ตื่นตากับโคมไฟกว่า 10,000 ดวง และการทรงตัวสุดตระการตาในงานเทศกาลอาคิตะคันโต
การเที่ยวงานเทศกาลจัดเป็นวิธีที่ทั้งสนุกและน่าตื่นเต้นในการสัมผัสกับวัฒนธรรมและประเพณีอันมีเอกลักษณ์ของภูมิภาคอื่น จึงไม่น่าแปลกใจที่นักท่องเที่ยว (ทั้งในและต่างประเทศ) จะพากันไปเยือนพื้นที่ต่างๆ ในญี่ปุ่นเพื่อเข้าร่วม มัตสึริ (祭り เทศกาล) โดยเฉพาะเทศกาลฤดูร้อนของภูมิภาคโทโฮคุซึ่งหลายๆ งานนั้นน่าตื่นเต้นและมีชีวิตชีวามากที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว
เทศกาลอาคิตะคันโต หนึ่งในสามงานเทศกาลฤดูร้อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโทโฮคุ (เครดิตรูปภาพ: 秋田県観光連盟)
จังหวัดอาคิตะ (秋田県) หนึ่งในจังหวัดที่อยู่ทางตอนเหนือสุดของญี่ปุ่นนั้น โด่งดังจากฤดูหนาวอันแสนมหัศจรรย์ ออนเซ็น (温泉 น้ำพุร้อน) ที่ยอดเยี่ยม สุนัขอาคิตะสุดน่ารัก และที่เด็ดที่สุดก็คือ เทศกาลอาคิตะคันโต (秋田竿燈まつり อาคิตะคันโตมัทสึริ) สุดแสนตระการตา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสามเทศกาลฤดูร้อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ (東北三大夏祭り โทโฮคุ ซันได นัทสึมัทสึริ) ร่วมกับ เทศกาลเซนไดทานาบาตะ ในจังหวัดมิยางิ และ เทศกาลอาโอโมริเนบูตะ ในจังหวัดอาโอโมริ ที่คนในพื้นที่และคนต่างถิ่นตั้งตารอคอยในทุกๆ ปี
คันโตที่ดูเหมือนรวงข้าวโบกสะบัดอยู่ในอากาศ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
สำหรับจังหวัดที่ชื่อมีความหมายว่า “นาข้าวฤดูในใบไม้ร่วง” ก็ไม่น่าแปลกใจใช่ไหมละคะ ที่เทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดอาคิตะจะเกี่ยวข้องกับการเก็บเกี่ยว เทศกาลอาคิตะคันโต จัดขึ้นทุกฤดูร้อนตั้งแต่วันที่ 3-6 สิงหาคมในเมืองหลวงอาคิตะ (秋田市) จัดขึ้นเพื่อขออธิษฐานให้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้อุดมสมบูรณ์ โดยมีคันโต (竿燈 คันโต เสาไม้ไผ่ที่ติดโคมไฟ) ที่ทำให้เหมือนกับรวงต้นข้าวที่โบกสะบัดในอากาศและขับไล่วิญญาณร้ายออกไป
ที่มาของงานเทศกาล
แม้ว่าจะมีทฤษฎีต่างๆ มากมายเกี่ยวกับที่มาของงานเทศกาลนี้ แต่ทฤษฎีที่แพร่หลายที่สุดคือเทศกาลนี้มีรากฐานมาจากเทศกาลแห่งดวงดาว (七夕 ทานาบาตะ) หรือที่รู้จักในชื่อ เนบุริ นางาชิ (ねぶり流し) “เนบุริ นางาชิ” แปลว่า “ขจัดความง่วง” โดยจัดขึ้นเพื่อปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ แมลงศัตรูพืช และโชคร้ายออกไป และสวดมนต์เพื่อการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์
