Rail Travel

ทั้งหมดขึ้นรถ!สำรวจค้นหาไปกับรถไฟหัวรถจักรไอน้ำของญี่ปุ่น

ทั้งหมดขึ้นรถ!สำรวจค้นหาไปกับรถไฟหัวรถจักรไอน้ำของญี่ปุ่น

กลุ่มเมฆหมอกของไอน้ำขยายออกจากปากปล่อง การออกแบบอันย้อนยุคของหม้อไอน้ำของเครื่องจักรไอน้ำและเสียงที่คุ้นเคยของเครื่องยนต์ดังฉึกฉัก เมื่อคุณอ่านคำเหล่านี้แล้วอะไรคือสิ่งที่คุณนึกถึงในใจ สำหรับคุณส่วนใหญ่แล้วมันคือรถไฟหัวรถจักรไอน้ำ (SL) ไม่เหมือนกับรถไฟสมัยใหม่ รถไฟหัวรถจักรไอน้ำ SL ใช้เชื้อเพลิงอย่างเช่นถ่านหินซึ่งถูกเผาเพื่อให้ความร้อนแก่น้ำในหม้อไอน้ำ และเดินเครื่องจักรไอน้ำที่อยู่บริเวณข้างหน้าและขับเคลื่อนรถไฟให้ไปข้างหน้า

 

รถไฟหัวรถจักรไอน้ำ (SL) ขบวนแรกของญี่ปุ่นคือรุ่น 110 จากอังกฤษซึ่งมาถึงญี่ปุ่นในปี 1872 และวิ่งระหว่างโตเกียวและโยโคฮาม่า ในปี 1911 ญี่ปุ่นสร้างรถไฟหัวรถจักรไอน้ำภายในประเทศได้เป็นครั้งแรก และหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 (1914-1918) รถไฟหัวรถจักรไอน้ำจำนวนมากได้ถูกผลิตขึ้นภายในประเทศ แต่เนื่องจากผลกระทบของมันต่อสิ่งแวดล้อมและเรื่องประสิทธิภาพของพลังงาน ทำให้รถไฟหัวรถจักรไอน้ำค่อยๆหลีกทางให้รถไฟสมัยใหม่ที่วิ่งด้วยไฟฟ้า โดยเฉพาะในเขตเมืองที่ซึ่งระบบรถไฟเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้า ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 รถไฟหัวรถจักรไอน้ำได้ถูกปลดประจำการจากเส้นทางรถไฟจำนวนมาก และในปี 1975 โดยพื้นฐานแล้วรถไฟหัวรถจักรไอน้ำได้ถูกเลิกยุติสิ้นสุด ด้วยขบวนสุดท้ายได้หยุดการให้บริการบนเส้นทางรถไฟสาย Muroran Main Line (室蘭本線) ในฮอกไกโด โชคยังดีที่บางรถไฟหัวรถจักรไอน้ำได้ถูกนำกลับมาให้บริการอีกเมื่อไม่นานมานี้เพราะความต้องการอย่างเป็นที่นิยม และผู้คนยังสามารถนั่งพวกมันได้ในปัจจุบัน

 

การดำเนินงานเครื่องจักรไอน้ำ (ซ้าย) และการเติมถ่านหินบนรถไฟหัวรถจักรไอน้ำ (SL) (ขวา) (เครดิตภาพ: JR Kyushu (ซ้าย) และ JR East / Carissa Loh (ขวา))

 

รถไฟหัวรถจักรไอน้ำที่ยังให้บริการอยู่ในญี่ปุ่นนั้นเป็นของหายากไม่ใช่เพียงเพราะว่ามีรถไฟสมัยใหม่ แต่ยังเป็นเพราะว่าการบำรุงรักษาและการดำเนินงานที่ยุ่งยากอย่างยิ่ง ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลของรถไฟยังเก่าและมีแนวโน้มที่จะสึกหรอและพังได้ ดังนั้นต้องตรวจสอบเป็นประจำเพื่อให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัยและใช้งานได้ และเนื่องจากไอน้ำถูกใช้ในการเดินรถไฟ ดังนั้นต้องตรวจสอบการรั่วของไอน้ำและน้ำทั้งหมด หลายส่วนของรถไฟเป็นระบบอนาล็อกที่ซึ่งต้องตรวจสอบดูโดยคนเพื่อมั่นใจว่าส่วนเหล่านั้นทำงานได้อย่างถูกต้อง การเดินรถไฟหัวรถจักรไอน้ำนั้นพนักงานเดินรถต้องได้รับการฝึกและผ่านการคัดเลือกเพื่อทราบว่าต้องเติมน้ำและถ่านหินอย่างไรเพื่อให้รถไฟวิ่งต่อไป

 

มันเต็มไปด้วยงานหนักจำนวนมากอย่างน่าทึ่งเพื่อดำเนินการวิ่งรถไฟเหล่านี้ ดังนั้นครั้งหน้าที่คุณนั่งรถไฟของเก่าทางประวัติศาสตร์เหล่านี้ โปรดจำไว้ว่าควรแสดงความขอบคุณให้กับผู้คนที่ใส่ใจและจิตรวิญญาณลงไปในการทำให้รถไฟเหล่านี้วิ่งได้ต่อไป

 

รถไฟหัวรถจักรไอน้ำที่วิ่งอยู่ในปัจจุบันนั้นเป็นเส้นทางรถไฟที่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเขตชนบท แทนที่จะให้บริการในเขตเมืองอันอึกทึกครึกโครมที่ความเร็ว ประสิทธิภาพและความตรงเวลาของรถไฟเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง รถไฟหัวรถจักรไอน้ำวิ่งบนเส้นทางรถไฟสายที่อยู่ในชนบทที่ซึ่งผู้โดยสารสามารถปล่อยใจจากชีวิตที่เร่งรีบและเพียงแค่สนุกไปกับวิวทิวทัศน์ที่ผ่านไปจากหน้าต่างรถไฟ การเดินทางท่องเที่ยวช้าๆข้ามไปตามชนบท เสียงปลอบประโลมทำให้สงบที่คุ้นเคยของไอน้ำจากรถไฟช่วยพัดให้คุณออกจากความเครียด และจังหวะการเคลื่อนตัวของรถไฟที่ปล่อยเสียงฉึกฉักวิ่งข้ามชนบทนั้น เหล่านี้เป็นลักษณะบางอย่างที่ประเมินค่าไม่ได้ของการเดินทางแบบย้อนยุคที่รถไฟหัวรถจักรไอน้ำสามารถให้ได้

 

แผนที่เส้นทางรถไฟหัวรถจักรไอน้ำในญี่ปุ่น (เครดิตภาพ: JR Times)

 

สำหรับบทความนี้ เรากำลังจะศึกษามากขึ้นเกี่ยวกับรถไฟหัวรถจักรไอน้ำที่แตกต่างกันทั่วญี่ปุ่นที่เรายังสามารถนั่งได้ในปัจจุบัน แต่ละขบวนมีเอกลักษณ์และเสน่ห์ที่ดึงกลับไปในอดีตของการเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟและผู้โดยสารจะรู้สึกเหมือนกับได้เดินทางกลับไปในเวลาที่เคยได้ขึ้นรถย้อนยุคเหล่านี้ ในขณะเดียวกันผู้โดยสารก็ได้ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยที่สุดขณะที่นั่งรถไฟ และผ่านสถานีรถไฟที่แปลกและน่าดูอย่างโบราณระหว่างทาง

 

เขตฮอกไกโด

SL Fuyu-no-Shitsugen Train (SL冬の湿原号)

เส้นทาง: สถานี JR Kushiro (JR釧路駅) ↔ สถานี JR Shibecha (JR標茶駅) บนเส้นทางรถไฟสาย Senmo Main Line (釧網本線)
ดำเนินการโดย: JR Hokkaido (JR北海道)

