะให้ได้นะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
นอกจากโคมที่ตระการตาแล้ว อีกไฮไลท์ที่ดึงดูดสายตาไม่แพ้กันคือบรรดานักเต้นรำฮาเนโตะ (ハネト) ที่กระโดดโลดเต้นไปตามจังหวะกลองไทโกะและร้องขานว่า “รัสเซระ รัสเซระ! รัสเซ รัสเซ รัสเซระ!” กันอย่างครึกครื้น นักเต้นรำฮาเนโตะมีอุปกรณ์คู่กายคืออุจิวะ (พัด) และกระดิ่งที่ช่วยสร้างความครึกครื้นและสีสันให้กับงานเทศกาล
ถ้าคุณใส่ชุดฮาเนโตะแบบครบชุดคุณก็สามารถเข้าร่วมงานเทศกาลได้ (Image credit: JR East / Carissa)
ถ้าคุณมาเที่ยวพร้อมกับกลุ่มเพื่อนๆ ของคุณ ฉันแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้คุณและเพื่อนๆ เข้าร่วมขบวนนักเต้นรำฮาเนโตะเพื่อให้ทริปครั้งนี้เป็นที่น่าจดจำยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าคุณสวมชุดฮาเนโตะแบบครบชุดเรียบร้อย ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าร่วมขบวนแห่โคมในฐานะนักเต้นรำฮาเนโตะได้ แม้แต่นักท่องเที่ยวและแขกผู้ร่วมงานก็เช่นกัน โดยระหว่างช่วงเทศกาลคุณสามารถหาซื้อชุดฮาเนโตะสีสันสดใสได้ทั่วไปในเมือง นอกจากนี้ยังมีชุดให้เช่าอยู่ตามจุดต่างๆ บนเส้นทางขบวนแห่ด้วย
ซื้อตั๋วที่นั่งเพื่อชมดอกไม้ไฟและการลอยโคมจากทำเลดีๆ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
สำหรับการชมการแสดงดอกไม้ไฟและขบวนแห่เรือปิดงาน จะมีที่นั่งบนท่าเรือให้คุณซื้อตั๋วเข้าไปนั่งได้ ที่นั่งเหล่านี้จะหันหน้าเข้าหาอ่าวและเป็นทำเลให้คุณได้ชมวิวดอกไม้ไฟและโคมที่ลอยผ่านไปได้ใกล้ๆ โดยไม่มีอะไรมาบัง ซึ่งฉันได้เพื่อนๆ จากโมริโอกะช่วยให้ฉันได้ที่นั่งในทำเลนี้ด้วย!
นักท่องเที่ยวที่มาเร็วต่างมาจับจองจุดชมงานทำเลดี (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
แน่นอนว่าคุณสามารถชมดอกไม้ไฟและขบวนเรือที่แห่โคมได้ฟรีเช่นกัน แต่คุณต้องมาเร็วหน่อยเพื่อจองที่นั่งทำเลดีไว้ การแสดงในช่วงค่ำจะเริ่มในตอน 19:00 น. แต่ตอน 15:00 น. ฉันก็เห็นคนนับสิบเข้ามาจับจองที่นั่งรอบอ่าวกันแล้ว
บรรดาเรือที่ลอยมาใกล้บริเวณที่นั่งของผู้ชม (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
บรรดาโคมถูกแห่อยู่บนเรือและล่องไปรอบๆ อ่าว (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
สำหรับฉันแล้ว ไฮไลท์ที่ฉันตั้งหน้าตั้งตารอดูมากที่สุดคือขบวนแห่เรือ ซึ่งแม้ว่าเรือจะลอยอยู่ในอ่าวแต่เสียงร้องของผู้ร่วมขบวนแห่ก็ยังดังให้ได้ยินอยู่อย่างชัดเจน ภาพสะท้อนของโคมที่ส่องสว่างและดอกไม้ไฟบนผิวน้ำนับเป็นอีกภาพสวยงามที่น่าชม
โคมที่ชนะรางวัลประจำปี 2019 จากซ้ายบนวนตามเข็มนาฬิกาคือภาพโคมที่ชนะเลิศจนถึงโคมที่ชนะรางวัลที่ 5 (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
