ทัศนียภาพแห่งขุนเขาที่เข้าถึงได้ : ฤดูกาลทั้ง 4 แห่งเส้นทางแอลป์ ทาเตยามะ–คุโรเบะ
อัปเดตเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2023
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2021
ฉันเกิดในเมืองบนเกาะที่ไม่มีภูเขา และไม่เคยเข้าใกล้มันเลยจนกระทั่งฉันอายุได้ 21 ปี เส้นทางแอลป์ ทาเตยามะ–คุโรเบะ แห่งนี้เป็นภูเขาลูกแรกที่ฉันได้เดินขึ้นไปพร้อมๆ กับที่คามิโคจิKamikochi (อีกสถานที่หนึ่งที่ได้ไปใน ทริปนี้) และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ฉันกลายเป็นคนที่หลงไหลในภูเขาและธรรมชาติ
สิ่งที่น่ามหัศจรรย์อย่างหนึ่งเกี่ยวกับเส้นทางแอลป์ ทาเตยามะ–คุโรเบะ แห่งนี้ คือ ที่นี่จะมีบางสิ่งสำหรับทุกคนเสมอ ไม่ว่าจะคุณจะอายุเท่าไร่ สมรรถภาพทางกายเป็นแบบไหน ความสนใจในการท่องเที่ยวเป็นอย่างไร จะมีเส้นทางที่ให้คนธรรมดาๆ ที่ไม่ต้องใช้กำลังกายสูงมาก สามารถชื่นชมกับบรรยากาศที่สวยงามได้ แล้วก็จะมีเส้นทางอีกหลายเส้นทางสำหรับคนที่ต้องการเห็นทัศนียภายที่สวยงามมากยิ่งขึ้น
รูปแบบการขนส่งต่างๆ ในเส้นทางเส้นทางแอลป์ ทาเตยามะ–คุโรเบะ (เครดิตรูปภาพ: ©立山黒部アルペンルート)
เส้นทางแอลป์ ทาเตยามะ–คุโรเบะ (Tateyama Kurobe Alpine Route - 立山黒部アルペンルート) เป็นเส้นทางที่น่าประทับใจลัดเลาะผ่านเทือกเขาทาเตยามะ (Tateyama Renpо̄ - 立山連峰) ซึ่งอยู่ในชายขอบของจังหวัดนากาโนะและจังหวัดโทยามะ หากต้องการจะเดินทางผ่านทั้งหมดตั้งแต่ที่โอกิซาว่า (О̄gizawa - 扇沢) จนถึงสถานีทาเตยามะ (Tateyama Station - 立山駅) เราจะต้องใช้บริการขนส่งที่แตกต่างกันทั้งหมด 6 ชนิด ความอัศจรรย์ที่คุณจะได้สัมผัสในระหว่างการเดินทางในเส้นทางนี้เป็นสิ่งที่ควรได้มาเห็นด้วยตาตัวเองอย่างน้อยสักครั้งหนึ่งในชีวิต ฉันเองได้ไปที่นี่มากกว่า 4 ครั้งนับตั้งแต่ปี 2014 จนถึงปี 2018 และฉันจะกลับไปอีกแน่นอนในอนาคตข้างหน้า
เส้นทางแอลป์ ทาเตยามะ–คุโรเบะ ในฤดูกาลที่แตกต่างกัน (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ครั้งเดียวไม่เคยพอ: ที่แห่งนี้มีสิ่งที่ให้ทำ มีสิ่งที่จะได้เห็นมากมาย และเมื่อฤดูกาลเปลี่ยนไปทัศนียภาพต่างๆที่เราจะได้เห็นก็เปลี่ยนไป! ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับเส้นทางแอลป์ ทาเตยามะ–คุโรเบะ และสิ่งที่คุณจะได้เห็นและสัมผัสระหว่างที่ได้เดินทางผ่านเส้นทางนี้ในฤดูกาลที่แตกต่างกัน รวมไปถึงจุดเดินเขาบางจุดที่น่าสนใจ การเดินทางเพื่อท่องเที่ยวภายในเส้นทาง แอลป์ ทาเตยามะ–คุโรเบะ มีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เที่ยวเดียวทั้งเส้นทาง หรือ ใช้บริการไป-กลับระหว่างสถานีทาเตยามะ(Tateyema Station) กับเขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam) หรือ ใช้บริการไป-กลับระหว่างสถานีโอกิซาว่า (Ogizawa) กับ สถานีมุโรโดะ (Murodo) แต่ที่เราจะกล่าวถึงในบทความนี้จะเป็นการแนะนำจุดที่ท่องเที่ยวที่อยู่ระหว่างเส้นทางจากสถานีนากาโนะ(Nagano) กับสถานีโทยามะ (Toyama)
รถบัสพลังงานไฟฟ้า (Kanden Trolley Electric Bus) ระหว่างสถานีโอกิซาว่ากับเขื่อนคุโรเบะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
จากจังหวัดนากาโนะไปสู่ เส้นทางแอลป์ ทาเตยามะ–คุโรเบะ ให้เรานั่งรถบัสจากสถานีเจอาร์นากาโนะ (JR Nagano Station - 長野駅) หรือ สถานีเจอาร์ชินาโนะ-โอมาจิ (JR Shinano-О̄machi Station -信濃大町駅) ไปยังโอกิซาว่า (Ogizawa) จุดตั้งต้นของเส้นทางแอลป์ ทาเตยามะ–คุโรเบะ หลังจากมาถึงที่โอกิซาว่าให้ต่อรถบัสพลังงานไฟฟ้า (Kanden Trolley Electric Bus) ไปยังเขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam) รถบัสนี้จะวิ่งผ่านอุโมงค์ซึ่งจะพาเราข้ามเขตระหว่างจังหวัดนากาโนะและจังหวัดโทยามะ
