คู่มือเพลิดเพลินกับกิจกรรมกลางแจ้งที่นากาโนะ ดินแดนแห่งขุนเขา
จังหวัดนากาโนะ (長野県 Nagano-ken) ที่เต็มไปด้วยภูเขานั้นถือเป็น “จังหวัดที่ฉันอยากย้ายไปอยู่มากที่สุด” อันดับ 1 และยังเป็นจังหวัดที่ผู้คนทั้งชายหญิงมีอายุขัยมากที่สุดในญี่ปุ่นด้วย จังหวัดนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติ วิวที่สวยงาม และกิจกรรมกลางแจ้งมากมาย เท่านั้นไม่พอ ในบรรดา 100 ภูเขาชื่อดังของญี่ปุ่น (百名山 hyakumeizan) ภูเขาตั้งที่อยู่ในจังหวัดนากาโนะมีมากถึง 29 ลูกด้วยกัน! หนึ่งในเหตุผลที่ฉันชื่นชอบนากาโนะก็เพราะวิวฉากหลังอันน่าตื่นตาของภูเขาเหล่านี้ แถมเรายังสามารถปีนเขาได้ด้วย
จังหวัดนากาโนะ หรือชื่อเก่าคือชินชู (信州 Shinshū) ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางในฤดูหนาวยอดฮิตของชาวต่างชาติหลังจากที่ได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาวในปีค.ศ. 1998 เนื่องจากนากาโนะมีหิมะที่เป็นปุยนุ่มสวยงามในสกีรีสอร์ทหลายแห่ง แต่นอกจากฤดูหนาวแล้วก็ยังมีสิ่งมหัศจรรย์อีกมากมายให้เราได้สัมผัสและทำในช่วงฤดูร้อนหรือ Green Season (พฤษภาคม-ตุลาคม) ซึ่งเป็นช่วงที่ทิวทัศน์ของนากาโนะมีเสน่ห์โดดเด่นที่สุด
ในบทความนี้ฉันจะแนะนำสถานที่ต่างๆ ในนากาโนะที่อยู่ในพื้นที่เครือข่ายรถไฟ JR East รวมถึงทิวทัศน์ที่สวยงามและกิจกรรมสนุกๆ ที่คุณสามารถเพลิดเพลินได้ในฤดูร้อน พร้อมหรือยังคะ? ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเลย!
สูงขึ้นไปเหนือพื้นโลก
จังหวัดนากาโนะมีภูเขาที่สวยงามมากมายกระจายอยู่รอบๆ และเป็นจังหวัดที่พื้นดินมีระดับความสูงเฉลี่ยสูงสุดในญี่ปุ่น (1,132 เมตร) อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่ต้องไปเยือนหากคุณกำลังมองหาวิวเทือกเขาแอลป์อันยอดเยี่ยม! ไม่ว่าคุณจะอยากไปเดินเขาหรือเพียงแค่อยากชมทิวทัศน์ ที่นี่ก็ตอบโจทย์ทุกคน
ฮาคุบะ
ก่อนอื่นมาเริ่มกันที่หมู่บ้านฮาคุบะ (白馬) ที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาสวยงาม เราสามารถมองเห็นทัศนียภาพของภูเขาอันตระการตาได้จากทั่วทั้งหมู่บ้าน แม้ว่าฮาคุบะจะขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในฤดูหนาวที่ยอดเยี่ยมเพราะมีหิมะปุยละเอียดสวยงาม แต่ในช่วงหน้าร้อนที่นี่ก็มีกิจกรรมสนุกยิ่งกว่ารออยู่
กระเช้าลอยฟ้า Tsugaike Gondola Lift “Eve” (เครดิตรูปภาพ: Xtrem Aventures Hakuba Tsugaike Wow)
กระเช้าลอยฟ้ามากมายรอบๆ ฮาคุบะเหล่านี้จะพาคุณเข้าไปใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น และให้คุณสัมผัสกับทัศนียภาพอันกว้างสุดลูกหูลูกตาจากมุมสูง มาดูไฮไลท์บางส่วนที่คุณจะได้สัมผัสเมื่อได้ขึ้นกระเช้าทั้ง 3 แห่งกันค่ะ!