โคมที่ถูกนำมาแห่ในช่วงนี้จะเป็นบรรดาโคมที่ชนะรางวัลประจำปีนั้นๆ อาจจะด้วยความที่เป็นโคมที่ชนะรางวัลนี้เองที่ทำให้บรรดาผู้เข้าร่วมงานดูครึกครื้นและมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ
พิพิธภัณฑ์ Nebuta Museum WA RASSE เป็นนพิพิธภัณฑ์ที่ให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศแห่งงานเทศกาลอาโอโมริเนบูตะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ถ้าคุณไม่ได้มาอาโอโมริในช่วงเทศกาล ไม่ต้องห่วงไป เพราะพิพิธภัณฑ์ Nebuta Museum WA RASSE (ねぶたの家 ワ・ラッセ) ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานี JR Aomori เป็นสถานที่ที่ให้คุณได้ชมโคมเนบูตะจากปีก่อนๆ ได้ ที่นี่คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทศกาลเนบูตะและยังสามารถสัมผัสกับบรรยากาศของงานเทศกาลได้ผ่านกิจกรรมเต้นรำฮาเนโตะ (ช่วง 11:00 น., 13:00 น. และ 15:00 น.) ซึ่งในกิจกรรมนี้นักท่องเที่ยวจะสามารถลองเต้นรำฮาเนโตะ ตีฉาบ และตีกลองไทโกะได้ด้วย
ร่วมสนุกในการเต้นรำฮาเนโตะและตีกลองไทโกะที่พิพิธภัณฑ์เนบูตะแห่งนี้ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
นอกจากิจกรรมเต้นรำฮาเนโตะแล้ว คุณยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมแปะกระดาษโคมเนบูตะ (ช่วง 10:00 น. และ 14:00 น.) ได้อีกด้วย โดยในกิจกรรมคุณจะได้เรียนรู้เรื่องโครงสร้างและกระบวนการสร้างโคมเหล่านี้
นอกจากขนาดแล้ว สิ่งที่ทำให้โคมของเทศกาลอาโอโมริเนบูตะพิเศษคือรูปร่าง 3D ของตัวโคม โคมเนบูตะถูกสร้างขึ้นจากไม้ (สำหรับโครงสร้างภายในและตัวรับน้ำหนัก) ลวดเหล็ก (เพื่อการสร้างรูปร่างที่มีรายละเอียดประณีต) และกระดาษวาชิ (ที่แปะทับโครงลวดเหล็ก)
พิพิธภัณฑ์ Nebuta Museum WA RASSE (ねぶたの家 ワ・ラッセ)
ที่อยู่: 1-1-1 Yasukata, Aomori-shi, Aomori-ken 030-0803
การเดินทาง: เดิน 1 นาทีจากสถานี JR Aomori
เวลาทำการ: 9:00–18:00 น. (กันยายน–เมษายน), 9:00–19:00 น. (พฤษภาคม–สิงหาคม)
ปิดทำการ: 31 ธันวาคม, 1 มกราคม, 9–10 สิงหาคม
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 620 เยน
โทรศัพท์: +81-17-752-1311
เทศกาลฮิโรซากิเนปุตะ (弘前ねぷた祭り)
ช่วงวันเทศกาล: 1–7 สิงหาคมของทุกปี
สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด: สถานี JR Hirosaki (弘前駅)
เทศกาลฮิโรซากิเนปุตะเป็นเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่สึการุ (เครดิตรูปภาพ: Aomori Prefecture)
เมืองฮิโรซากิ (弘前市) หนึ่งในเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมมากที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุนั้นเป็นเมืองปราสาทที่ตั้งอยู่ในแถบตะวันตกของจังหวัดอาโอโมริ เมืองอาโอโมริอาจจะเป็นเมืองหลักของจังหวัดอาโอโมริในปัจจุบัน แต่ก่อนหน้านั้นเมืองฮิโรซากิถือเป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมและเศรษฐกิจแห่งพื้นที่แถบสึการุซึ่งเป็นชื่อเก่าของพื้นที่ตะวันตกของจังหวัดอาโอโมริ และเมืองฮิโรซากินี้เองที่เป็นสถานที่จัดงานเทศกาลเนบูตะที่ใหญ่อันดับที่ 2 นั่นคือเทศกาลฮิโรซากิเนปุตะ (弘前ねぷた祭りHirosaki Neputa Matsuri)