เมื่อถึงที่เขื่อนคุโรเบะ ให้ก้าวลงจากรถแล้วให้เดินขึ้นเขาไปคุณจะพบกับทางเดินที่สุดประทับใจของเขื่อนคุโรเบะซึ่งเราจะต้องเดินผ่านเส้นทางนี้เพื่อไปขึ้นกระเช้าต่อไปยังคุโรเบะไดระ (Kurobedaira) ซึ่งจะเดินไปประมาณ 15 นาที
เขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam)
เขื่อนคุโรเบะเมื่อมองจากจุดสังเกตการณ์ (Dam Observation Deck) (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
เขื่อนคุโรเบะ (Kurobe-damu, 黒部ダム) เป็นเขื่อนที่มีความสูงมากที่สุดในญี่ปุ่นด้วยความสูงถึง 186 เมตร ฟากหนึ่งของเขื่อนคุณจะเห็นเป็นทะเลสาบคุโรเบะอันเงียบสงบ (Kurobe-ko, 黒部湖) ในขณะที่อีกฟากหนึ่งคุณจะพบกับกระแสน้ำที่ถูกปล่อยออกจากเขื่อนด้วยอัตรากว่า 10 ลูกบาสก์เมตรต่อวินาที ซึ่งการปล่อยน้ำออกจากเขื่อนนี้จะเกิดขึ้นได้เฉพาะช่วงปลายเดือนมิถุนายนจนถึงประมาณต้นเดือนตุลาคมเท่านั้น ถ้าคุณโชคดีคุณอาจจะได้เห็นสายรุ้งพาดผ่านท้องฟ้าที่นี่ก็ได้นะ
การสร้างเขื่อนคุโรเบะนี้เป็นโครงการหลักของญี่ปุ่นหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง ซึ่งขณะนั้นญี่ปุ่นกำลังมีปัญหาทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากการขาดแคลนพลังงาน ด้วยขั้นตอนการก่อสร้างที่ยากลำบากทำให้มีคนงาน 171 เสียชีวิต เพื่อเป็นการระลึกถึงเขาเหล่านั้นจึงได้มีการทำอนุเสาวรีย์ไว้ที่บริเวณริมเขื่อน นอกจากนี้ยังมีนิยายที่ชือว่า “คุโรเบะ โนะ ไทโย” (Kurobe no Taiyō, 黒部の太陽) ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างเขื่อนนี้และภายหลังก็ได้ถูกหยิบมาทำเป็นภาพยนต์
ทะเลสาบคุโรเบะและเขื่อนคุโรเบะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
หากคุณต้องการสัมผัสกับทิวทัศน์ในมุมมองที่แตกต่างออกไป ลองไปนั่งเรือชมทัศนียภาพของทะเลสาบคุโรเบะซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดยที่เรือนี้เป็นเรือท่องเที่ยวที่จะเปิดบริการระหว่างเดือนมิถุนายนจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน และจากการที่ทะเลสาบนี้มีความสูงอยู่ที่ 1,448 เมตร จึงทำให้เรือท่องเที่ยวลำนี้นับเป็นเรือท่องเที่ยวที่ลอยอยู่สูงที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย
เกร็ดความรู้: เราสามารถมองตัวเขื่อนได้จากมุมสูงหากว่าเราเดินเท้าขึ้นไปต่ออีกประมาณ 220 ขั้น แต่ทว่าด้วยเวลาที่จำกัดทำให้คนส่วนมากเลือกที่จะข้ามจุดชมวิวแห่งนี้ไป จึงทำให้ที่จุดชมวิวนี้ไม่ค่อยมีผู้คนหนาแน่นมากนักและทิวทัศน์จากมุมนี้มีความสวยงามอย่างยิ่ง แนะนำให้ขึ้นมาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงโดยเฉพาะช่วงกลางถึงปลายเดือนตุลาคม
รถกระเช้าคุโรเบะ (เครดิตรูปภาพ: ©立山黒部アルペンルート)
หลังจากเดิมข้ามเขื่อนและนั่งรถกระเช้าคุโรบะอีกประมาณ 5 นาทีก็จะถึงที่คุโรเบะไดระ ซึ่งตัวรถกระเช้าจะมาจอดอยู่ที่ชั้นใต้ดินทำให้ที่นี้สามารถให้บริการได้แม้กระทั้งในช่วงที่มีหิมะตก อีกจุดหนึ่งที่แนะนำให้มาเยี่ยมชมหากต้องการชมวิวหิมะโปรปรายในช่วงเดือนพฤศจิกายน
คุโรเบะไดระ (Kurobedaira)
คุโรเบไดระ ในช่วงฤดูใบไม้ร่าง (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ที่คุโรเบะไดระ (Kurobedaira, 黒部平) เป็นสวนที่ร่มรื่นและสะดวกในการเดินเที่ยวชมเหมาะสำหรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุและเด็กเล็ก ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ( ประมาณปลายเดือนกันยายนจนถึงกลางเดือนตุลาคม) เราจะมองเห็นทิวทัศน์ของใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสีจากบริเวณหุบเขาด้านล่างไปจะถึงแนวภูเขาที่อยู่ไกลออกไป
คุโรเบไดระ ในช่วงฤดูร้อน (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