SL Fuyu-no-Shitsugen (เครดิตภาพ: Hokkaido Railway Company)

 

เราเริ่มด้วยเขตเหนือสุดของญี่ปุ่น ฮอกไกโด (北海道) ที่ซึ่งรถไฟหัวรถจักรไอน้ำวิ่งเป็นพิเศษเฉพาะในระหว่างฤดูหนาว SL Fuyu-no-Shitsugen เป็นรถไฟพิเศษที่วิ่งระหว่างสถานี JR Kushiro กับสถานี JR Shibecha ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม แล่นผ่านพื้นที่ชุ่มน้ำคุชิโร (釧路湿原 Kushiro shitsugen) ซึ่งปกคลุมไปด้วยหิมะ และความงามตามธรรมชาติอันบริสุทธิ์จะทำให้นักท่องเที่ยวหลงไหลไปกับฮอกไกโดตะวันออกในระหว่างฤดูกาลนี้

 

รถไฟที่ใช้วิ่งสำหรับ SL Fuyu-no-Shitsugen คือรถไฟ C11 171 ซึ่งถูกสร้างในปี 1932 รถไฟหัวรถจักรไอน้ำส่วนใหญ่ในรุ่น C11 ถูกปลดระวางเมื่อหลายปีก่อน แต่ยังมีบางขบวนยังให้บริการอยู่ในส่วนอื่นๆของญี่ปุ่น (กล่าวถึงเพิ่มเติมต่อในภายหลัง) ปัจจุบันรถไฟขบวนนี้เป็นเพียงขบวนเดียวที่ยังให้บริการภายในฮอกไกโด

 

การตกแต่งภายในของ SL Fuyu-no-Shitsugen (ซ้าย) และการย่างปลาหมึกแห้งบนรถไฟ (ขวา) (เครดิตภาพ: Hokkaido Railway Company)

 

ขึ้นนั่งบนรถไฟ และผู้โดยสารจะรู้สึกเหมือนกับเขาได้ย้อนอดีต ตู้ขบวนมีลักษณะการตกแต่งภายในเคลือบเงาและที่นั่งไม้เพื่อเลียนแบบประสบการณ์การนั่งรถไฟในอดีต และการออกแบบโดยรวมนั่นมีความเก๋ไก๋และบรรยากาศอันมีเสน่ห์ซึ่งผู้โดยสารไม่สามารถสัมผัสประสบการณ์แบบนี้กับรถไฟสมัยใหม่ในปัจจุบัน

 

ขบวนรถไฟมี 5 ตู้โดยสาร และตู้ 2 เป็นลักษณะคาเฟ่ที่ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินสนุกสนานไปกับการนั่งบนรถไฟพร้อมกับถ้วยกาแฟอุ่นๆขณะที่จ้องมองไปยังหน้าต่าง ทุกตู้โดยสารมีที่นั่งคอกที่คลาสสิกด้วย ดังนั้นคุณและเพื่อนของคุณสามารถนั่งด้วยกันเป็นกลุ่มและสนุกไปกับการนั่งรถไฟไปด้วยกัน และคุณทราบไหมว่าสิ่งหนึ่งที่คุณไม่สามารถทำได้กับรถไฟสมัยใหม่ในปัจจุบัน นั่นก็คือการย่างปลาหมึกแห้งบนรถไฟ! ผู้โดยสารสามารถซื้อปลาหมึกแห้งจากเคาน์เตอร์ขาย และย่างมันบนเตาผิงเล็กๆบนรถ

 

ถ้าคุณอยากทราบมากขึ้นเกี่ยวกับรถไฟหัวรถจักรไอน้ำ SL Fuyu-no-Shitsugen เช็คบทความนี้

 

สิ่งที่ควรทราบ

① SL Fuyu-no-Shitsugen มีแต่ที่นั่งแบบจองล่วงหน้า ดังนั้นจำเป็นต้องมีตั๋วจองที่นั่งเพื่อนั่งรถไฟนี้

② รถไฟให้บริการในฤดูหนาวเท่านั้น ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนมีนาคมของทุกปี ดังนั้นขอแนะนำให้ผู้โดยสารเช็คตารางการเดินรถล่วงหน้า วันที่ให้บริการอาจมีการเปลี่ยนแปลงด้วย

 

เขตตะวันออกของญี่ปุ่น

SL Ginga (SL銀河)

เส้นทาง: สถานี JR Hanamaki (JR花巻駅) ↔ สถานี JR Kamaishi (JR釜石駅) บนเส้นทางรถไฟสาย Kamaishi Line (釜石線)
ดำเนินการโดย: JR East (JR東日本)

SL Ginga (Image credit: JR East / Shinoda)

 

ต่อไปเราลงไปทางตะวันออกของญี่ปุ่น และรถไฟหัวรถจักรไอน้ำขบวนถัดไปให้บางอย่างเป็นพิเศษแก่ผู้โดยสาร SL Ginga เป็นหนึ่งในรถไฟ Joyful Trains ของ JR East และธีมกลางของรถไฟคือ “กลุ่มดาวกาแล็กซี” (ginga ในชื่อของรถไฟแปลว่า กาแล็กซี)

 

ความคิดเบื้องหลังรถไฟนี้มุ่งไปที่นักเขียนผู้มีชื่อเสียง มิยาซาว่า เคนจิ (宮澤賢治) เขาเขียนนวนิยาย “Night of the Galactic Railroad” (銀河鉄道の夜 Ginga Tetsudo no Yoru) ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กผู้ชายที่เดินทางข้ามกาแล็กซีด้วยรถไฟเวทมนต์ และเรียนรู้เกี่ยวกับความสุขที่แท้จริงและความหมายของชีวิตผ่านการเดินทางของเขา ดังที่เป็นเช่นนั้นการออกแบบรถไฟขบวนนี้ได้รับแรงบรรดาลใจจากนวนิยายนี้ ด้วยการตกแต่งภายนอกที่ปกคลุมไปด้วยโทนสีน้ำเงินแบบกาแล็กซีลึกและมีรูปดาวและกลุ่มดาว รถไฟวิ่งบนเส้นทางระหว่างสถานี JR Hanamaki ซึ่งเป็นบ้านเกิดของคุณมิยาซาว่าด้วย กับสถานี JR Kamaishi ในจังหวัดอิวาเทะ (岩手県)

 

รถไฟที่ใช้สำหรับ SL Ginga คือ C58 239 ซึ่งเป็นรถไฟหัวรถจักรไอน้ำที่ถูกสร้างในปี 1940 และเลิกวิ่งในปี 1972 แต่ในที่สุดถูกนำกลับมาและเปิดให้บริการครั้งแรกในฐานะ SL Ginga  ในปี 2014 ในความพยายามที่จะฟื้นฟูการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้หลังจากได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางภาคตะวันออกของญี่ปุ่น (東日本大震災 Higashi-nihon daishinsai)ในปี 2011

 

ภายใน SL Ginga (เครดิตภาพ: JR East)

 

SL Ginga มีลักษณะที่นั่งบูธสไตล์วินเทจย้อนยุค โครงเหล็ก หน้าต่างสไตล์กระจกสี และมีแม้กระทั่งพรมสีแดงไปทั่วคัน ตู้โดยสารได้รับการตกแต่งเพื่อเลียนแบบบรรยากาศหรูหราในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เซอร์ไพร์สที่น่าสนใจรอคุณอยู่บนรถไฟ เช่น ท้องฟ้าจำลองออปติคอลบนรถไฟที่ตู้ 1 ตู้กล่องแคปซูลกาจาปอง (ガチャポン) ที่ตู้ 2 ซึ่งภายในแคปซูลบรรจุคำคมของคุณมิยาซาว่าจากงานของเขา และมีมุมแสดงเครื่องเหล็กนัมบุ (南部鉄器 Nanbu-tekki) อันมีชื่อเสียงของจังหวัดอิวาเทะที่ตู้ 3