งานเทศกาลอาคิตะคันโต เพื่อการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ในอดีต อาคิตะเป็นจังหวัดที่เน้นเศรษฐกิจการเกษตรเป็นหลัก และผู้คนคิดว่าความง่วงนอนนั้นคล้ายกับความรู้สึกไม่สบาย เมื่อชาวนาป่วย พวกเขาจะไม่สามารถดูแลไร่นาได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเก็บเกี่ยว ดังนั้น เนบุริ นางาชิจึงมีขึ้นเพื่อขจัดความง่วงเหงาหาวนอน (สัญลักษณ์ของโรคภัยไข้เจ็บ ความโชคร้าย แมลงศัตรูพืช และสิ่งอื่นๆ ที่มีผลต่อการเก็บเกี่ยว) เพื่อให้ผู้คนมีสุขภาพแข็งแรงและปลูกพืชผลคุณภาพดีได้
การแสดงการทรงตัวอันน่าหลงใหล
ในบรรดางานเทศกาลทั้งหมดที่ฉันเคยไปมา เทศกาลอาคิตะคันโตเป็นหนึ่งในเทศกาลโปรดของฉันเสมอ ซึ่งเทศกาลนี้ไม่ใช่แค่งานเทศกาลเท่านั้น แต่ยังเป็นโชว์การแสดงด้วย และการแสดงการทรงตัวบนแท่งคันโต ก็ถือเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่งเลย ยิ่งพอคิดว่าพวกนักแสดงต้องฝึกฝนนานแค่ไหนกว่าจะเก่งและแข็งแรงขนาดนี้ก็ทำให้การชมการแสดงน่าประทับใจเอามากๆ เลยค่ะ
จากขวาบนตามเข็มนาฬิกา: สี่วิธีหลักๆ ในการประคองคันโต: หน้าผาก ไหล่ เอว และมือข้างเดียว (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ท่ามกลางเสียงเพลงบรรเลงจากขลุ่ยและกลอง และเสียงร้อง “ดกโคอิโช ดกโคอิโช!” ที่ดังกึกก้องอยู่รอบๆ คุณจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับนักแสดงมากทักษะที่ประคองคันโตให้ได้สมดุลกับส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยใช้อวัยวะหลักๆ ได้แก่ ฝ่ามือ หน้าผาก ไหล่ และเอว ว่ากันว่าเอวเป็นส่วนที่ยากที่สุด แต่นักแสดงทำแล้วดูเหมือนง่ายมากๆ เลยค่ะ!
ทักษะและศาสตร์ศิลป์ในการประคองคันโตเป็นผลจากการฝึกฝนทักษะการทรงตัวอย่างแข็งขันและที่หล่อหลอมมาเป็นเวลาหลายปี คันโต จะถูกจุดด้วยเทียน ทำให้นักแสดงไม่เพียงแต่ต้องประคองคันโตให้สมดุลเท่านั้น ยังต้องระวังไม่ทำตกเพื่อไม่ให้มีใครได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
คันโตมีหลายขนาดด้วยกัน (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
คันโต มีทั้งหมด 4 ขนาดแบ่งตามความยาว ได้แก่ โยวากะ (幼若), โควากะ (小若), ชูวากะ (中若), และ โอวากะ (大若) โดยเด็กเล็กๆ จะเริ่มจากการใช้โยวากะที่มีขนาดเล็กก่อน แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นขนาดที่ยาวขึ้นเมื่อเริ่มโตและมีความชำนาญมากขึ้น โอวากะ เป็นขนาดที่ใหญ่ที่สุด โดยจะมีโคมไฟกระดาษติดอยู่ 46 อัน มีน้ำหนักมากถึง 50 กก. และมีความยาวได้ถึง 12 เมตร
ในระหว่างงานเทศกาล จะมีคันโตมากถึง 280 แท่ง และโคมไฟกว่า 10,000 ดวงตลอดงานเทศกาลในเมืองอาคิตะ และแน่นอนว่าโคมไฟเหล่านั้นจุดไฟจริงๆ ค่ะ
สนุกไปกับงานเทศกาล
หลังจากที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับความเป็นมาของเทศกาลอาคิตะคันโตและคันโตแล้ว เราก็ไปสนุกกับเทศกาลกันเลยค่ะ!