คุโรเบะไดระ ตั้งอยู่ที่ความสูง 1,828 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทำให้เราจะพบเจอกับพรรณไม้พื้นที่สูงหลากหลายชนิด ในช่วงฤดูร้อน(เดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม)ป่าเขาบริเวณนี้จะถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้เขียวขจีแต่ก็จะมีบางยอดเขาที่อยู่สูงมากๆที่ยังคงมีหิมะปกคลุมอยู่
กระเช้าลอยฟ้าทาเตยามะ (Tateyama Ropeway)
บรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีในขณะที่นั่งกระเช้าลอยฟ้า (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
จากที่คุโรเบะไดระ เราจะนั่งกระเช้าทาเตยามะ (Tateyama Ropeway) ไปอีกประมาณ 7 นาทีเพื่อขึ้นไปสู่ไดคังโบ (Daikanbо̄, 大観峰) ระหว่างที่กระเช้ากำลังเคลื่อนที่ไปยังด้านบนท่านจะได้ดื่มด่ำไปกับทิวทัศน์ที่งดงามของภูเขารอบๆ และน้ำสีมรกตของทะเลสาบคุโรเบะ
เกร็ดความรู้: หากต้องการได้วิวที่ดีที่สุดระหว่างที่นั่งกระเช้าให้นั่งติดกับหน้าต่างเข้าไว้ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีของที่นี่จะอยู่ราวๆ ต้นเดือนถึงกลางเดือนตุลาคม โดยจะเริ่มเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีส้มไล่ๆ กันไปทำให้เกิดเป็นทัศนียภาพที่น่าตราตรึงใจ หากว่าต้องการสัมผัสประการณ์ ที่น่าติ่นเต้นมากกว่านี้ให้ลองขึ้นไปต่ออีก 500 เมตรเพื่อชมบรรยากาศทิวทัศน์โดยรอบแบบ360องศา
มุมมองจากไดคังโบ (Daikanbo) (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
หากว่าคุณประสบปัญหาในการหาที่นั่งดีๆ ในกระเช้าอย่าได้เสียใจไป ที่ไดคังโบนี้คุณสามารถขึ้นไปที่จุดชมวิวด้านบนของสถานีกระเช้าลอยฟ้าที่ที่คุณจะได้เห็นมุมมองที่กว้างไกลของแนวเขาอะกาซาวะดาเกะ (Akasawadake) และทะเลสาบคุโรเบะที่อยู่ด้านล่าง
ทิวทัศน์สุดพิเศษที่สถานีมูโรโด (Murodo Terminal) - สถานีรถที่สูงที่สุด
จุดถ่ายรูปที่ “ห้ามพลาด” สถานีมูโรโด (Murodo Terminal). (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ที่ไดคังโบ ไปต่อกันที่รถบัสพลังงานไฟฟ้า Tateyama Trolley Bus ซึ่งจะนำเราลอดผ่านอุโมงค์ใต้เขาทาเตยามะ และหลังจากนั่งรถไปได้ประมาณ 10 นาที เราก็มาถึงที่สถานีมูโรโด (Murodo Terminal, 室堂ターミナル) ซึ่งเป็นจุดสูงที่สุดที่รถสามารถพาเราขึ้นไปได้
บริเวณมูโรโด อยู่บนจุดที่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,450 เมตร และเป็นจุดที่สูงที่สุดที่เราสามารถมาถึงได้ด้วยรถยนต์ของเส้นทางนี้ จากนี้ไปหากต้องการไปยังพื้นที่ที่สูงกว่านี้เราต้องเดินต่อไปด้วยตัวเอง และทันทีที่เราได้ก้าวออกจากท่ารถก็จะได้พบกับทัศนียภาพของเทือกเขาแบบแอลป์อันตระการตา
เตรียมตัวออกเดินทางสู่มูโรโด (เครดิตรูปภาพ: Carissa Loh)
บริเวณสถานีมูโรโด จะมีเส้นทางการเดินเขาหลากหลายเส้นทางแตกต่างกันตามความระดับความยากในการเดิน มีตั้งแต่เส้นทางระยะสั้นสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป หรือ เส้นทางระยะไกลหรับคนที่รักในการปีนเขา เส้นทางการปีนเขานี้เริ่มต้นจากทางเดินที่ปกคลุมไปด้วยก้อนหินซึ่งส่วนใหญ่เป็นก้อนหินที่มากจากภูเขาด้านบน เส้นทางแอลป์ ทาเตยามะ–คุโรเบะ นี้มีความตั้งใจให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและลดการใช้พลังงานให้ได้มากที่สุด โดยได้ทำการลดปริมาณสิ่งของที่เกินความจำเป็นที่จะเข้ามายังบริเวณภูเขารวมไปถึงการขนส่งที่ใช้พลังงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพลังงานไฟฟ้า หรือ รถยนต์พลังงานผสมจะไม่ได้รับอนุญาติให้ผ่านไปยังจุดเริ่มต้นของเส้นทางปีนเขา (สถานีทาเตยามะ และสถานีโอกิซาวะ)