ภาพวาดด้านหน้าที่เต็มไปด้วยพลังและภาพด้านหลังที่ดูวิจิตรประณีต (เครดิตรูปภาพ: Aomori Prefecture)
ขณะที่โคมของอาโอโมริเนบูตะเป็นโคมสามมิติที่มีรูปร่างคล้ายคน (人形型, ningyоgata) โคมของเทศกาลฮิโรซากิเนปุตะมักมีรูปร่างคล้ายพัด (扇型, оgigata) ที่มีรูปวาดระบายอยู่บนพื้นผิวของโคม นอกจากโคมรูปทรงพัดที่เป็นเอกลัษณ์แล้ว อีกจุดเด่นหนึ่งของโคมในเทศกาลฮิโรซากิเนปุตะคือภาพวาดอันทรงพลังและดุดันของนักรบที่เป็นภาพด้านหน้า (鏡絵, kagamie) ของโคม ซึ่งตัดกับภาพวิจิตรประณีตของหญิงงามที่อยู่ด้านหลัง (見送り絵, miokurie) ของโคม
โคมของเทศกาลฮิโรซากิเนปุตะที่มีรูปทรงคล้ายพัดเป็นเอกลักษณ์ (เครดิตรูปภาพ: Aomori Prefecture)
เส้นทางการแห่โคมราว 80 อันมีทั้งหมดสองเส้นทางด้วยกัน ได้แก่เส้นทางโดเตะมาจิ (Dotemachi) และเอกิมาเอะ (Ekimae) ในช่วงเย็นของวันที่ 1-3 สิงหาคม ขบวนแห่จะเดินลงไปตามเส้นทางโดเตะมาจิ และในวันที่ 4-6 สิงหาคมขบวนแห่จะใช้เส้นทางเอกิมาเอะ ในวันที่ 7 สิงหาคมซึ่งเป็นวันสุดท้ายของงานเทศกาลจะมีการแห่บนเส้นทางโดเตะมาจิอีกครั้งในตอนกลางวัน
Tsugaru-han Neputa Village เป็นสถานที่ที่ให้คุณได้เข้าชมส่วนหนึ่งของบรรยากศงานเทศกาลฮิโรซากิเนปุตะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ถ้าคุณไม่ได้มาเที่ยวฮิโรซากิในช่วงงานเทศกาล ที่นี่ก็มีสถานที่ให้คุณเข้าไปชมโคมและคลิปวิดีโอบรรยากาศงานจากปีก่อนๆ รวมถึงลองตีกลองไทโกะได้อีกด้วย Tsugaru-han Neputa Village (津軽藩ねぷた村, Tsugaruhan Neputamura) มีการจัดแสดงต่างๆ และมีกิจกรรมให้คุณได้สัมผัสหลากวัฒนธรรมแห่งสึการุรวมถึงเทศกาลเนปุตะด้วย
นักท่องเที่ยวสามารถลองทำงานฝีมือท้องถิ่นได้ที่ Tsugaru-han Neputa Village(เครดิตรูปภาพ: Aomori Prefecture)
ด้วยความที่พื้นที่สึการุที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่มีชื่อเสียงเรื่องชามิเซ็น (三味線) เครื่องดนตรีเครื่องสายของญี่ปุ่น ที่นี่จึงมีการแสดงชามิเซ็นให้ได้ชมกันทุกๆ หนึ่งชั่วโมง นอกจากนี้ Tsugaru-han Neputa Village ยังมีหลากหลายกิจกรรมงานฝีมือและวัฒนธรรมของสึการุให้คุณได้ลองเช่นการวาดภาพระบายสีว่าว การทำที่ตั้งพัดเนปุตะขนาดเล็ก การระบายสีแอปเปิ้ลและตุ๊กตาไม้ งานปั้นดินเผาสึการุ เครื่องเคลือบสึการุ และอื่นๆ อีกมากมาย
Tsugaru-han Neputa Village (津軽藩ねぷた村)
ที่อยู่: 61 Kamenoko-cho, Hirosaki-shi, Aomori-ken 036-8332
การเดินทาง: เดิน 30 นาทีจากสถานี JR Hirosaki หรือนั่งรถบัส 15 นาทีจากสถานี Hirosaki มาลงที่ป้าย Tsugaruhan Neputamura
เวลาทำการ: 9:00–17:00 น.