ไปงานเทศกาลอาคิตะคันโตในปี 2011 (ซ้าย) และปี 2019 (ขวา) (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ฉันมีโอกาสได้สัมผัสกับเทศกาลอาคิตะคันโตครั้งแรกเมื่อปี 2011 ในระหว่างที่เข้าร่วมโปรแกรมอาสาสมัครในเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ที่ญี่ปุ่นตะวันออกปี 2011 ซึ่งงานอาคิตะคันโตนี้เป็นประสบการณ์ร่วมงาน มัทสึริ ครั้งแรกของฉันเลยค่ะ นับจากนั้นมา ฉันก็ตั้งตารอที่จะได้ไปอีกครั้ง และในที่สุดในปี 2019 ฉันก็ได้ไปจนได้ งานนี้ทั้งน่าประทับใจและน่าหลงใหลเหมือนกับที่ฉันจำความได้เลยละค่ะ!
การประดับตกแต่งคันโตรอบๆ สถานีอาคิตะและตัวเมืองอาคิตะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
เมื่อออกจากประตูสถานี JR Akita มา คุณจะพบกับคันโตขนาดใหญ่ที่ห้อยลงมาจากเพดานเขียนว่า “ยินดีต้อนรับสู่เทศกาลอาติตะคันโต” ซึ่งถ้าคุณมาถูกเวลาก็อาจจะได้เจอนักร้องในพื้นที่แสดงเพลงท้องถิ่นของอาคิตะที่บริเวณโถงใหญ่เหมือนกับที่ฉันเจอ และคุณจะเห็นการประดับประดาคันโตตามทางเดินและถนนหนทางทั่วทั้งเมืองอาคิตะเลยค่ะ
การแสดงคันโตในช่วงบ่าย (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
คุณอาจจะนึกภาพงานอาคิตะคันโตว่าจัดในเวลากลางคืน แต่จริงๆ แล้วงานนี้ยังมีในช่วงกลางวันซึ่งเราสามารถสนุกไปกับโชว์อันน่าตื่นเต้นได้ด้วย มุ่งหน้าไปยังจตุรัสอาโกรา (アゴラ広場 อาโกรา ฮิโรบะ) ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าเซอิบุ ซึ่งอยู่ห่างจากสถานี JR Akita เพียง 250 เมตร เพื่อชมการทรงตัวประคองคันโตและโชว์ต่างๆ ในช่วงเช้าและช่วงบ่ายได้เลย
ชมการแข่งขันที่หลากหลายในช่วงกลางวัน (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ถ้าคุณอยากชมการแข่งขันคันโตทั้งแบบเดี่ยวและแบบทีม (妙技会 เมียวงิไค) ให้ไปที่ Area Nakaichi’s Nigiwai Square (エリアなかいちにぎわい広場 เอริอา นากาอิชิ นิงิวาอิ ฮิโรบะ) บริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ศิลปะอาคิตะ (秋田県立美術館 อาคิตะ เคนริทสึ บิจุทสึคัง) การแข่งขันในช่วงกลางวันมีเงื่อนไขที่เข้มงวด แต่ก็เป็นไปเพื่อเสริมสร้างทักษะให้แก่เหล่าผู้แสดงโชว์คันโตนั่นเองค่ะ
เมื่อได้ดูการแข่งขัน คุณจะรู้สึกทึ่งในทักษะและความเชี่ยวชาญของพวกเขา และหลงใหลในความสมดุลและความมั่นคงที่สวยงามของพวกเขา ในขณะที่ขบวนพาเหรดตอนกลางคืนจะมีบรรยากาศที่สบายๆ เป็นกันเองมากกว่า โดยเป็นการแสดงเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชม
การแข่งขันเทศกาลอาคิตะคันโตในช่วงกลางวัน (秋田竿燈祭り妙技会)
วันที่: 4-6 สิงหาคมของทุกปี
เวลา: 09:20–15:40 (4-5 สิงหาคม) / 09:00–15:00 (6 สิงหาคม)
สถานที่: Area Nakaichi’s Nigiwai Square (เดิน 10 นาทีจากสถานี JR Akita)
*อิงจากข้อมูลของปี 2019 ตารางงานอาจมีการเปลี่ยนแปลง
ดอกบัวบานในฤดูร้อน (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ในช่วงกลางวัน นอกจากการฝึกซ้อมและแข่งขันไม้คันโตแล้ว คุณยังสามารถชมดอกบัวบานที่สวยงามเหล่านี้ที่ฝั่งตรงข้ามถนนอาคิตะชูโอโดริ ที่คุณน่าจะได้เดินผ่านเมื่อเดินจากสถานี JR Akita ไปยังนาคาอิจิ ดอกบัวเหล่านี้จะบานในฤดูร้อน เราจึงมักจะได้เห็นดอกบัวบานในช่วงที่มีงานเทศกาลอาคิตะคันโตนั่นเองค่ะ ระหว่างรอขบวนพาเหรดตอนกลางคืน คุณยังสามารถเที่ยวชมเมืองอาคิตะนิดๆ หน่อยๆ หรือจะหาอะไรทานรองท้องก็ได้เช่นกัน
ซุ้มอาหารในงาน Akita Gourmet Festival (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
เที่ยวงานเทศกาลทั้งทีจะขาดของกินไปได้ยังไงว่ามั้ยคะ ในช่วงที่มีเทศกาลอาคิตะคันโต จะมีพื้นที่ที่จัดไว้เป็นซุ้มอาหาร Akita Gourmet Festival ซึ่งมี ยาไต (屋台 ซุ้มอาหารริมทาง) มากมายที่จำหน่ายสรีทฟู้ดท้องถิ่นจากทั่วทั้งจังหวัดอาคิตะเลยทีเดียว
อาหารเย็นวันนี้: ยากิโซบะและปลาหมึกย่าง (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
นอกจากของโปรดของพวกเราอย่าง ทาโกยากิ (タコ焼き) เนื้อย่างเสียบไม้ และช็อกโก้บานาน่าแล้ว ของกินอีกอย่างหนึ่งที่ฮิตมากๆ เลยก็คือ ยากิโซบะ (焼きそば เส้นบะหมี่ผัด) ซึ่งมาในหลากหลายรูปแบบจากแต่ละภูมิภาค เช่น โยโกเตะ ยากิโซบะ จากเมืองโยโกเตะ และ ชตสึรุ ยากิโซบะ จากคาบสมุทรโองะ ฉันเลือกยากิโซบะ มาหนึ่งแบบกับปลาหมึกย่าง (焼きイカ ยากิอิกะ) ของโปรดตลอดกาลของฉันมากินเป็นอาหารเย็นค่ะ
ไอศกรีมบาบาเฮระ ของโปรดคู่อาคิตะมาเนิ่นนาน (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
แต่ก่อนอื่น เพื่อสู้กับอากาศร้อนๆ ในหน้าร้อน ฉันขอเริ่มต้นมื้อนี้ด้วยอะไรเย็นๆ อย่าง บาบาเฮระ ไอศกรีม (ババヘラアイス บาบาเฮระ ไอสึ) ของกินฮอตฮิตที่ทำให้นึกถึงวันวานของอาคิตะ “บาบา” แปลว่า “หญิงสูงวัย” ในภาษาถิ่น ส่วน “เฮระ” แปลว่าไม้พาย ที่คนขาย (มักจะเป็นหญิงสูงวัย) ใช้ในการตักไอศกรีม
คนขายจะใช้ไม้พายค่อยๆ ตักและปั้นไอศกรีมให้เป็นรูปดอกไม้อย่างบรรจง น่ารักมากเลยค่ะ! ไอศกรีมบาบาเฮระเป็นขนมหวานแสนอร่อยในราคาย่อมเยาเพียง 200 เยน เหมาะกับการกินสู้อากาศฤดูร้อนที่อุณหภูมิ 35–38°C ตอนที่ฉันไป