 

ตั๋วสำหรับท้องฟ้าจำลอง (ซ้าย) และภายในท้องฟ้าจำลอง (ขวา) (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh (ซ้าย) และ JR East (ขวา))

 

SL Ginga วิ่งผ่านชนบทขณะที่ข้ามผ่านหลายเมืองบนเส้นทางรถไฟสาย Kamaishi Line (釜石線 Kamaishi-sen) ผู้โดยสารสามารถชมทุ่งหญ้าสีเขียวอันสวยงามและภูเขาที่สวยสง่างามตลอดการเดินทาง ทำให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวที่ลืมไม่ลงข้ามผ่านไปในเขตชนบทของจังหวัดอิวาเทะ

 

ถ้าคุณอยากทราบมากขึ้นเกี่ยวกับ SL Ginga เช็คบทความนี้

 

สิ่งที่ควรทราบ

① SL Ginga วิ่งเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ในทิศทางเดียว ดังนั้นขอแนะนำให้ผู้โดยสารเช็คล่วงหน้าเพื่อดูว่าวันไหนบ้างที่รถไฟวิ่งและทิศทางไหน วันที่ให้บริการอาจมีการเปลี่ยนแปลงด้วย

 

SL Banetsu Monogatari (SLばんえつ物語)

เส้นทาง: สถานี JR Niitsu (JR新津駅) ↔ สถานี JR Aizu-Wakamatsu (JR会津若松駅) บนเส้นทางรถไฟสาย Ban’etsu West Line (磐越西線)
ดำเนินการโดย: JR East (JR東日本)

SL Banetsu Monogatari ในฤดูใบไม้ผลิ (เครดิตภาพ: JR East)

 

ต่อไปเรามีรถไฟหัวรถจักรไอน้ำอีกขบวนซึ่งเป็นหนึ่งใน Joyful Trains ของ JR East รถไฟ SL Banetsu Monogatari ของเก่าทางประวัติศาสตร์ที่โอ่อ่าสง่างามได้ถูกนำกลับมาให้มีชีวิตอีกครั้ง และวิ่งบนเส้นทางรถไฟระหว่างจังหวัดนีกาตะ (新潟県) และจังหวัดฟุคุชิม่า (福島県)

 

เช่นเดียวกับ SL Ginga รถไฟ SL Banetsu Monogatari เป็นอีกหนึ่งรถไฟที่ถูกปลดระวางเมื่อหลายปีก่อน แต่ถูกนำกลับมาให้บริการด้วยความต้องการอย่างเป็นที่นิยม รถไฟหัวรถจักรไอน้ำที่ใช้คือ C57 180 ซึ่งตอนแรกถูกสร้างขึ้นในปี 1946 และมีชื่อเล่นว่า “Kifujin” (貴婦人) สำหรับรูปลักษณ์สง่างามของรถไฟ และเลิกวิ่งหลังจากการให้บริการนานหลายปี แต่ถูกนำกลับมาในฐานะ SL Banetsu Monogatari ในปี 1999 เนื่องจากชื่อของรถไฟ “Banetsu Monogatari” แปลว่า เรื่องราวของ Banetsu รถไฟวิ่งบนเส้นทางรถไฟสาย Ban’etsu West Line (磐越西線) ระหว่างสถานี JR Niitsu กับสถานี JR Aizu-Wakamatsu

 

เช่นเดียวกับ SL Ginga การตกแต่งภายในของรถไฟ SL Banetsu Monogatari มีลักษณะบรรยากาศสิ่งของหรือความคุ้นเคยในอดีตจากช่วงต้นของศตวรรษที่ 20 ด้วยผ้าหุ้มเบาะกำมะหยี่สีแดงเข้ม ราวที่นั่งด้วยการตกแต่งไม้และที่นั่งคอก การตกแต่งภายในเป็นการย้อนกลับไปสู่บรรยากาศของการเดินทางด้วยรถไฟในอดีต และผู้โดยสารได้รับประสบการณ์ที่เหมือนกับการเดินทางท่องเที่ยวอย่างมีสไตล์และสะดวกสบายภายในตู้โดยสารรถไฟที่ตกแต่งแบบย้อนยุค

 

ที่นั่งกรีนคาร์ของ SL Banetsu Monogatari (เครดิตภาพ: JR East)

 

สิ่งที่ทำให้ SL Banetsu Monogatari มีความพิเศษก็คือการมีของที่นั่งกรีนคาร์ซึ่งตั้งอยู่ที่ตู้ 7 ที่นั่งกรีนคาร์คือที่นั่งพรีเมี่ยมเมื่อเปรียบเทียบกับที่นั่งธรรมดาในญี่ปุ่น และที่นั่งในตู้ 7 มีการจัดที่นั่งอย่างกว้างขวางแบบ 2+1 ที่นั่ง มีแม้กระทั่งห้องชมวิวพาโนราม่าที่ท้ายตู้ ที่ซึ่งผู้โดยสารสามารถชมวิวพาโนราม่าของทิวทัศน์อันสวยงามข้างนอก ต้องขอบคุณหน้าต่างเต็มความยาวของห้องนี้

 

ห้องโอโคโจ (ซ้าย) และห้องชมวิวโอโคโจ (ขวา) (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh (ซ้าย) และ JR East (ขวา))

 

จะยิ่งดีไปกว่านั้น การนั่งรถไฟหัวรถจักรไอน้ำ SL Banetsu Monogatari นั้นไม่เพียงสำหรับผู้ใหญ่ แต่ยังสำหรับทั้งครอบครัว ตู้ 1 แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเป็นห้องโอโคโจสำหรับเด็กซึ่งมีลักษณะเป็นพื้นที่สำหรับเล่นตกแต่งไปด้วยภาพที่น่ารักของโอโคโจ (おこじょ หรือตัวเออร์มิน) และอีกส่วนหนึ่งเป็นห้องชมวิวโอโคโจ พื้นที่ที่มีที่นั่งฟรีและหน้าต่างกว้างซึ่งครอบครัวสนุกเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ที่ผ่านไปข้างนอก

 

ถ้าคุณอยากทราบมากขึ้นเกี่ยวกับรถไฟหัวรถจักรไอน้ำ SL Banetsu Monogatari เช็คบทความนี้

 

สิ่งที่ควรทราบ

① SL Banetsu Monogatari มีแต่ที่นั่งแบบจองล่วงหน้า ดังนั้นจำเป็นต้องมีตั๋วจองที่นั่งเพื่อนั่งรถไฟนี้
②รถไฟให้บริการส่วนใหญ่ในวันหยุดสุดสัปดาห์และบางวันธรรมดาที่ถูกเลือก ดังนั้นขอแนะนำให้ผู้โดยสารเช็คตารางการเดินรถล่วงหน้า วันที่ให้บริการอาจมีการเปลี่ยนแปลงด้วย

 

SL Gunma (SLぐんま)

เส้นทาง:

① SL Gunma Minakami: สถานี JR Takasaki (JR高崎駅) ↔ สถานี JR Minakami (JR水上駅) บนเส้นทางรถไฟสาย Joetsu Line (上越線)
② SL Gunma Yokokawa: สถานี JR Takasaki (JR高崎駅) ↔ สถานี JR Yokokawa (JR横川駅) บนเส้นทางรถไฟสาย Shin’etsu Main Line (信越本線)

ดำเนินการโดย: JR East (JR東日本)

SL Gunma (เครดิตภาพ: JR East)

 