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 550 เยน
โทรศัพท์: +81-172-39-1511
เทศกาลโกโชกาวาระทาจิเนปุตะ (五所川原立佞武多祭り)
ช่วงวันเทศกาล: 4–8 สิงหาคมของทุกปี
สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด: สถานี JR Goshogawara (五所川原駅)
โคมของเทศกาลโกโชกาวาระทาจิเนปุตะมีลักษณะสูงอยู่เหนือพื้น (เครดิตรูปภาพ: 五所川原観光協会)
เมืองโกโชกาวาระ (五所川原市) ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่สึการุเป็นเมืองเล็กๆ ในแถบตะวันตกของจังหวัดอาโอโมริและอยู่ทางเหนือของเมืองฮิโรซากิ เทศกาลโกโชกาวาระทาจิเนปุตะ (五所川原立佞武多祭り, Goshogawara Tachineputa Matsuri) ของที่นี่จะถูกจัดในวันที่ 4-8 สิงหาคมของทุกปีและเทศกาลนี้มีชื่อ เรื่องโคมทาจิเนปุตะที่สูงได้ถึง 23 เมตรหรือเท่ากับอาคาร 7 ชั้น ซึ่งสูงกว่าโคมของเทศกาลอาโอโมริและฮิโรซากิเสียอีก ทาจิ (立ち) แปลว่า “ยืน, ตั้ง” ในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งโคมเหล่านี้ก็ดูโดดเด่นเมื่อตั้งสูงตระหง่านสมชื่อจริงๆ ในช่วงเทศกาลจะมีโคมราว 15 อันถูกนำมาแห่โดยในจำนวนนี้จะมี 3 อันที่เป็นโคมขนาดยักษ์ นักเต้นที่ร่วมขบวนอยู่ด้วยจะคอยตะโกน “ยัตเตะมาเระ! ยัตเตะมาเระ!” อยู่ตลอดการแห่โดยมีกลองไทโกะคอยตีให้จังหวะอยู่ด้วย
โคมเหล่านี้อาจะสูงได้เท่ากับอาคาร 7 ชั้นหรือ 23 เมตร (เครดิตรูปภาพ: Aomori Prefecture)
สำหรับใครหลายคน โคมของเทศกาลโกโชกาวาระทาจิเนปุตะถือเป็นโคมที่ตระการตาที่สุด เหตุผลหนึ่งก็เพราะความมุ่งมั่นของชุมชนที่ทำให้เทศกาลนี้ยังคงถูกจัดต่อกันเรื่อยมาโดยที่โคมยังคงรักษาลักษณะสูงเด่นนี้ไว้ได้ ในอดีตบรรดาพ่อค้าที่ร่ำรวยจะสร้างโคมทาจิเนปุตะเพื่อเป็นเครื่องแสดงความร่ำรวยของตนโดยจะแข่งกันว่าใครจะสามารถสร้างโคมได้สูงกว่ากัน หลังการปฏิรูปประเทศให้มีความทันสมัยมากขึ้นในยุคไทโช (1912–1926) บรรดาสายไฟที่ถูกโยงไปรอบๆ เมืองทำให้ความสูงของโคมต้องถูกจำกัดไว้ คนท้องถิ่นกลุ่มหนึ่งได้รวมกลุ่มกันเพื่อวางแผนฟื้นฟูการทำโคมทรงสูงในอดีตให้กลับมาอีกครั้ง และความพยายามของพวกเขาก็สำเร็จเมื่อสายไฟในเส้นทางแห่โคมถูกนำลงดินในปี 1998 เพื่อให้โคมสามารถกลับมามีรูปร่างสูงตระหง่านได้อีกครั้ง
การแสดงดอกไม้ไฟสุดอลังการที่จะแสดงในวันที่ 3 สิงหาคม (เครดิตรูปภาพ: Aomori Prefecture)