Akita Gourmet Festival (ご当地グルメフェスティバル)
วันที่: 3-6 สิงหาคมของทุกปี
เวลา: 15:00–21:30
สถานที่: พื้นที่ตรงข้ามโรงแรม E-Hotel (เดิน 15 นาทีจากสถานี JR Akita)
*อิงจากข้อมูลของปี 2019 ตารางงานอาจมีการเปลี่ยนแปลง
ทุกคนกำลังรอเวลาเทศกาลเริ่ม (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
พาเหรดช่วงเย็นจะเคลื่อนขบวนไปตามถนน คันโต โอโดริ (竿燈大通り) ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมงานแสนน่ารักอย่างคุณ A และคุณ S ที่ทำให้ฉันได้ที่นั่งในพื้นที่ที่ต้องซื้อตั๋วเข้าชม แน่นอนว่างานนี้สามารถชมได้ฟรีจากริมถนนด้วยเช่นกัน ขอแค่รีบไปจองที่ดีๆ ไว้แต่เนิ่นๆ ค่ะ! แม้ว่าขบวนพาเหรดคันโตจะเริ่มเวลา 19.25 น. แต่ฉันเห็นคนไม่ใช่น้อยมาจับจองที่ริมถนนกันตั้งแต่เวลา 17.30 น. แล้ว ไม่ว่าใครต่างก็ตื่นเต้นกับงานนี้กันทั้งนั้น
รูปบน: คันโตของ ANA, ลอว์สัน และมิตซูบิชิ รูปล่าง: สาวๆ การท่องเที่ยวอาคิตะและนายกเทศมนตรีเมืองอาคิตะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ในเวลาประมาณ 18.50 น. 35 นาทีก่อนเวลาเริ่มเดินพาเหรด นักแสดงที่ถือคันโตจะเริ่มทะยอยกันเข้ามา ซึ่งหลายคนมาจากบริษัทต่างๆ คุณอาจจะได้เห็นคันโตประดับด้วยโลโก้ที่คุ้นเคย เช่น ANA (สายการบิน), ลอว์สัน (ร้านสะดวกซื้อ), มิตซูบิชิ (ยานยนต์)... ดูคุ้นๆ ไหมคะ สาวๆ การท่องเที่ยวอาคิตะ (あきた観光レディー อาคิตะ คันโค เลดี้) รวมไปถึงนายกเทศมนตรีเมืองอาคิตะเองก็มาร่วมงานกับเขาด้วย พวกเขามาโบกมือทักทายผู้ร่วมงานก่อนที่ขบวนพาเหรดจะเริ่มขึ้น
นักแสดงกลุ่มแรกมาถึงจุดที่ฉันอยู่แล้ว (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
สิ่งหนึ่งที่ควรทราบคือ เทศกาลอาคิตะคันโตไม่เหมือนกับขบวนพาเหรดส่วนใหญ่ตรงที่มีบางจุดที่ขบวนจะหยุดอยู่กับที่ โดยเมื่อนักแสดงเดินไปถึงที่แล้วก็จะอยู่ตรงนั้นประมาณ 20 นาที ดังนั้นกลุ่มที่คุณดูจะเป็นกลุ่มเดิม และในคืนนั้นคุณอาจจะได้เห็นการเปลี่ยนกลุ่มแค่สองครั้งก็ได้ค่ะ
นักแสดงผู้มากประสบการณ์กำลังทำให้ผู้ชมตื่นตะลึง (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
นักแสดงคนหนึ่งจากกลุ่ม ABB (Akita Asahi Broadcasting) ทำให้ผู้ชมพากันตื่นตะลึงกับการแสดงที่ยอดเยี่ยม ดูสิคะว่าคันโตถูกต่อให้ยาวขนาดไหน โค้งงอมากแค่ไหน นี่คือโอวากะที่ใหญ่ที่สุดซึ่งมีโคมไฟ 46 ดวง และอย่าลืมว่าคันโตนี้จุดเทียนจริงๆ ข้างในด้วย...