ลิ้มรสน้ำพุอันแสนอร่อยที่มูโรโด (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ก่อนที่เราจะเริ่มการเดินเขา แวะดับกระหายกันเล็กน้อยด้วยน้ำที่มาจากน้ำพุที่บริเวณสถานีมูโรโด บ่อน้ำพุทาเตยามะ ทามาโด (Tateyama Tamadono no Yūsui, 立山玉殿の湧水) มาจากการละลายของหิมะจากยอดเขาทาเตยามะ น้ำที่นี่จะมีความเย็น ทำให้สดชื่น และอร่อยมาก! น้ำที่น้ำพุนี้จะดื่มได้ตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นช่วงที่หิมะเริ่มมีการละลายแล้ว และเนื่องจากน้ำที่นี่มาจากหิมะที่ละลายแล้วอุณหภูมิของมันจะอยู่ที่ประมาณ 2-5 องศาเซลเซียสตลอดทั้งปีไม่เว้นแม้แต่ในฤดูร้อน
เดินป่าไปยังบ่อน้ำมิคุริกะอิเกะ (Mikurigaike Pond) และพื้นที่รอบๆ
พันธุ์ไม้ดอกแห่งขุนเขาในฤดูร้อน (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ฤดูร้อนเป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ที่เราจะได้เห็นภาพภูเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยพรรณไม้สีเขียวและดอกไม้อันหลากหลายสายพันธุ์ และนี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ฤดูร้อนเป็นฤดูที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้คนที่หลงไหลในธรรมชาติได้เดินทางไกลหรือปีนเขาขึ้นไปยังจุดที่สูงขึ้นไปด้านบน ที่มูโรโดแห่งนี้จะมีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณตัวเมืองด้านล่างประมาณ 15 องศาเซลเซียส หรือแม้กระทั่งในฤดูร้อนอุณหภูมิสูงสุดของที่นี่จะอยู่ที่ประมาณ 18 องศาเซลเซียสเท่านั้น
บ่อน้ำมิคุริกะอิเกะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
เดินทางออกมาจากสถานีมูโรโด ได้ประมาณ 20 นาที เราก็จะเจอกับบ่อน้ำมิคุริกะอิเกะ (Mikurigaike Pond, みくりが池) บ่อน้ำสีฟ้าที่ใสซะจนสะท้อนเห็นเงาของก้อนเมฆบนท้องฟ้าได้ ทะละสาบบนปากปล่องภูเขาไฟแห่งนี้เป็นจุดถ่ายรูปที่ไม่ควรพลาดแห่งหนึ่งของที่มูโรโดนี้ ในบางความเชื่อบ่อน้ำมิคุริกะอิเกะถูกนับเป็นส่วนหนึ่งใน“ห้องครัวของเทพเจ้า” เนื่องจากเชื่อว่าน้ำจากบ่อน้ำแห่งนี้ถูกนำไปประกอบอาหารให้แก่เทพเจ้าที่อาศัยอยู่ด้านบนของภูเขา
บ่อน้ำมิคุริกะอิเกะในแต่ละฤดูกาล (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
จากการที่บ่อน้ำมิคุริกะอิเกะนี้อยู่บนความสูงกว่า 2,400 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทำให้รอบๆ บ่อจะมีหิมะและน้ำแข็งเกาะอยู่แม้กระทั่งในฤดูร้อนก็ตาม(จากรูปด้านบนและด้านขวา) ในช่วงเดือนตุลาคม(รูปด้านซ้าย)ที่บริเวณยอดเขาถูกปกคลุมด้วยสีขาวอันมาจากหิมะที่เริ่มตกในเดือนนี้ และจุดดึงดูดใจที่สุดของที่นี่ ก็คือภาพสะท้อนของภูเขาและท้องฟ้าจากพื้นน้ำในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง
เส้นทางเดินเขาไรโจซาวะ (Raichozawa Hiking Course)
สีสันอันหลากในช่วงฤดูใบไม่ร่วงที่ไรโจซาวะ (เครดิตรูปภาพ: ©立山黒部アルペンルート)
จากที่บ่อน้ำมิคุริกะอิเกะเราออกเดินทางต่อไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมงก็จะถึงที่ไรโจซาวะ (Raichо̄zawa, 雷鳥沢). ที่นี่นับเป็นที่ได้รับความนิยมสำหรับการกางเต้นท์ในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงประกอบกับภาพของภูเขาสูงตระหง่านที่อยู่รอบๆ ตัวเรา นอกจากการกางเต้นท์แล้วที่นี่ยังมีบ้านพักที่ให้บริการพักค้างคืนอยู่ด้วยและบ้านพักทุกที่ยังมีบ่อน้ำพุร้อนให้บริการด้วย น้ำพุร้อนบางบ่ออาจนับได้ว่าเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นได้เลยนะ! สำหรับการเดินทางไป-กลับจากที่สถานีมูโรโด-ไรโจซาวะ-สถานีมูโรโด จะใช้เวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมง
เส้นทางเดินเขาภูเขาโอยามะ (Mount Oyama Hiking Course)
ยอดเขาภูเขาโอยามะ (เครดิตรูปภาพ: (公社)とやま観光推進機構.)