สำหรับรถไฟหัวรถจักรไอน้ำขบวนสุดท้ายของ Joyful Trains ของ JR East นั่นก็คือ SL Gunma ซึ่งวิ่งบนพื้นที่ของจังหวัดกุนมะ (群馬県) ธีมกลางหลักของรถไฟนี้ก็คือชื่อของตัวจังหวัดเอง ซึ่งเป็นเขตที่ไม่ติดทะเลที่มีลักษณะภูเขาสวยงามอย่างธรรมชาติที่น่าทึ่ง และผู้โดยสารต้องชมด้วยตนเองเพื่อความสนุกสนานและความซาบซึ้งอย่างเต็มที่

 

SL Gunma ให้บริการด้วยรถไฟหัวรถจักรไอน้ำ 2 แบบได้แก่ D51 498 และ C61 20 ซึ่งเป็นสองแบบที่แตกต่างกันของรถไฟหัวรถจักรไอน้ำ ซึ่งเดิมทีถูกสร้างขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน D51 สำหรับลากตู้สินค้า ขณะที่ C61 สำหรับลากตู้โดยสาร ด้วยเหตุนี้ล้อรถก็แตกต่างด้วย ล้อของ D51 เล็กกว่าดังนั้นรถไฟสามารถมีแรงลากมากขึ้นขณะที่วิ่งขึ้นเนิน แต่ก่อให้เกิดผลลัพธ์คือแรงสั่นสะเทือนมากขึ้น ขณะที่ C61 มีล้อที่ใหญ่กว่าที่ช่วยให้นั่งได้นิ่มกว่า ผู้โดยสารอาจจะไม่สามารถบอกถึงความแตกต่างระหว่างนั่ง ดังนั้นจับตาดูสิ่งนี้เมื่อคุณนั่งรถไฟทั้งสองแบบ

 

SL Gunma (top) and its interiors (bottom). (Image credit: JR East)

 

SL Gunma ก็ยังใช้ตู้โดยสาร 2 แบบอีกด้วย ตู้โดยสารแบบเก่าและตู้โดยสารซีรีย์ 12 แบบแรกถูกสร้างในระหว่างปี 1938 ถึงปี 1952 และเพิ่งถูกฟื้นฟูกลับสู่สถาพเดิมอันรุ่งเรืองตกแต่งด้วยเม็ดไม้ แบบหลังถูกสร้างในปี 1978 และมีลักษณะที่นั่งร่วมสมัยกว่าและมีการติดตั้ง เช่น เครื่องปรับอากาศและประตูอัตโนมัติ

 

รถไฟวิ่งสองเส้นทางออกจากสถานี JR Takasaki : SL Gunma มุ่งหน้าสู่สถานี JR Minakami และ SL Gunma Yokokawa วิ่งไปสถานี JR Yokokawa แต่ละเส้นทางเน้นด้านที่แตกต่างของจังหวัดกุนมะ โดยเฉพาะในระหว่างฤดูใบไม้ร่วงเมื่อผู้โดยสารสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีอันน่าทึ่งทั้งสีแดงเพลิงและสีทองปกคลุมทางลาดของภูเขาซึ่งอยู่ตรงหน้าเมื่อมองจากหน้าต่างรถไฟ ลองทั้งสองเส้นทางและสัมผัสประสบการณ์อย่างเต็มที่ของการนั่งรถไฟหัวรถจักรไอน้ำ SL Gunma

 

ถ้าคุณอยากทราบมากขึ้นเกี่ยวกับรถไฟหัวรถจักรไอน้ำ SL Gunma เช็คบทความนี้

 

สิ่งที่ควรทราบ

① ในระหว่างการระบาดของ COVID-19 นั้น SL Gunma ไม่วิ่งจนถึงฤดูใบไม้ผลิปี 2022
② ตารางวิ่งของ SL Gunma นั้นไม่แน่นอน ดังนั้นขอแนะนำให้ผู้โดยสารเช็คตารางการเดินรถล่วงหน้า

 

SL Taiju (SL大樹)

เส้นทาง: สถานี Shimo-Imachi (下今市駅) ↔ สถานี Kinugawa-Onsen (鬼怒川温泉駅) บนเส้นทางรถไฟสาย Tobu Kinugawa Line (東武鬼怒川線)
ดำเนินการโดย: Tobu Railway (東武鉄道)

SL Taiju (เครดิตภาพ: 東武鉄道)

 

ในจังหวัดโทชิกิ (栃木県) มีรถไฟที่ทำให้รำลึกถึงความหลังซึ่งผู้โดยสารสามารถนั่งเพื่อสัมผัสประสบการณ์อดีตวันเก่าๆของการเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟในเขตนี้ SL Taiju เป็นรถไฟหัวรถจักรไอน้ำที่วิ่งเป็นพิเศษผ่านเมืองนิกโก้ (日光) หนึ่งในศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น และเป็นเขตที่มีทั้งสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงและรีสอร์ตออนเซ็นที่โดดเด่นเป็นสัญลักษณ์

 

สำหรับโครงการนี้ บริษัท Tobu Railway ได้ยืมรถไฟหัวรถจักรไอน้ำจาก JR Hokkaido แล้วเริ่มดำเนินการ SL Taiju ซึ่งให้บริการครั้งแรกในวันที่ 10 สิงหาคม 2017 วิ่งระหว่างสถานี Shimo-Imachi และสถานี Kinugawa-Onsen ในเดือนตุลาคม 2020 รถไฟหัวรถจักรไอน้ำอีกขบวนคือ SL Taiju Futara (SL大樹ふたら) ได้เริ่มให้บริการครั้งแรกและประกอบไปด้วยจุดหยุดรถเพิ่มที่สถานี Tobu-Nikko (東武日光駅) สถานีนี้ถือเป็น “ประตูสู่นิกโก้” เพราะว่าผู้โดยสารสามารถลงจากรถไฟและเดินไปยังศาลเจ้าและวัดของนิกโก้ซึ่งเป็นมรดกโลกที่มีชื่อเสียงของจังหวัดโทชิกิ

 

ภายใน SL Taiju (เครดิตภาพ: 東武鉄道)

 

นี่เป็นข้อมูลที่น่าสนใจบางอย่างเกี่ยวกับรถไฟหัวรถจักรไอน้ำ รถไฟนี้ชื่อว่า “Taiju” จริงๆแล้วเป็นชื่อภาษายกย่องของ “shogun” (将軍 นายพลแม่ทัพ) ซึ่งโดยทั่วไปเชื่อมโยงกันกับศาลเจ้านิกโก้โทโชกุ (東照宮) สร้างสำหรับผู้ก่อตั้งระบบโชกุนโทคุกาว่าที่ชื่อ โทคุกาว่า อิเอยาสุ (徳川家康) ในอีกด้านหนึ่งชื่อของรถไฟ “Futara” มาจากภูเขาฟุตะระ (二荒山 Futara-san) ชื่อเก่าของภูเขานันไท (男体山)ในเขตนี้

 

SL Taiju ที่สถานี Kinugawa-Onsen (เครดิตภาพ: 東武鉄道)

 

ความสวยงามของการนั่งรถไฟหัวรถจักรไอน้ำ SL Taiju ไม่เพียงเป็นการนั่งรถไฟที่ชวนให้หวนระลึกถึงความหลัง แต่ธีมหลักยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสำรวจค้นพบความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติและทางประวัติศาสตร์ของนิกโก้และคินุกาว่าออนเซ็น สองสถานที่ท่องเที่ยวอันโดดเด่นเป็นสัญลักษณ์มากที่สุดของจังหวัดโทชิกิ ผู้โดยสารสามารถนั่งรถไฟและเดินทางไปยังศาลเจ้านิกโก้โทโชกุอันสวยสง่างามเพื่อชื่นชมไปกับคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง และเที่ยวไปยังหนึ่งในรีสอร์ทออนเซ็นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเขตนี้ได้ด้วย

 