แต่ถึงอย่างนั้น สุภาพบุรุษท่านนี้ก็ยังสามารถประคองคันโตไว้บนสะโพกได้ ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นส่วนที่ยากที่สุดในการทรงตัว และในขณะเดียวกันเขาก็ถือร่มในมือข้างหนึ่งและพัดในมืออีกข้างหนึ่งไปด้วย เท่านั้นไม่พอ เขายังเดินซ้ายเดินขวาไปด้วย ผู้คนส่งเสียงเชียร์เขาดังที่สุดในคืนนั้นเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าใครต่างก็ตกตะลึงและละสายตาจากเขาไม่ได้เลย
นักแสดงรุ่นจิ๋ว (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
แต่แม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญก็ยังต้องเริ่มจากศูนย์ โดยนอกจากการแสดงของนักแสดงผู้ช่ำชองแล้ว เราจะได้เพลิดเพลินไปกับการแสดงของนักแสดงรุ่นเล็กอย่างเช่นน้องคนนี้ ถึงน้องเขาจะอายุยังน้อย แต่ก็สามารถประคองคันโตไว้บนหน้าผากได้ ถ้าได้ฝึกและพัฒนาทักษะอีกสักสิบหรือยี่สิบปี ฉันเชื่อว่าเขาจะต้องเก่งกาจได้เหมือนกันค่ะ!
รถคันเดียวกันในปี 2011 และปี 2019? (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ฉันเจอรถไปรษณีย์ญี่ปุ่นสุดน่ารักคันนี้แล้วก็รู้สึกคุ้นๆ… ปรากฏว่านี่เป็นรถคันเดียวกัน (หรือรถที่เหมือนกัน) กับคันที่ฉันเห็นเมื่อปี 2011 ค่ะ รูปซ้ายเป็นรูปจากปี 2011 ส่วนรูปขวาเป็นรูปในปี 2019
ฉันชอบการกลับไปเที่ยวในสถานที่ที่ฉันเคยไปมาก่อน และได้สัมผัสกับสิ่งต่างๆ ในเวลาที่ต่างไปจากเดิม ประสบการณ์สองครั้งไม่เคยเหมือนเดิม และเรายังจะได้สังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจเคยพลาดไปในครั้งแรกอีกด้วย สักวันหนึ่งฉันก็อยากจะมาชมเทศกาลอาคิตะคันโตอีกเป็นครั้งที่สามค่ะ!
ลองถือคันโตและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหลังจบการแสดง (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
การแสดงขบวนพาเหรดเสร็จสิ้นในเวลา 20.35 น. โดยหลังจากนั้นผู้ชมสามารถพูดคุยกับนักแสดงหรือแม้กระทั่งเข้าไปดูคันโตใกล้ๆ ถ่ายรูปกับคันโตและนักแสดง รวมถึงลองถือและประคองคันโตดูได้ด้วย (ลองได้เฉพาะขนาด โยวากะ และ ชูวากะ เพื่อความปลอดภัย) งานนี้จะเสร็จสิ้นในเวลา 20.50 น. และคันโตจะถูกนำออกจากถนนไป
ขบวนพาเหรดกลางคืนในเทศกาลอาคิตะคันโต (秋田竿燈祭り夜竿燈)
วันที่: 3-6 สิงหาคมของทุกปี
เวลา: 18:50–20:50
สถานที่: คันโต โอโดริ (เดิน 15นาทีจากสถานี JR Akita)
เว็บไซต์: ภาษาอังกฤษ | ภาษาญี่ปุ่น
*Based on 2019's details. Schedule might change.
ชมคันโตในฤดูอื่นๆ นอกเหนือจากฤดูร้อน
ด้านในเนบุรินางาชิคัง (เครดิตรูปภาพ: 秋田県観光連盟)
ข่าวดีสำหรับคนที่ไม่สามารถไปอาคิตะในช่วงเทศกาลฤดูร้อนได้ คุณยังสามารถสนุกกับคันโตได้ตลอดปีที่ Akita City Folk Performing Arts Heritage Center หรือที่รู้จักในชื่อ เนบุรินางาชิคัง (ねぶり流し館) ซึ่งใช้เวลาเดินเพียง 15 นาทีจากสถานี JR Akita ที่นี่จัดนิทรรศการและมีวิดีโอเกี่ยวกับเทศกาลอาคิตะคันโต รวมถึงเทศกาลอื่นๆ ในอาคิตะให้ได้ชมกัน
ที่นี่คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทศกาล และสามารถลองประคองคันโตได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งคุณยังสามารถชมการสาธิตการประคองคันโตโดยผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมคันโตได้ในวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 13.30-14.10 น.