สำหรับท่านที่ชื่นชอบในการปีนเขาแล้ว ที่สถานีมูโรโดจะมีอีกเส้นทางที่ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการเดินทางไปยังจุดสูง 3,003 เมตรของยอดเขาโอยามะ จุดสูงสุดแห่งหนึ่งของเทือกเขาทาเตยามะ ที่บริเวณยอดเขาโอยามะ จะมีศาลเจ้าขนาดเล็กตั้งอยู่และว่ากันว่าในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งคุณจะมองไกลได้จนเห็นภูเขาไฟภูจิ Mount Fuji เลย ขากลับเราจะใช้เวลาลงเขาประมาณ 1ชั่วโมง 40 นาที
สิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติที่มูโรโด
ภาพไก่ป่า (raicho) แม่-ลูก (เครดิตรูปภาพ: ©立山黒部アルペンルート)
ผู้ที่ชื่นชอบในสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติอาจจะตื่นเต้นที่ได้พบเจอกับเจ้าไก่ป่าหิมะ (ptarmigan) ที่บริเวณภูขาทาเตยามะ ซึ่งโดยปกติแล้วพวกมันจะมักหลบซ่อนอยู่ เจ้านกเหล่านี้มีชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า ไรโช (raichо̄, 雷鳥) ซึ่งหากแปลตามตัวอักษรแล้วจะได้คำว่า “นกสายฟ้า”สาเหตุที่เจ้านี่ได้รับชื่อนี้เพื่อที่ว่าจะได้ไม่ถูกกิน พวกมันจะออกมาเฉพาะในช่วงที่อากาศไม่ปกติ(ช่วงที่มีพายุฝน) ดังนั้นเมื่อเราได้ยินเสียงฟ้าร้องหรือฟ้าผ่าจะเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้เห็นเจ้านกเหล่านี้ เจ้านกไรโชนี้ป็นสายพันธุ์ที่ได้รับการคุ้มครองในญี่ปุ่นและบางครั้งได้รับการกล่าวถึงในฐานะผู้ส่งสารของเทพเจ้า มีความเชื่อว่าเจ้านกนี้จะนำความสุขมาให้แก่ผู้ที่โชคดีเพียงพอที่จะพบเจอมัน
เรียนรู้เกี่ยวกับนกไรโชได้ที่ Tateyama Nature Conservatory Center (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ยินดีต้อนรับสู่เมืองแห่งไก่ป่า! ศูนย์อนุรักษ์ธรรมชาติทาเตยามะ (Tateyama Nature Conservatory Center, 立山自然保護センター) เป็นสถานที่ที่อุทิศตนเพื่อธรรมชาติซึ่งตั้งอยู่ที่สถานีมูโรโด ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะให้ความรู้และข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับสายพันธุ์ของนกไรโชที่แตกต่างกันทั่วโลก และสิ่งมีชิวิตอื่นๆที่อยู่บริเวณเทือกเขาทาเตยามะ รวมไปถึงข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของภูเขาไว้ด้วย หากสนใจข้อมูลแผ่นพับภาษาอังกฤษสามารถกดเข้าไปได้ ที่นี่
การพักค้างคืนที่มูโรโด
พักค้างคืนที่มูโรโดเพื่อประสบการณ์ที่แตกต่าง (เครดิตรูปภาพ: Hotel Tateyema)
แม้ว่ามูโรโดจะอยู่ในพื้นที่สูง แต่ก็ยังมีโรงแรม บ่อน้ำร้อน ที่พักแรมขนาดเล็ก และพื้นที่สำหรับการกางเต้นท์บริการไว้สำหรับนักเดินทาง และสำหรับผู้ที่ต้องการดื่มด่ำกับบริเวณนี้มากขึ้นไปอีก เราแนะนำให้ลองพักค้างคืนที่มูโรโด ก่อนที่จะเข้านอนให้ลองเดินเล่นด้านนอกที่พักสักหน่อยแล้วจะพบกับหมู่ดาวที่อยู่เต็มท้องฟ้าซึ่งจะทำให้คุณเห็นถึงความอัศจรรย์และน่าตราตรึงใจ และในตอนเช้าคุณสามารถขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นจากยอดเขา (goraikо̄, ご来光) ได้ด้วย
พื้นที่อันงวดงามที่ปกคลุมไปด้วยหิมะในฤดูใบไม้ผลิและฤดูหนาว
กำแพงหิมะในช่วงกลางเดือนเมษายน (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
แนวเทือกเขาทาเตยามะเป็นเทือกเขาหิมะที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งจะทำการเปิดในเข้าชมได้เฉพาะในช่วงกลางเดือนเมษายนไปจนถึงช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนของทุกปี โดยปกติแล้วหิมะที่มูโรโด จะเริ่มตกในช่วงปลายเดือนตุลาคมซึ่งจะทำให้มีปริมาณหิมะจำนวนมาก ดั้งนั้นเส้นทางนี้จะถูกปิดการใช้งานในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนไปจนกระทั่งกลางเดือนเมษายน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากว่าที่นี่ตั้งอยู่บนพื้นที่สูง แม้ว่าจะอยู่ในช่วงเดือนเมษายนไปจนเดือนกรกฎาคมคุณก็ยังจะสามารถเข้ามาชมบรรยากาศเสมือนฤดูหนาวได้ที่มูโรโดนี้ และช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงที่คุณจะเห็นสัญลักษณ์แห่งหนี่งของเส้นทาง เทือกเขาแอลป์ ทาเตยามะ–คุโรเบะ ซึ่งก็คือ “กำแพงหิมะ” (Yuki no О̄tani, 雪の大谷) ก่อนที่จะมีการเปิดการใช้งานเส้นทางนี้ตามกำหนดการณ์ จะมีการนำเครื่องจักร์มาไถหิมะเพื่อเป็นการคลียร์เส้นทางให้รถบัสวิ่งได้ โดยที่หิมะจำนวนมากจากขั้นตอนนี้จะถูกนำไปกองไว้บริเวณสองข้างถนนจนเกิดเป็นกำแพงขนาดใหญ่ จุดสูงสุดของกำแพงที่เคยวัดได้อยู่ที่ประมาณ 20 เมตร นับเป็นจุดที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างแท้จริง ฉันเคยมาที่นี่ในช่วงกลางเดือนเมษายนแต่ที่มูโรโดแห่งนี้อุณหภูมิอย่างที่ประมาณมาณ -7องศาสเซลเซียส และก็มีหิมะตกอยู่ด้วย
กำแพงหิมะในช่วงอากาศดีๆ (เครดิตรูปภาพ: (公社)とやま観光推進機構)
เกร็ดความรู้: ช่วงเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนมิถุนายนเป็นเวลาที่มีโอกาศที่จะเจอกับสภาพอากาศที่ดีที่สุดสำหรับการชมกำแพงหิมะ แม้ว่ากำแพงที่สูงที่สุดจะพบได้ในช่วงเดือนเมษายนแต่ทว่าสภาพอากาศในช่วงนั้นยังไม่ค่อยเหมาะสมเนื่องจากยังคงมีหิมะตกอยู่เรื่อยๆ
ในช่วงเดือนพฤษภาคมจะมีวันที่อากาศปลอดโปร่งมากกว่าหากเทียบกับตอนเดือนเมษายนแล้วตัวกำแพงก็ยังคงระดับความสูงอยู่ อย่างไรก็ตามเดือนนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่มีคนแออัดอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันหยุด Golden Week ตอนต้นเดือนพฤษภาคม สำหรับในช่วงเดือนมิถุนายนเนื่องจากอากาศเริ่มร้อนขึ้น, หิมะเริ่มมีการละลายและตัวกำแพงที่ไม่ได้สูงเท่ากับเมื่อตอนเดือนพฤษภาคม(แต่ก็ยังมีความสูงกว่า 10 เมตรอยู่นะ) ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงเดือนมิถุนายนมีจำนวนน้อยกว่าดังนั้นหากไม่ต้องการมาเจอกับความแออัดลองมาเที่ยวในช่วงเดือนนี้ดูนะ
บรรยากาศอันงดงามที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ (เครดิตรูปภาพ: (公社)とやま観光推進機構)
ในช่วงเวลาที่อากาศไม่ดีหรือมีหิมะตกอย่างหนักรถบัสหลายๆสายที่ให้บริการระหว่างบิโจไดระ (Bijodaira) ท่ารถมูโรโด ที่มาจากทางจังหวัดโทยามะจะถูกยกเลิกหรือไม่ก็มีความล่าช้า ในขณะทางฝั่งจังหวัดนากาโนะซึ่งจะเป็นรถกระเช้า หรือรถที่วิ่งในอุโมงค์จะยังมีการบริการได้ตามปกติแม้ในช่วงเวลาที่อากาศแปรปรวน ดังนั้นหากต้องการที่จะไปให้ถึงที่มูโรโดในช่วงที่มีหิมะตก การมาจากทางฝั่งจังหวัดนากาโนะถือได้ว่าปลอดภัยที่สุด
การเดินเขารอบๆ มิดากาะฮาระ (Midagahara) และพื้นที่ชายเลนบนเทือกเขา
เส้นทางเดินป่าชมวิวง่ายๆที่มิดากาฮาระ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
การเดินทางระหว่างมูโรโดไปยังบิโจไดระจะเป็นรถบัส ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนั่งรถบัสตรงยาวไปบิโจไดระเลย แต่ทว่าหากคุณเป็นคนที่นิยมชมชอบกับธรรมชาติเป็นอย่างยิ่งแล้วหละก็เราขอแนะนำให้แวะลงที่มิดากาฮาระ (Midagahara, 弥陀ヶ原) สักหน่อย
จากที่ตั้งอยู่บนพื้นที่สูง 1,930 เมตรจากระดับน้ำทะเล บิโจไดระ เป็นพื้นที่ชายเลนบนภูเขาที่สวยงามและง่ายต่อการเดินชมด้วยเส้นทางเดินที่ทำมาจากไม้ และเนื่องจากอยู่บนพื่นที่สูงอุณหภูมิของที่นี่จะต่ำกว่าพื้นที่ด้านล่างอยู่ประมาร 10 องศาเซลเซียส ทำให้ที่นี้เป็นที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเดินเขาในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง
ทะเลเมฆมิดากาฮาระ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ในฤดูใบไม้ร่วง สีของใบไม้ต่างๆ เริ่มเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีส้ม และสำหรับในวันที่อากาศแจ่มใส่คุณจะได้พบกับทะเลเมฆ (unkai, 雲海) หนึ่งในเหตุผลหลักๆ ที่ฉันชื่นชอบกับการปีนป่ายภูเขาสูง คือความรู้สึกที่ได้อยู่สูงเหนือก้อนเมฆที่ล่องลอยอยู่ และที่มิดากาฮาระแห่งนี้ฉันไม่จำต้องปีนขึ้นไปบนยอดเขา แค่เพียงเดินไปตามทางเรียบๆ เท่านั้นฉันก็สามารถเห็นทะเลเมฆได้แล้ว!