งานเทศกาลจะเริ่มต้นกันด้วยการแสดงดอกไม้ไฟของเทศกาลดอกไม้ไฟโกโชกาวาระ (五所川原花火大会, Goshogawara Hanabi Taikai) ในคืนวันที่ 3 สิงหาคม จากนั้นขบวนแห่โคมจะเริ่มจัดในเย็นวันที่ 4-8 สิงหาคม ฉายา “เทศกาลดอกไม้ไฟแห่งผืนน้ำ แสง และเสียง” ของงานนี้มาจากการที่ดอกไม้ไฟราว 5,000 ดอกถูกยิงขึ้นฟ้าอย่างเข้าจังหวะกับดนตรีที่เล่นคลออยู่พร้อมกับมีการแสดงน้ำพุและแสงสีด้วย ไฮไลท์ของการแสดงดอกไม้ไฟชุด Star Mine ที่เป็นพลุชุดใหญ่นั้นมีขนาดกว้างได้ถึง 300 เมตรทีเดียว
สัมผัสบรรยากาศเทศกาลโกโชกาวาระทาจิเนปุตะที่พิพิธภัณฑ์ Tachineputa no Yakata (เครดิตรูปภาพ: Aomori Prefecture)
ถ้าคุณไม่ได้ไปเที่ยวในช่วงเทศกาล คุณยังสามารถชมโคมทาจิเนปุตะสุดอลังการเหล่านี้ได้ตลอดปีที่พิพิธภัณฑ์ Tachineputa no Yakata (立佞武多の館) ซึ่งสามารถเดินเท้าไปได้ใน 5 นาทีจากสถานี JR Goshogawara โดยในช่วงจัดงานเทศกาล ขบวนแห่จะตั้งต้นที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนผ่านเมืองต่อไป
พิพิธภัณฑ์ Tachineputa no Yakata (立佞武多の館)
ที่อยู่: 506-10, Omachi, Goshogawara-shi, Aomori-ken 037-0063
การเดินทาง: เดิน 5 นาทีจากสถานี JR Goshogawara
เวลาทำการ: 9:00–17:00 น.
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 650 เยน
โทรศัพท์: +81- 173-38-3232
เทศกาลคุโรอิชิเนปุตะ (黒石ねぷた祭り)
ช่วงวันเทศกาล: 30 กรกฎาคม–5 สิงหาคมของทุกปี
สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด: สถานี Kuroishi (黒石駅) ของรถไฟ Kо̄nan Railway
เทศกาลคุโรอิชิเนปุตะมีโคมมากกว่า 50 อัน (เครดิตรูปภาพ: Aomori Prefecture)
คุโรอิชิ (黒石市) เป็นเมืองเล็กๆ ข้างเมืองฮิโรซากิ แม้ว่าโดยทั่วไปเทศกาลเนบุตะแต่ละเทศกาลจะมีโคมเนบุตะเพียงประเภทเดียวให้ชม แต่เทศกาลคุโรอิชิเนปุตะ (黒石ねぷた祭り, Kuroishi Neputa Matsuri) มีทั้งโคมรูปทรงพัด (แบบเทศกาลของเมืองฮิโรซากิ) และแบบสามมิติ (แบบเทศกาลของเมืองอาโอโมริ) ให้ชม และแม้ว่าโคมของเทศกาลคุโรอิชิเนปุตะจะไม่ได้ใหญ่เท่ากับของอาโอโมริและฮิโรซากิ แต่โคมของเทศกาลคุโรอิชิเนปุตะนั้นมีมากถึง 50 อันทีเดียว
ขบวนแห่ที่จัดขึ้นในวันที่ 30 กรกฎาคมและ 2 สิงหาคม (เครดิตรูปภาพ: Aomori Prefecture)