Akita City Folk Performing Arts Heritage Center “เนบุริ นางาชิคัง” (秋田市民俗芸能伝承館・ねぶり流し館)
ที่ตั้ง: 1-3-30 Omachi, Akita-shi, Akita 010-0921
การเดินทาง: เดิน 15 นาที จากสถานีรถไฟ JR Akita (秋田駅) ทางออกทิศตะวันตก
เวลาทำการ: 9:30–16:30 (หยุดวันสิ้นปีและช่วงปีใหม่)
ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 100 เยน
5 เทศกาลฤดูร้อนอันยิ่งใหญ่ประจำภูมิภาคโทโฮคุ
จากบนขวาตามเข็มนาฬิกา: ซันสะโอโดริ โมริโอกะ, เทศกาลเนบุตะ อาโอโมริ, เทศกาลฮานางาสะ ยามากาตะ และเทศกาลทานาบาตะ เซ็นได (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ถ้าเป็นไปได้ ฉันแนะนำให้คุณไปเที่ยวโทโฮคุในช่วงหน้าร้อนที่เมืองต่างๆ จะมีชีวิตชีวาด้วยเทศกาลต่างๆ โดยนอกจากเทศกาลอาคิตะคันโตแล้ว ในภูมิภาคโทโฮคุยังมีเทศกาลฤดูร้อนอันน่าตื่นตาตื่นใจอีกมากมายที่จัดขึ้นในสัปดาห์เดียวกัน (สัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม) ซึ่งทั้งอลังการและสนุกไม่แพ้กันเลย
ปฏิทินเทศกาลฤดูร้อนที่สำคัญๆ ของโทโฮคุ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
เทศกาลเหล่านั้นได้แก่ เทศกาลอาโอโมริเนบูตะ (青森ねぶた祭り), เทศกาลเซ็นไดทานาบาตะ (仙台七夕祭り), โมริโอกะซันสะโอโดริโมริโอกะ (盛岡さんさ踊り) และเทศกาลยามากาตะฮานากาสะ (山形花笠祭り) เมื่อรวมกับเทศกาลอาคิตะคันโตแล้วก็เป็น 5 เทศกาลฤดูร้อนอันยิ่งใหญ่ประจำภูมิภาคโทโฮคุค่ะ
และถ้าคุณตั้งใจจะไปจริงๆ ละก็ คุณสามารถไปร่วมเทศกาลทั้งหมดได้ทุกวันเลยนะคะ ในปี 2019 ฉันได้ไปเที่ยว 5 เทศกาลฤดูร้อนใหญ่ๆ นี้ รวมถึงเทศกาลดอกไม้ไฟนากาโอกะที่นีงาตะในทริปเดียว และคุณยังสามารถไปได้มากกว่านี้อีกถ้าจะไปร่วมเทศกาลท้องถิ่นอื่นๆ ด้วย ที่จริงแล้วการเที่ยวแบบเน้นชมเทศกาลต่างๆ ก็เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นชอบทำกันนะคะ แต่โดยทั่วไปแล้วอาจเที่ยวประมาณสองถึงสามเทศกาลในช่วงสุดสัปดาห์ 3 วัน
นี่เป็นแผนการเดินทางของฉันในปี 2019 สามารถใช้อ้างอิงได้ค่ะ:
03 สิงหาคม | เทศกาลดอกไม้ไฟนากาโอกะ
04 สิงหาคม | เทศกาลโมริโอกะซันสะโอโดริ
05 สิงหาคม | เทศกาลอาคิตะคันโต
06 สิงหาคม | เทศกาลเซ็นไดทานาบาตะ (ช่วงเช้า) และ เทศกาลยามากาตะฮานากาสะ (ช่วงเย็น)
07 สิงหาคม | เทศกาลอาโอโมริเนบูตะ (ช่วงเช้า พาเหรดขบวนแห่, ช่วงเย็น พาเหรดเรือ +ดอกไม้ไฟ)
การเดินทาง
รถไฟอาคิตะ ชินคันเซ็น E6 โคมาจิ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ใช้เวลาเดินทางจากสถานี JR Tōkyō (東京駅) ถึงสถานี JR Akita (秋田駅) โดยสารรถไฟหัวกระสุนบนเส้นทางรถไฟสาย Akita Shinkansen 230 นาที หากคุณตั้งใจจะไปเที่ยวเทศกาลหน้าร้อนที่โทโฮคุหลายๆ งาน แนะนำว่าให้พักปักหลักที่โมริโอกะ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนโรงแรมทุกคืนค่ะ แต่ถ้าคุณจะไปร่วมงานเทศกาลอาคิตะคันโตในช่วงกลางคืน (งานสิ้นสุดเวลา 20:50 น.) ฉันแนะนำให้ค้างคืนที่อาคิตะ เพราะรถไฟชินคันเซ็นเที่ยวสุดท้ายที่ออกจากอาคิตะจะออกเดินทางเวลาประมาณ 20:15 น.