เด็กโรงเรียนประถมที่มาทัศนาจรบริเวณเส้นทางเทือกเขาแอลป์ ทาเตยามะ–คุโรเบะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
สิ่งหนึ่งที่ฉันค่อนข้างชื่นชมเกี่ยวกับญี่ปุ่น คือ วิธีปลูกฝังความรักและความนับถือต่อธรรมชาติ สู่เด็กๆตั้งแต่อายุน้อยๆ ฉันได้ยินมาว่าโรงเรียนมัธยมหลายแห่งในจังหวัดนากาโนะพานักเรียนขึ้นมาปีนเขาที่ภูเขาสึบาคุโร (Mount Tsubakuro) และฉันได้ยินจากเจ้าหน้าที่เทือกเขาแอลป์ ทาเตยามะ–คุโรเบะ บอกว่านักเรียนชั้นประถมเกือบทั้งหมดในโทยามะจะต้องไปเยี่ยมทัศนะศึกษาเส้นทาง เทือกเขาแอลป์ ทาเตยามะ–คุโรเบะ กับทางโรงเรียนของพวกเขาเพื่อไปปีนเขาด้วย ระหว่างการเยี่ยมชมครั้งแรกในเดือนกรกฎาคมปี 2011 ฉันเห็นเด็ก ๆ จำนวนไม่น้อยที่มีหมวกสีเหลืองโดดเด่นรอบ ๆ มิดากาฮาระ
ป่าซีดาร์และน้ำตก
ต้นซีดาร์ขนาดใหญ่และน้ำตกโชเมียว เมื่อออกมาจากรถบัส (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
หลังจากเดินเขารอบๆ มิดากาฮาระเสร็จแล้ว เราก็เดินทางด้วยรถบัสต่อไปยังบิโจไดระ ซึ่งใช้เวลาอีกประมาณ 30 นาที ซึงเราจะผ่านจุดสัญลักษณ์ของที่นี่ไม่ว่าจะเป็นต้นซีดาร์ขนาดใหญ่ รวมไปถึงน้ำตกโชเมียว (Shōmyō-daki, 称名滝) ที่มีความสูงกว่า 350 เมตรและนับได้ว่าเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น เนื่องจากว่าน้ำที่ตกลงมาส่วนมากจะเป็นหิมะที่ละลายจากยอดเขาทาเตยามะดังนั้นน้ำตกนี้จะมีน้ำเยอะที่สุดในช่วงฤดูร้อน
น้ำตกโชเมียวกับสายรุ้ง(ซ้าย) และ น้ำตกฮันโนกิ (ขวา) (เครดิตรูปภาพ: 公社)とやま観光推進機構 (ซ้าย), JNTO (ขวา))
น้ำตกฮันโนกิ (Hannoki Falls, ハンノキ滝) ที่อยู่ติดกันจะพบได้ในช่วงระหว่างเดือนเมษายนจนถึงเดือนกรกฎาคมเท่านั้น ด้วยความสูง 500 เมตรนับได้ว่าเป็นน้ำตกตามฤดูกาลที่สูงที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งคุณจะเห็นน้ำตกได้จากรถบัสขณะวิ่งผ่านไป หรือหากว่าคุณต้องการเข้าไปใกล้มากกว่านี้สามารถนั่งรถบัสจากสถานีทาเตยามะ (Tateyama Station) ไปยังที่ป้ายน้ำตกโชเมียว (Shomyo Falls Bus Stop) จากนั้นเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 30 นาทีจนถึงจุดชมวิวของน้ำตก ค่ารถบัสอยู่ที่ เที่ยวละ 500 เยนต่อคน และ รถจะวิ่งชั่วโมงละ 1 คันในช่วงปลายเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน
ต้นซีดาร์ “บิโจสุกิ” (เครดิตรูปภาพ: ©立山黒部アルペンルート)
บิโจไดระ (Bijodaira, 美女平) หมายถึง ”ที่ราบแห่งหญิงงาม” มีชื่อเสียงในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ที่ต้นบีชและต้นซีดาร์ของทาเตยามะ โดยทั่วไปแล้วที่นี้โด่งดังจากต้น“บิโจสุกิ” (bijosugi, 美女杉) หรือต้นซีดาร์สาวสวย ซึ่งเชื่อว่าจะอวยพรให้คู่รักมีความสุข ในขณะที่ซีดาร์ต้นอื่นๆ ของบริเวณนี้มีอายุเก่าแก่และมีขนาดใหญ่บางต้นสูงกว่า 30 เมตร และบางต้นคาดว่ามีอายุมากกว่า 1,000 ปี
บริเวณรอบๆ สถานี จะมีเส้นทางเดินเขาประมาณ 2–4 กิโลเมตร(ใช้เวลาประมาณ 1–2.30 ชั่วโมง) ซึ่งคุณจะได้เดินชมบรรยากาศและเข้าไปชื่นชมกับต้นซีดาร์โบราณในระยะใกล้ และถ้าคุณโชคดีมากพอคุณอาจจะได้พบเจอกับสัตว์ที่พบได้ที่บริเวณเท่านั้นอย่างเช่น เจ้าตัวเลียงผาญี่ปุ่นเป็นต้น
รถเคเบิ้ลคาร์ทาเตยามะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