แม้ว่างานเฉลิมฉลองจะถูกจัดในช่วงระหว่าง 30 กรกฎาคมจนถึง 5 สิงหาคมของทุกปี แต่ขบวนแห่โคมนั้นจะถูกจัดในวันที่ 30 กรกฎาคมและ 2 สิงหาคมเท่านั้น ถ้าคุณอยากชมโคมทั้งหมดคุณต้องมาเทศกาลในสองวันนี้ให้ได้ นอกจากนี้ ในสองวันพิเศษนี้โคมทั้งหมดจะถูกนำมารวมกันที่สวน Miyuki Park ก่อนจะถูกแห่ไปรอบๆ ถนนของเมืองคุโรอิชิ ดูเส้นทางการแห่เพิ่มเติมได้ที่นี่
เทศกาลเนบูตะและเทศกาลเนปุตะอื่นๆ
จากภาพซ้ายบนวนตามเข็มนาฬิกา: เทศกาลฮิราคาวะเนปุตะ, เทศกาลโอมินาโตะเนบูตะ, เทศกาลอาสะมุชิออนเซ็นเนบูตะ, เทศกาลเนบูตะเมืองสึการุ (เครดิตรูปภาพ: Aomori Prefecture)
แม้จะมีเทศกาลเนบูตะอื่นๆ ให้ชมกันในภูมิภาคคันโต แต่เทศกาลเนบูตะยังคงนับเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดอาโอโมริ ซึ่งจังหวัดอาโอโมริมีเทศกาลเนบูตะประจำท้องถิ่นมากกว่า 40 เทศกาลจัดขึ้นทั่วพื้นที่จังหวัด ถ้าคุณอยากสัมผัสงานเทศกาลได้อย่างใกล้ชิดสุดๆ คุณอาจจะอยากไปเที่ยวงานเทศกาลท้องถิ่นเล็กๆ เหล่านี้ด้วย
เทศกาลเนบูตะเมืองสึการุ (つがる市ネブタまつり)
ช่วงวันเทศกาล: 26–28 กรกฎาคมของทุกปี
สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด: สถานี JR Kizukuri (木造駅)
เทศกาลโอมินาโตะเนบูตะ (大湊ネブタ祭り)
ช่วงวันเทศกาล: 1–3 สิงหาคมของทุกปี
สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด: สถานี JR О̄minato (大湊駅)
เทศกาลฮิราคาวะเนปุตะ (平川ねぷた祭り)
ช่วงวันเทศกาล: 2–3 สิงหาคมของทุกปี
สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด: สถานี Hiraka (平賀駅) ของรถไฟ Konan Railway
เทศกาลอาสะมุชิออนเซ็นเนบูตะ (浅虫温泉ねぶた祭り)
ช่วงวันเทศกาล: วันเทศกาลมีการเปลี่ยนแปลงในทุกปี โดยทั่วไปมักจัดเป็นระยะ 2 วันในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม และ 1 วันในช่วงกลางเดือนสิงหาคม
สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด: สถานี Asamushi Onsen (浅虫温泉駅) ของรถไฟ Aoimori Railway
5 เทศกาลฤดูร้อนที่ยิ่งใหญ่แห่งโทโฮคุ
จากภาพซ้ายบนวนตามเข็มนาฬิกา: เทศกาลอาคิตะคันโต, โมริโอกะซันสะโอโดริ, เทศกาลเซ็นไดทานาบาตะ, เทศกาลยามากาตะฮานะกาสะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ถ้าเป็นไปได้ ฉันแนะนำให้คุณมาเที่ยวโทโฮคุในช่วงฤดูร้อนเป็นอย่างยิ่ง โดยช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่เมืองต่างๆ มีชีวิตชีวาขึ้นมาด้วยบรรยากาศแห่งงานเทศกาล! นอกจากเทศกาลเนบูตะต่างๆ แล้ว โทโฮคุยังยังเป็นแหล่งรวมเทศกาลฤดูร้อนมากมายที่จัดขึ้นในช่วงสัปดาห์เดียวกัน (สัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม) และแต่ละเทศกาลนั้นทั้งอลังการและสนุกสนานไม่แพ้กันเลย