สิ่งที่ควรทราบ

① ผู้โดยสารจำเป็นต้องมีตั๋วสองประเภทในการนั่งรถไฟ SL Taiju ตั๋วโดยสารธรรมดาและตั๋วจองที่นั่งรถไฟ SL ตั๋วเปิดขายและให้จองได้ล่วงหน้า 1 เดือนนับจากวันเดินทาง
② รถไฟวิ่งเกือบทุกวัน แต่เวลารถไฟออกนั้นแตกต่างตามวันในสัปดาห์ และสถานีที่รถไฟจะจอดนั้นก็แตกต่างตามวันในสัปดาห์ด้วย ดังนั้นขอแนะนำให้ผู้โดยสารเช็คตารางการเดินรถล่วงหน้า

 

SL Moka (SLもおか)

เส้นทาง: สถานี Shimodate (下館駅) ↔ สถานี Motegi (茂木駅) บนเส้นทางรถไฟสาย Moka Line (真岡線)
ดำเนินการโดย: Moka Railway (真岡鐡道)

SL Moka ในฤดูใบไม้ผลิ (เครดิตภาพ: 真岡鐡道)

 

SL Moka เป็นรถไฟหัวรถจักรไอน้ำที่วิ่งระหว่างสองจังหวัด จังหวัดโทชิกิกับจังหวัดอิบาราคิ (茨城県) รถไฟวิ่งบนเส้นทางรถไฟสาย Moka Line ซึ่งเคยดำเนินการโดย Japan National Railways (JNR) เมื่อ JNR ถูกแปรรูปและ JR East รับช่วงเส้นทางรถไฟนี้ในปี 1987 เป็นเวลา 1 ปีแต่แล้วในที่สุดก็ถูกรับช่วงต่อโดย  Moka Railway (真岡鐵道 Moka Tetsudo) ในปี 1988.

 

SL Moka ใช้รถไฟหัวรถจักรไอน้ำ C12 66 ซึ่งแรกเริ่มถูกสร้างในปี 1933 และวิ่งในหลายเขตทั่วญี่ปุ่น เลิกวิ่งในปี 1972  และอยู่ที่เมืองคาวะมะตะ (Kawamata 川俣町) ในจังหวัดฟุคุชิม่า (福島県) อย่างไรก็ตามได้ถูกเคลื่อนย้ายไปยังเมือง Moka (真岡市) ในจังหวัดโทชิกิในปี 1991 และงานฟื้นฟูได้เริ่มในปี 1993 ก่อนที่จะให้บริการครั้งแรกในฐานะ SL Moka ในปี 1994 รถไฟหัวรถจักรไอน้ำนี้ถูกนำกลับมาจากการปลดเกษียณต้องขอขอบคุณโครงการการฟื้นฟูนำรถไฟหัวรถจักรไอน้ำมาใช้อีกของเมืองซึ่งมีวัตถุประสงค์จะฟื้นฟูภาพลักษณ์ของพื้นที่ตามเส้นทางรถไฟสาย Moka Line และเน้นการผจญภัยของรถไฟ SL ไปยังเด็กๆในท้องถิ่น 

 

การตกแต่งภายในของ SL Moka (ซ้าย) รถไฟในฤดูใบไม้ร่วง (ขวา) (เครดิตภาพ: 真岡鐡道)

 

รถไฟ SL Moka วิ่งระหว่างสถานี Shimodate (下館駅) ในจังหวัดอิบาราคิกับสถานี Motegi  (茂木駅) ในจังหวัดโทชิกิ และตลอดเส้นทางมีสถานีจำนวนมากที่ไม่มีพนักงานซึ่งมีบรรยากาศอันมีเสน่ห์ ผู้โดยสารสามารถลงจากรถไฟที่สถานีอันมีเสน่ห์น่าดึงดูดเหล่านี้และสำรวจไปยังบริเวณรอบข้างและเพียงแค่เพลิดเพลินไปกับความสงบเงียบ

 

สิ่งที่ควรทราบ

① รถไฟ SL Moka วิ่งเพียงสุดสัปดาห์และบางวันเท่านั้น ดังนั้นขอแนะนำให้ผู้โดยสารเช็คตารางการเดินรถล่วงหน้าและวันที่ให้บริการอาจมีการเปลี่ยนแปลงด้วย
② ผู้โดยสารจำเป็นต้องมีตั๋วสองประเภทในการนั่งรถไฟ SL Moka ตั๋วโดยสารธรรมดาและบัตรคิวรถไฟ SL Moka และต้องจองล่วงหน้าเพื่อนั่งรถไฟ

 

SL Paleo Express (SLパレオエクスプレス)

เส้นทาง: สถานี Kumagaya (熊谷駅) ↔ สถานี Mitsumineguchi (三峰口駅) บนเส้นทางรถไฟสาย Chichibu Main Line (秩父本線)
ดำเนินการโดย: Chichibu Railway (秩父鉄道)

SL Paleo Express (เครดิตภาพ秩父鉄道)

 

รถไฟ SL ขบวนถัดไปมีชื่อเสียงในเรื่องการเป็นรถไฟหัวรถจักรไอน้ำที่ยังวิ่งอยู่และอยู่ใกล้เขตมหานครโตเกียวที่สุด SL Paleo Express เป็นรถไฟประวัติศาสตร์ที่ดำเนินการโดยบริษัท Chichibu Railway วิ่งบนเส้นทางรถไฟสาย Chichibu Main Line ในจังหวัดไซตามะ (埼玉県)

 

รถไฟหัวรถจักรไอน้ำที่ใช้วิ่งสำหรับ SL Paleo Express คือ C58 363 เป็นรถไฟแบบเดียวกันกับที่ใช้วิ่งสำหรับ SL Ginga โดย JR East และทั้งสองด้วยกันเท่านั้นเป็นรถไฟแบบนี้ที่ยังวิ่งอยู่ในญี่ปุ่นปัจจุบัน ตอนแรกปลดประจำการในปี 1972 และถูกปล่อยวางและพักอยู่ที่สนามของโรงเรียนประถม และการฟื้นฟูรถไฟนี้ได้รับการตัดสินใน Saitama Expo 1988 เป็นส่วนหนึ่งในโครงการฟื้นฟูรถไฟหัวรถจักรไอน้ำ

 

ภายใน SL Paleo Express (ซ้าย) และผู้คนที่ชื่นชมรถไฟ (ขวา) (เครดิตภาพ秩父鉄道)

 

สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ SL Paleo Express คือชื่อของมัน: “Paleo” อ้างถึง paleoparadoxia สัตว์น้ำเลี้ยงลูกด้วยนมและกินพืชเป็นอาหารซึ่งครั้งหนึ่งเคยอยู่ร่อนเร่ไปในเขตจิจิบุของจังหวัดไซตามะเมื่อ 20 ล้านปีก่อน และซากของมันถูกค้นพบโดยนักโบราณคดีในบริเวณนี้  จริงๆแล้วคุณสามารถชมกระดูกของสัตว์นี้ในการแสดงที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติไซตามะ (Saitama Museum of Natural History)

 

SL Paleo Express วิ่งผ่านหุบเขาในฤดูใบไม้ร่วง (เครดิตภาพ: photoAC)

 

จุดเด่นของ SL Paleo Express คือวิวทิวทัศน์ที่น่าทึ่งซึ่งผู้โดยสารเพลิดเพลินสนุกไปกับเสียงเครื่องจักรดังฉึกฉักขณะวิ่งผ่านหุบเขาที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามซึ่งจิจิบุมีชื่อเสียงในด้านนี้ โดยเฉพาะฤดูใบไม้ร่วง เมื่อผู้โดยสารได้เห็นวิวที่โอ่อ่างดงามของใบไม้เปลี่ยนสีทั้งสีแดงและสีทองซึ่งโอบล้อมหุบเขา