จากที่บิโจไดระ จะใช้เวลาอีกประมาณ 7 นาทีด้วยรถเคเบิ้ลคาร์ทาเตยามะ (Tateyama Cable Car) รถกระเช้าไฟฟ้าอีกเจ้าหนึ่ง ไปที่สถานีทาเตยามะ (Tateyama Station) และจากที่สถานีทาเตยามะ คุณสามารถนั่งรถบัสประมาณ15 นาทีไปยังน้ำตกโชเมียว หรือ นั่งรถไฟโทยามะชิโฮะ (Toyama Chiho Railway) 1 ชั่วโมงไปยังเมืองโทยามะ (Toyama City) ได้
เมืองทากาโอกะ และ เมืองโทยามะ กับแนวเทือกเขาทาเตยามะที่อยู่เบื้องหลัง (เครดิตรูปภาพ: 公社)とやま観光推進機構)
ในพื้นที่ของจังหวัดโทยามะ ความตระการตาของแนวเทือกเขาทาเตยามะ ก่อให้เกิดฉากหลังที่งดงามในหลายๆเมือง อย่างเช่นที่เมืองทากาโอกะ หรือ เมืองโทยามะแนะนำว่าหลังจากที่ได้เดินทางผ่านเส้นทางเทือกเขาแอลป์ ทาเตยามะ–คุโรเบะ แล้วให้ลองมาพักผ่อนที่เมืองเหล่านี้พร้อมกับลิ้มรสอาหารทะเลจากอ่าวโทยามะ
เส้นทางเทือกเขาแอลป์ ทาเตยามะ–คุโรเบะ เต็มไปด้วยบรรยากเทือกเขาที่แสนงดงามและเหมาะกับนักท่องเที่ยวหลายหลายระดับ ทั้งคนที่ชื่นชอบในการเดินเขาหรือคนที่ไม่ชอบการเดินไกลๆ ทั้งวัยรุ่นและผู้สูงอายุ ทั้งคู่รัก เพื่อนฝูง ครอบครัว หรือคนที่เดินทางคนเดียว ที่นี่จะนำเขาเหล่านั้นไปยังทิวทัศน์บนพื้นที่สูงที่โดยทั่วไปแล้วยากต่อการเข้าถึง เส้นทางเทือกเขาแอลป์ ทาเตยามะ–คุโรเบะ เป็นส่วนผสมที่ลงตัวอย่างแท้จริง และเราหวังว่าคุณจะไปเยี่ยมชมที่นั้นในสักวันหนึ่ง
การเดินทาง
เส้นทางเทือกเขาแอลป์ ทาเตยามะ–คุโรเบะ (กดที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่) (เครดิตรูปภาพ: ©立山黒部アルペンルート)
เส้นทางเทือกเขาแอลป์ ทาเตยามะ–คุโรเบะ อยู่ระหว่างเมืองโอกิซาวะ (Ogizawa) ในจังหวัดนากาโนะ (Nagano) และ สถานีทาเตยามะ (Tateyama Station) ในจังหวัดโทยามะ (Toyama) สามารถเข้าถึงได้จากสถานทีโทยามะ (Toyama Station, 富山駅) ในจังหวัดโทยามะ หรือ สถานี ชินาโน-โอมาจิ (Shinano-О̄machi Station, 信濃大町駅) หรือ สถานีนากาโนะ (Nagano Station, 長野駅) ในจังหวัดนากาโนะ
จากจังหวัดนากาโนะ
- จากสถานีเจอาร์นากาโนะ (JR Nagano Station) นั่งรถบัสประมาณ 100 นาที ไปยังสถานีโอกิซาวะ (Ogizawa, 扇沢) จุดเริ่มต้นของเส้นทางเทือกเขาแอลป์ ทาเตยามะ–คุโรเบะ จากทางจังหวัดนากาโนะ หรืออีกทางเลือกหนึ่งให้นั่งรถบัสประมาณ 40 นาทีจากสถานีเจอาร์ชินาโนะ-โอมาจิ (JR Shinano-Omachi Station) ไปยังสถานีโอกิซาวะ (Ogizawa, 扇沢)
จากจังหวัดโทยามะ
- จากสถานีเดนเท็ตซึ-โทยามะ (Dentetsu-Toyama Station) ซึ่งอยู่ติดกับสถานีเจอาร์โทยามะ (JR Toyama Station) นั่งรถไฟโทยามะ-ชิโฮ (Toyama Chiho Railway) ไปยัง สถานีทาเตยามะ (Tateyama Station, 立山駅) จุดเริ่มต้นจากทางฝั่งจังหวัดโทยามะ
จากโตเกียว
- นั่งรถไฟโฮคุริกุชินคังเซนประมาณ 1.30 ชั่วโมง (Hokuriku Shinkansen) จากสถานีเจอาร์โตเกียว (JR Tokyo Station) ไปยัง สถานีเจอาร์นากาโนะ (JR Nagano Station) หรือ 2 ชั่วโมงไปลงที่สถานีเจอาร์โทยามะ (JR Toyama Station) แล้วไปต่อรถตามจุดเริ่มต้นตามฝั่งที่เลือกไว้
Hokuriku Arch Pass ที่ใช้งานได้รอบๆบริเวณภูมิภาคโฮคุริกุ (เครดิตรูปภาพ: JR East.)
ถ้าหากว่าคุณมาจากทางโตเกียวหรือโอซาก้า การใช้งานตั๋วพิเศษของของทาเตยามะ-คุโรเบะภายในระยะเวลา 7 วัน Hokuriku Arch Pass จะช่วยให้คุณประหยัดงบได้มากขึ้น ดูบทความเพิ่มเติมของฉัน สำหรับข้อมูลรูปแบบการเดินทางสำหรับ 7 วันบริเวณภูมิภาคโฮคุริกุด้วยบัตรโดยสาร Hokuriku Arch Pass.
เครดิตรูปภาพส่วนหัวบทความ: (公社)とやま観光推進機構