ปฏิทินเทศกาลฤดูร้อนหลักๆ ในโทโฮคุ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
เทศกาลที่ว่านี้ได้แก่ เทศกาลอาคิตะคันโต (秋田竿燈祭り), เทศกาลเซ็นไดทานาบาตะ (仙台七夕祭り), เทศกาลโมริโอกะซันสะโอโดริ (盛岡さんさ踊り) , เทศกาลยามากาตะฮานากาสะ (山形花笠祭り) และเทศกาลอาโอโมริเนบูตะ ทั้งหมด 5 เทศกาลที่รวมกันเป็น 5 เทศกาลฤดูร้อนที่ยิ่งใหญ่แห่งโทโฮคุ (東北五大夏祭り, Tо̄hoku Godai Natsumatsuri)
ถ้าคุณอยากจัดทริปเที่ยวเทศกาลฤดูร้อนรอบโทโฮคุ คุณสามารถเที่ยวงานเทศกาลต่างๆ ได้ในทุกวันแบบไม่ซ้ำกัน ในปี 2019 ฉันได้สนุกเต็มที่ไปกับการเที่ยว 5 เทศกาลฤดูร้อนที่ยิ่งใหญ่แห่งโทโฮคุรวมถึง เทศกาลดอกไม้ไฟนากาโอกะ (長岡花火大会) ของจังหวัดนีงาตะด้วยในทริปเดียว และคุณสามารถเที่ยวงานได้หลากหลายกว่านี้อีกถ้าคุณแวะไปเที่ยวเทศกาลประจำท้องถิ่นอื่นๆ ด้วย ที่จริงการเที่ยววนงานเทศกาลต่างๆ แบบนี้เป็นสิ่งที่คนญี่ปุ่นก็ทำเช่นกัน แต่คนญี่ปุ่นอาจจะเที่ยวแค่สองถึงสามงานในช่วงวันหยุดยาว 3 วันเท่านั้น
นี่คือตารางเที่ยวเมื่อปี 2019 ของฉันเพื่อให้คุณใช้อ้างอิงได้:
3 สิงหาคม | เทศกาลดอกไม้ไฟนากาโอกะ
4 สิงหาคม | เทศกาลโมริโอกะซันสะโอโดริ
5 สิงหาคม | เทศกาลอาคิตะคันโต
6 สิงหาคม | เทศกาลเซ็นไดทานาบาตะ (ครึ่งเช้า) และ เทศกาลยามากาตะฮานากาสะ (ครึ่งเย็น)
7 สิงหาคม | เทศกาลอาโอโมริเนบูตะ (ครึ่งเช้าชมขบวนแห่โคม และช่วงครึ่งเย็นชมขบวนแห่เรือ+ดอกไม้ไฟ)
การเดินทาง
สถานี JR Shin-Aomori (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
คุณสามารถเดินทางไปยังสถานี JR Shin-Aomori (新青森駅) ได้เพียงนั่งรถไฟชินกันเซ็น 190 นาทีจากสถานี JR Tōkyō (東京駅) บนทางรถไฟสาย Tōhoku Shinkansen
การเดินทางไปยังอาโอโมริ:
- คุณสามารถเดินทางไปยังสถานี Aomori (青森駅) ได้เพียงนั่งรถไฟ 5 นาทีจากสถานี Shin-Aomori โดยใช้เส้นทางรถไฟ JR Ou Main Line
การเดินทางไปยังฮิโรซากิ:
- คุณสามารถเดินทางไปยังสถานี Hirosaki (弘前駅) ได้เพียงนั่งรถไฟ 35 นาทีจากสถานี Shin-Aomori โดยใช้เส้นทางรถไฟ JR Ou Main Line
การเดินทางไปยังโกโชกาวาระ:
- จากสถานี Shin-Aomori Station นั่งรถไฟบนทางรถไฟสาย JR Ou Main Line อีก 30 นาทีและต่อรถที่สถานี Kawabe เพื่อเดินทางต่อโดยทางรถไฟสาย JR Gono Line โดยจากสถานี Kawabe คุณสามารถนั่งรถไฟสาย JR Gono Line ไปยังสถานี Goshogawara (五所川原駅) ได้ใน 30 นาที