 

สิ่งที่ควรทราบ

① SL Paleo Express วิ่งเพียงหนึ่งรอบไปกลับต่อวันบนเส้นทางรถไฟสาย Chichibu Main Line
② SL Paleo Express โดยปกติวิ่งเพียงวันสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ แต่วิ่งในวันที่เลือกในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงอีกด้วย  ดังนั้นขอแนะนำให้ผู้โดยสารเช็คตารางการเดินรถล่วงหน้าและวันที่ให้บริการอาจมีการเปลี่ยนแปลงด้วย
③ ผู้โดยสารจำเป็นต้องมีตั๋วสองประเภทในการนั่งรถไฟ นั่นคือตั๋วโดยสารธรรมดาและตั๋วรถไฟ SLแบบจองที่นั่ง/แบบไม่จองที่นั่ง การจองตั๋วสามารถทำบนเว็บไซต์ของบริษัท  Chichibu Railway (ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)

 

เขตภาคกลางของญี่ปุ่น

SL Kawaneji (SLかわね)

เส้นทาง: สถานี Shin-Kanaya (新金谷駅) ↔ สถานี Senzu (千頭駅) บนเส้นทางรถไฟสายOigawa Main Line (大井川本線)
ดำเนินการโดย: บริษัท Oigawa Railway (大井川鐡道)

รถไฟหัวรถจักรไอน้ำแบบ C10 8 ในฤดูใบไม้ผลิ (เครดิตภาพ大井川鐡道)

 

Oigawa Railway เป็นบริษัทรถไฟตั้งอยู่ในจังหวัดชิซูโอกะ (静岡県) ซึ่งมีชื่อเสียงพิเศษเป็นเพียงบริษัทรถไฟเดียวในญี่ปุ่นที่ดำเนินการวิ่งรถไฟหัวรถจักรไอน้ำ SL มากกว่า 300 วันต่อปี นี่เป็นความแตกต่างที่น่าสนใจโดยเฉพาะเมื่อรถไฟหัวรถจักรไอน้ำส่วนใหญ่วิ่งเพียงวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ดังนั้นผู้โดยสารสามารถสนุกไปกับการนั่งรถไฟ SL ได้เกือบตลอดทั้งปี บริษัทรถไฟนี้ก็มีจำนวนรถไฟ SL ที่ยังวิ่งอยู่มากที่สุดและวิ่งเป็นระยะทางที่ไกลที่สุดในประเทศเช่นกัน

 

บริษัทรถไฟ  Oigawa Railway ดำเนินการวิ่งรถไฟ SL Kawaneji ซึ่งใช้รถไฟหัวรถจักรไอน้ำ 4 แบบซึ่งแต่ละแบบมีประวัติศาสตร์ที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว เช่น รถไฟ C56 88 ถูกพัฒนาขึ้นในปี 1936 และแต่เดิมวิ่งบนเส้นทางรถไฟในฮอกไกโด แต่ต่อมาได้ถูกส่งไปที่ประเทศไทยเพื่อใช้ในการขนส่งของในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากสงครามมันได้ถูกส่งกลับมาญี่ปุ่นในปี 1979 และมาให้บริการที่บริษัทนี้ในปี 1979

 

ต่อไปคือแบบ C11 227 ซึ่งเป็นรถไฟหัวรถจักรไอน้ำที่เป็นดังสัญลักษณ์ตัวแทนของบริษัท Oigawa Railway มันเริ่มต้นวิ่งในเส้นทางรถไฟที่แต่ก่อนชื่อว่าสาย Shibetsu Line ในฮอกไกโดแต่ถูกย้ายมายังบริษัทนี้ในปี 1975 ในส่วนหนึ่งของโครงการฟื้นฟูรถไฟหัวรถจักรไอน้ำ ก่อให้เกิดการออกเดินทางครั้งแรกในปี 1976 และกลายเป็นการเดินรถไฟหัวรถจักรไอน้ำครั้งแรกของบริษัท Oigawa Railway

 

C10 8 (ซ้าย) และ C11 190 (เครดิตภาพ大井川鐡道 (ซ้าย) Shizuoka Prefectural Tourist Association (ขวา))

 

รถไฟหัวรถจักรไอน้ำอีกขบวนคือ C10 8 แรกเริ่มถูกสร้างในปี 1945 ถูกปลดประจำการในปี 1961 และสงบนิ่งอยู่ในโรงรถในเมืองไอซุวาคะมัตสึ จังหวัดฟุคุชิมะ จนกระทั่งถูกนำกลับมาให้บริการในฐานะรถไฟหัวรถจักรไอน้ำ SL Rias Line (SLリアス線) ในเมืองมิยาโกะ จังหวัดอิวาเทะ และในปี 1994 บริษัทรถไฟ Oigawa Railway ได้ซื้อรถไฟนี้จากเมือง Miyako และเริ่มให้บริการวิ่งรถไฟนี้ในปี 1997 สุดท้ายนี้คือรถไฟ SL แบบ C11 190 ซึ่งเป็นขบวนล่าสุดเพิ่มเข้ามาในกลุ่มรถไฟหัวรถจักรไอน้ำ ปลดระวางในปี 1974 ถูกนำมาที่บริษัทรถไฟ Oigawa Railway ในปี 2001 และกลับมาให้บริการในปี 2003 หลังจากการฟื้นฟูเป็นเวลา 2 ปี 

 

SL Kawaneji วิ่งผ่านใต้ซากุระบาน (เครดิตภาพ: 大井川鐡道)

 

บริษัทดำเนินเดินรถไฟ SL Kawaneji บนเส้นทางรถไฟสาย Oigawa Main Line ระหว่างสถานี Shin-Kanaya และสถานี Senzu เส้นทางรถไฟผ่านเขตภูเขาเงียบสงบที่มีวิวทิวทัศน์สวยพิเศษ และรถไฟหัวรถจักรไอน้ำพาผู้โดยสารผ่านทุ่งชาเขียวที่สงบสุขและงดงามซึ่งจังหวัดชิซุโอกะมีชื่อเสียงในเรื่องชาเขียวนี้ และวิ่งผ่านแม่น้ำโออิกะวะ (大井川) ที่สงบนิ่ง ผู้โดยสารไม่เพียงจะได้ชมความงดงามของบริเวณรอบข้าง แต่ยังได้รับความสะดวกสบายของตู้โดยสารที่ซึ่งเก้าอี้ไม้และพัดลมย้อนยุคจะพาคุณย้อนกลับไปในวันเก่าๆของยุคโชวะ (1945–1989) รถไฟที่ชวนให้ย้อนระลึกถึงความหลังวิ่งผ่านชนบทอันสวยงามของจังหวัดชิซุโอกะเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำและคุณควรจะสัมผัสสักครั้งในชีวิต

 

สิ่งที่ควรทราบ

① ที่นั่งในรถไฟ SL มีจำนวนจำกัด ดังนั้นขอแนะนำให้ผู้โดยสารทำการจองตั๋วบนเว็บไซต์ของบริษัท Oigawa Railway การจองตั๋วต้องทำก่อนวันเดินทางอย่างน้อย 2 วันหรือมากกว่า

 

Thomas & Friends (トーマス号)

เส้นทาง: สถานี Shin-Kanaya (新金谷駅) ↔ สถานี Senzu (千頭駅) บนเส้นทางรถไฟสายOigawa Main Line (大井川本線)
ดำเนินการโดย: บริษัท Oigawa Railway (大井川鐡道)

Thomas the Tank Engine (ซ้าย) และ James the Red Engine (ขวา) (เครดิตภาพ: WENDY TOUR)

 