รีสอร์ท ชิราคามิ
รถไฟ Joyful Train รีสอร์ท ชิราคามิ จะวิ่งจะหว่างอาคิตะและอาโอโมริ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ที่งานเทศกาลอาคิตะคันโต ฉันได้เห็นรถที่ใช้ในงานเทศกาลนี้ตกแต่งด้วยภาพรถไฟ รวมถึง Resort Shirakami ซึ่งเป็นหนึ่งใน Joyful Train ขบวนแรกของ JR East อีกด้วย รีสอร์ทชิราคามิวิ่งไปตามเส้นทางโกโนะเลียบชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น ทำให้คุณได้เห็นทัศนียภาพอันน่าทึ่งของทั้งทะเลสีครามและทุ่งนาเขียวขจี รถไฟวิ่งระหว่างอาคิตะและอาโอโมริเกือบทุกวัน โดยวิ่งสูงสุดวันละ 3 รอบต่อวันในขาเดียวกัน หากไปเที่ยวอาคิตะครั้งหน้าลองดูนะคะ ถ้ามี JR EAST PASS (Tohoku area) สามารถขึ้นได้ฟรีค่ะ
JR EAST PASS (Tohoku area)
ตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) แบบใหม่ และพื้นที่ที่ใช้ได้ (เครดิตรูปภาพ: JR East)
ถ้าคุณกำลังวางแผนเดินทางไปเที่ยวอาคิตะและภูมิภาคโทโฮคุ ขอแนะนำ JR EAST PASS (Tohoku area) ตั๋วเดินทางราคาย่อมเยาที่ใช้ขึ้นรถไฟได้ไม่จำกัดตามเส้นทางรถไฟ JR East (รวมถึงชินกันเซ็น) ภายในระยะเวลา 5 วันติดกัน ตั๋วนี้มีราคาเพียง 20,000 เยนเท่านั้น ซึ่งถูกกว่าค่าเดินทางไปกลับระหว่างโตเกียว-อาคิตะ (~36,000 เยน) นอกจากนี้ คุณยังสามารถสำรองที่นั่งรถไฟหัวกระสุน รถไฟด่วนพิเศษบางขบวน และ Joyful Train ผ่านทางออนไลน์ได้ฟรีล่วงหน้านานสุด 1 เดือน ที่นี่
ตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) สามารถใช้ได้กับประตูตรวจตั๋วอัตโนมัติ และผู้ที่ถือหนังสือเดินทางต่างชาติในญี่ปุ่นมีสิทธิ์ใช้ตั๋วนี้ได้เช่นกัน หลังจากเที่ยวอาคิตะแล้ว คุณยังสามารถใช้ตั๋วนี้เดินทางไปยังจังหวัดใกล้เคียงอย่างอาโอโมริ อิวาเตะ ยามากาตะ และอื่นๆ ได้
หมายเหตุ: ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2021 เป็นต้นไป ได้มีการเปลี่ยนแปลงการใช้งานและราคาของ JR EAST PASS (Tohoku area) ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
เครดิตรูปภาพส่วนหัวบทความ: JR East / Carissa Loh
Translated by ANNGLE