การเดินทางไปยังคุโรอิชิ:
- คุณสามารถเดินทางไปยังสถานี Kuroishi (黒石駅) ได้ใน 36 นาทีโดยนั่งรถไฟสาย Konan Line ของรถไฟ Konan Railway จากสถานี Hirosaki
Resort Shirakami
Resort Shirakami หนึ่งในรถไฟ Joyful Train (เครดิตรูปภาพ: JR East (ภาพบน) และ Carissa Loh (ภาพล่าง))
Resort Shirakami หนึ่งในรถไฟ Joyful Train แรกๆ ที่ให้บริการนั้นเป็นรถไฟที่วิ่งไปตามทางรถไฟสาย Gono Line เลียบไปตามชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น และเป็นรถไฟที่ให้คุณได้ชมทั้งวิวสวยงามของทะเลสีน้ำเงินไพลินและทุ่งหญ้าสีเขียวขจี รถไฟขบวนนี้วิ่งให้บริการระหว่างจังหวัดอาคิตะและอาโอโมริทุกวันโดยมีรถไฟมากถึง 3 ขบวนในขาเข้าและขาออกต่อวัน รถไฟ Resort Shirakami จะวิ่งผ่านสถานี Aomori, Shin-Aomori, Hirosaki และ Goshogawara ดังนั้นในทริปเที่ยวอาโอโมริครั้งหน้า ลองมานั่งรถไฟขบวนนี้ดูไหมคะ? คุณสามารถขึ้นรถไฟขบวนนี้ได้ฟรีถ้าคุณมีตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area)
JR EAST PASS (Tohoku area)
ตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) แบบใหม่และพื้นที่ที่ตั๋วครอบคลุม (เครดิตรูปภาพ: JR East)
ถ้าคุณกำลังจะเดินทางมาเที่ยวจังหวัดอาโอโมริและภูมิภาคโทโฮคุ ขอแนะนำ JR EAST PASS (Tohoku area) ตั๋วโดยสารราคาย่อมเยาที่สามารถใช้ขึ้นรถไฟสาย JR East ได้ไม่จำกัดรอบ (รวมรถไฟชินกันเซ็น) ในพื้นที่ที่ตั๋วครอบคลุมได้ตลอดระยะเวลา 5 วันติดกัน ด้วยราคาเพียง 20,000 เยนเท่านั้น ตั๋วนี้จึงมีราคาถูกกว่าค่าโดยสารไปกลับระหว่างโตเกียวและอาโอโมริ (~35,000 เยน) นอกจากนี้คุณยังสามารถสำรองที่นั่งบนชินกันเซ็น รถด่วนพิเศษบางขบวน และ Joyful Train ได้ฟรีผ่านช่องทางออนไลน์ที่นี่ หลังจากเที่ยวรอบอาโอโมริแล้ว คุณยังสามารถใช้ตั๋วเดียวกันนี้ในการเดินทางเที่ยวจังหวัดข้างเคียงอย่างอาคิตะ อิวาเตะ และอื่นๆ ได้อีกมากมายด้วย!
หมายเหตุ: ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2021 เป็นต้นไป ได้มีการเปลี่ยนแปลงการใช้งานและราคาของ JR EAST PASS (Tohoku area) ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
เครดิตรูปภาพส่วนหัวบทความ: Aomori Prefecture
Translated by ANNGLE