ยังมีรถไฟ SL อีกแบบที่ดำเนินการโดยบริษัท Oigawa Railway และบางทีขบวนนี้สมควรได้รับความสนใจเป็นพิเศษสำหรับการออกแบบเครื่องยนต์ที่เตะตา บริษัทก็ยังได้ดำเนินการเดินรถไฟ SL ซึ่งได้แบบมาจากโทมัสและผองเพื่อน (Thomas the Tank Engine and his friends) ซึ่งเป็นรถไฟ SL ในจินตนาการและรถไฟมีชีวิตของอังกฤษอันมีชื่อเสียง รถไฟโทมัสและผองเพื่อนได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในฐานะทีวีซีรี่ย์สำหรับเด็กซึ่งถูกฉายตั้งแต่กลางยุค 1980 และกลายเป็นมีชื่อเสียงในหมู่ผู้ชมรุ่นเยาว์ทั่วทั้งโลก

 

รถไฟนี้เริ่มให้บริการในปี 2014 และตั้งแต่นั้นได้รับความนิยมสูงในหมู่ผู้โดยสารครอบครัว วิ่งเพียงวันที่เลือกในปี และในระหว่างปีที่ผ่านมา สินค้าพิเศษและงานกิจกรรมจำนวนมากได้มีขึ้นเพื่อผู้โดยสารของรถไฟนี้ ยกตัวอย่างเช่น ผู้โดยสารสามารถได้กล่องข้าวโทมัสรุ่นจำนวนจำกัดและของฝากธีมโทมัสมาไว้ในครอบครอง ซึ่งมีขายที่สถานี Shin-Kanaya ในอีกสุดด้านหนึ่งของเส้นทางรถไฟสาย Oigawa Main Line ที่สถานี Senzu มีเทศกาลโทมัสที่ซึ่งผู้โดยสารสามารถชมตัวละครอื่นๆ เช่น  ฮิโระและเฮนรี่ด้วย มันเป็นช่วงเวลารื่นรมย์ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานสำหรับแฟนผู้ชื่นชอบรถไฟเพื่อนโทมัสที่น่ารักของเรา

 

สิ่งที่ควรทราบ

① ตั๋วรถไฟขายเพียงในประเทศ และไม่สามารถซื้อได้จากต่างประเทศ
② รถไฟนี้วิ่งเพียงช่วงที่เลือกในปี โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดโรงเรียน ขอแนะนำให้ผู้โดยสารเช็คตารางเดินรถไว้ล่วงหน้าและวันที่ให้บริการอาจมีการเปลี่ยนแปลงด้วย

 

เขตตะวันตกของญี่ปุ่น

SL Yamaguchi (SLやまぐち号)

เส้นทางสถานี Shin-Yamaguchi (新山口駅) ↔ สถานี Tsuwano (津和野駅) บนเส้นทางรถไฟสาย Yamaguchi Line (山口線)
ดำเนินการโดย: JR West (JR西日本)

SL Yamaguchi (เครดิตภาพ: JR West)

 

สำหรับรถไฟหัวรถจักรไอน้ำขบวนถัดไป เรามุ่งหน้าไปยังตะวันตกสุดของเกาะฮอนชู ในเขตชูโกคุ (中国地方) ไอน้ำพวยพุ่งและวิ่งบนรางรถไฟระหว่างจังหวัดยามะกุจิและจังหวัดชิมาเนะนั่นก็คือ SL Yamaguchi ของเก่าทางประวัติศาสตร์ที่ถูกนำกลับมาให้มีชีวิตและให้บริการผู้โดยสารไปยังชนบทของภาคตะวันตกของญี่ปุ่น

 

SL Yamaguchi ดำเนินการด้วยรถไฟหัวรถจักรไอน้ำสองแบบ นั่นก็คือ C571 และ D51 200 ทั้งสองถูกปลดประจำการในปี 1973 เมื่อรถไฟสมัยใหม่กว่ากลายเป็นสิ่งสามัญธรรมดายิ่งกว่า แต่การปลดประจำการนั้นเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เมื่อมันถูกนำกลับมาในปี 1979 และเริ่มให้บริการโดย JR West บนเส้นทางรถไฟสาย Yamaguchi Line

 

ที่นั่งคอกย้อนยุคของ SL Yamaguchi (ซ้าย) และมุมกิจกรรมสัมผัสประสบการณ์บนตู้ 3 (ขวา) (เครดิตภาพ: JR West)

 

เช่นเดียวกับ SL Banetsu Monogatari รถไฟนี้มีชื่อเล่นว่า “Kifujin” สำหรับรูปลักษณ์สง่างามและการตกแต่งภายนอกแบบเหล็กดำอันสวยงาม รถไฟนี้ประกอบไปด้วย 5 ตู้โดยสารซึ่งได้รับการตกแต่งใหม่ในปี 2017 และแต่ละตู้ก็มีการออกแบบย้อนยุคที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ตู้ 1 เป็นตู้กรีนคาร์ด้วยการจัดวางแถวที่นั่งแบบ 2+1 มีลักษณะที่นั่งกำมะหยี่สีแดงหรูหรา ตู้ 2-4 มีลักษณะที่นั่งคอกสีน้ำเงินเข้มที่ได้รับแรงบันดาลใจจากยุคโชวะ และสุดท้ายตู้ 5 มีการตกแต่งภายในด้วยไม้เคลือบเงาและที่นั่งคอกสีเขียวมะกอก ตู้ 3 ยังมีพื้นที่เปิดโล่ง ส่วนจัดแสดงที่จัดโชว์ของและประวัติศาสตร์ของรถไฟ  SL และมีกระทั่งมุมสัมผัสประสบการณ์รถไฟ SL

 

สิ่งที่ควรทราบ

① SL Yamaguchi วิ่งส่วนใหญ่ในวันหยุดสุดสัปดาห์และวันธรรมดาที่เลือกแล้ว ขอแนะนำให้ผู้โดยสารเช็คตารางเดินรถล่วงหน้าและวันเดินรถอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ด้วย
② รถไฟวิ่งเพียงรอบเดียวไปกลับต่อวันบนเส้นทางรถไฟสาย JR Yamaguchi Line.

 

เขตคิวชู

SL Hitoyoshi (SL人吉)

*เส้นทาง: สถานี Kumamoto (熊本駅) ↔ สถานี Tosu (鳥栖駅) บนเส้นทางรถไฟสาย  Kagoshima Main Line (鹿児島本線)
ดำเนินการโดย: JR Kyushu (JR九州)

SL Hitoyoshi (เครดิตภาพ: JR Kyushu)

 

และสำหรับรถไฟหัวรถจักรไอน้ำขบวนสุดท้าย เรามุ่งหน้าลงใต้ไปยังคิวชู (九州) รถไฟ SL Hitoyoshi ถือเป็นเกียรติที่เป็นรถไฟ SL เพียงหนึ่งเดียวที่ยังให้บริการอยู่ในภูมิภาคนี้ และผู้โดยสารเมื่อขึ้นไปบนรถไฟจะประทับใจไปกับการตกแต่งภายในทันสมัยและวิวทิวทัศน์อันสวยงามตลอดเส้นทาง รถไฟนี้เริ่มเปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2009 เพื่อเป็นอนุสรณ์ฉลองครบรอบ 100 ปีของการเสร็จสมบูรณ์ของเส้นทางรถไฟสาย Hisatsu Line (肥薩線).

 

ที่นั่งคอก และมุมประวัติศาสตร์รถไฟ SL ในตู้ 1 (บน) บาร์เคาน์เตอร์ในตู้ 2 (ล่างขวา) และตู้ชมวิวในตู้ 3 (ล่างซ้าย) (เครดิตภาพ: JR Kyushu)

 

จากระยะไกลผู้โดยสารจะประทับใจไปกับเครื่องยนต์ไอน้ำสีดำอันสวยงามของ SL Hitoyoshi และการตกแต่งภายนอกตู้โดยสารด้วยเฉดสีน้ำตาลเข้มอันสง่างาม รถไฟที่ใช้สำหรับ SL Hitoyoshi คือ 58654 ประกอบไปด้วย 3 ตู้โดยแต่ละตู้มีเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ตู้ 1 มีที่ชมวิวด้วยการตกแต่งภายในด้วยไม้เมเปิลและมีมุมแสดงประวัติศาสตร์รถไฟหัวรถจักรไอน้ำ ตู้ 2 มีบาร์เคาน์เตอร์ร่วมสมัยที่ซึ่งผู้โดยสารสามารถซื้อและเพลิดเพลินไปกับเครื่องดื่มร้อนๆ และตู้ 3 มีมุมหนังสือเล็กๆและมีที่ชมวิวอีกแห่งในบริเวณท้ายสุดด้วยการตกแต่งภายในด้วยไม้เนื้อแดง

 

ทุกตู้มีที่นั่งคอกด้วยการออกแบบเบาะที่แตกต่างกันไปในแต่ละตู้ รถไฟโดยรวมทั้งหมดมีเสน่ห์ที่น่าทึ่งและความละเอียดปราณีต และผู้โดยสารมานั่งรถไฟนี้เพื่อการเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟที่ลืมไม่ลง

 

SL Hitoyoshi วิ่งข้ามแม่น้ำคุมะ (เครดิตภาพ: JR Kyushu)

 

เส้นทางดั้งเดิมของรถไฟ SL Hitoyoshi วิ่งบนเส้นทางรถไฟสาย Hisatsu Line ระหว่างสถานี Kumamoto (熊本駅) และสถานี Hitoyoshi (人吉駅) ในจังหวัดคุมาโมโตะ อย่างไรก็ตามบางส่วนของเส้นทางรถไฟสายนี้ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมในปี 2020 โดยเฉพาะช่วงตามแม่น้ำคุมะ  (球磨川 Kumagawa) ดังนั้นเส้นทางรถไฟได้ย้ายไปยังสถานี Tosu บนเส้นทางรถไฟสาย Kagoshima Main Line ในช่วงนี้ ผู้โดยสารยังคงสามารถเพลิดเพลินไปกับความสวยงามของชนบทในคิวชูและเราหวังว่าเส้นทางรถไฟที่ถูกทำลายไปจะได้รับการซ่อมแซมเสร็จในระยะเวลาอันใกล้

 

สิ่งที่ควรทราบ

① *ปัจจุบันรถไฟ SL Hitoyoshi วิ่งระหว่างสถานี Kumamoto และสถานี Tosu (鳥栖駅) ในจังหวัดซากะ (佐賀県)
② รถไฟวิ่งหลักๆในวันหยุดสุดสัปดาห์และบางวันธรรมดาที่ได้เลือก ขอแนะนำให้ผู้โดยสารเช็คตารางเดินรถล่วงหน้าและวันเดินรถอาจมีการเปลี่ยนแปลงด้วย
③ รถไฟวิ่งเพียงหนึ่งรอบไปกลับต่อวัน

 

ปิดท้าย

รถไฟ SL เป็นส่วนสำคัญหนึ่งของประวัติศาสตร์รถไฟของญี่ปุ่น และยังคงเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันมีค่าสำหรับผู้คนท้องถิ่น ภาพอันคุ้นตาของรถไฟสง่างามที่ปล่อยไอน้ำพวยพุ่งตามเส้นทางรถไฟวิ่งข้ามชนบทก่อให้เกิดความรู้สึกอันแรงกล้าของการหวนระลึกถึงความหลังสำหรับผู้คนในญี่ปุ่น และถึงแม้การมาถึงของรถไฟสมัยใหม่กว่า ผู้คนก็ยังชอบที่จะเห็นของเก่าทางประวัติศาสตร์เหล่านี้วิ่งข้ามผ่านเมืองของพวกเขา

 

สำหรับแฟนผู้ชื่นชอบรถไฟที่อยู่ตรงนั้น ต้องทำให้แน่ใจว่าคุณจะจับตาดูรถไฟที่มีเสน่ห์เหล่านี้เมื่อคุณมาญี่ปุ่นครั้งหน้า!

(ข้อแนะนำ: ถ้าคุณมีแผนจะนั่งรถไฟ SL Banetsu Monogatari, SL Ginga หรือ SL Gunma คุณสามารถนั่งได้ด้วยตั๋วพาส JR East ข้างล่างนี้)

 

JR EAST PASS (Tohoku area)

ตั๋วพาส JR EAST PASS (Tohoku area) และที่ที่คุณสามารถใช้พาสได้ (เครดิตภาพ: JR East)

 

JR EAST PASS (Tohoku area) เป็นตั๋วพาสที่ราคาไม่แพงและสามารถนั่งรถไฟของ JR East ได้ไม่จำกัดรวมทั้งชินคันเซน ในเขตที่กำหนด 5 วันติดต่อกันด้วยราคาเพียง 20,000 เยน ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าพิจารณาสำหรับนักท่องเที่ยวด้วยรถไฟ คุณสามารถจองที่นั่งสำหรับชินคันเซนและรถไฟด่วนพิเศษบางสายและรถไฟ Joyful Trains ทางออนไลน์ได้ฟรี ล่วงหน้าได้สูงสุด 1 เดือนที่นี่ ตั๋วพาสนี้สามารถใช้ได้กับประตูตรวจตั๋วอัตโนมัติ และผู้ที่ถือพาสปอร์ตต่างชาติและอาศัยในญี่ปุ่นก็สามารถใช้ตั๋วพาสเหล่านี้ได้

 

คุณสามารถใช้ตั๋วพาสนี้นั่งรถไฟ SL Banetsu Monogatari, SL Ginga และ SL Gunma อย่างไรก็ตามสำหรับ SL Banetsu Monogatari ตั๋วพาสครอบคลุมเพียงเส้นทางระหว่างสถานี JR Aizu-Wakamatsu และสถานี JR Nozawa (JR野沢駅)

 

JR EAST PASS (Nagano, Niigata area)

ตั๋วพาส JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) และที่ที่คุณสามารถใช้พาสได้ (เครดิตภาพ: JR East)

 

JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) เป็นตั๋วพาสที่ราคาไม่แพงและสามารถนั่งรถไฟของ JR East ได้ไม่จำกัดรวมทั้งชินคันเซน ในเขตที่กำหนด 5 วันติดต่อกันด้วยราคาเพียง 18,000 เยน คุณสามารถประหยัดเงินจำนวนมากหากคุณเดินทางท่องเที่ยวอย่างกว้างขวางโดยรถไฟในภูมิภาคนี้ คุณสามารถจองที่นั่งสำหรับชินคันเซนและรถไฟด่วนพิเศษบางสายและรถไฟ Joyful Trains ทางออนไลน์ได้ฟรี ล่วงหน้าได้สูงสุด 1 เดือนที่นี่ ตั๋วพาสนี้สามารถใช้ได้กับประตูตรวจตั๋วอัตโนมัติ และผู้ที่ถือพาสปอร์ตต่างชาติและอาศัยในญี่ปุ่นก็สามารถใช้ตั๋วพาสเหล่านี้ได้

 

คุณสามารถใช้ตั๋วพาสนี้นั่งรถไฟ SL Banetsu Monogatari และ SL Gunma อย่างไรก็ตามสำหรับ SL Banetsu Monogatari ตั๋วพาสครอบคลุมเพียงเส้นทางระหว่างสถานี JR Hideya (JR日出谷駅) และสถานี JR Niitsu

 

เครดิตภาพส่วนหัว: (ตามเข็มนาฬิกาจากบนขวา) JR East, Hokkaido Railway Company, 真岡鉄道, JR Kyushu

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

Share this article:
TSC-Banner