บึงฮัปโปะ
กระเช้าลอยฟ้าแรกคือ กระเช้าลอยฟ้า Happo-One “Adam” เป็นกระเช้าที่สามารถเดินจากสถานีรถประจำทาง Happo ไปถึงได้ใน 10 นาที ที่นี่คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางไปยังบึงฮัปโปะ (八方池 Happо̄-ike) หนึ่งในไฮไลท์ของฮาคุบะที่ห้ามพลาด
บึงฮัปโปะที่แสนงดงามตระการตา (เครดิตรูปภาพ: Tourism Commission of Hakuba Village / JNTO)
ทิวทัศน์ของภูเขาฮาคุบะซันซังที่สะท้อนอยู่ในบึงน้ำที่ระดับความสูง 2,060 เมตรจะทำให้คุณแทบลืมหายใจ! สำหรับวิธีเดินทาง ให้ขึ้นกระเช้า Adam แล้วเปลี่ยนไปขึ้นกระเช้า Alpen Quad จากนั้นขึ้น กระเช้า Grat Quad เมื่อลงจากกระเช้าแล้ว จะต้องเดินขึ้นเขาอีก 90 นาทีเพื่อไปยังบึงฮัปโปะ
จากบึงฮัปโปะไปถึงยอดเขาคารามัตสึใช้เวลาเดิน 3 ชั่วโมง (เครดิตรูปภาพ: JR East / Akio Kobori and Carissa Loh)
ถ้าคุณเป็นเป็นนักปีนเขาตัวยง คุณสามารถปีนขึ้นไปบนยอดเขาคารามัตสึได้โดยใช้เวลาอีก 3 ชั่วโมง และสำหรับใครที่รักการปีนเขาจริงๆ ก็สามารถเดินสำรวจภูเขาต่างๆ จากภูเขาคารามัตสึไปยังภูเขาโกริวได้ โดยพักค้างคืนที่กระท่อมบนภูเขา (山小屋 yamagoya)
Hakuba Iwatake Mountain Resort
สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่ได้ชอบปีนเขาขนาดนั้น แต่ยังอยากเพลิดเพลินกับวิวภูเขาหรือกิจกรรมกลางแจ้งที่น่าตื่นเต้น ขอแนะนำสถานที่ต่อไปเลยค่ะ กระเช้าลอยฟ้าถัดมาคือกระเช้า Iwatake Gondola Lift “Noah” ที่จะพาคุณขึ้นไปยัง Hakuba Iwatake Mountain Resort
วิวพาโนรามาจาก HAKUBA MOUNTAIN HARBOR. (เครดิตรูปภาพ: Hakuba IWATAKE)
เพียงเดิน 3 นาทีจากจุดลงกระเช้า คุณจะมาถึง HAKUBA MOUNTAIN HARBOR ระเบียงกลางแจ้งสุดพิเศษที่คุณสามารถนั่งพักผ่อนและเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ของภูเขาได้ ที่ระดับความสูง 1,289 เมตรของ HAKUBA MOUNTAIN HARBOR นี้ คุณจะมองเห็นทัศนียภาพแบบพาโนรามาที่น่าประทับใจของเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือและภูเขาหลายลูกในฮาคุบะได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีสิ่งใดมากีดขวางสายตา
หลากหลายกิจกรรมน่าตื่นเต้นที่ Hakuba Iwatake Mountain Resort (เครดิตรูปภาพ: Hakuba IWATAKE)
นอกจากระเบียงกลางแจ้งแล้ว ที่ Hakuba Iwatake Mountain Resort ยังมีกิจกรรมกลางแจ้งสนุกๆ อีกมากมาย ตั้งแต่การขับรถ ATV ปั่นจักรยานเสือภูเขา ไปจนถึงคอร์สฝ่าสิ่งกีดขวางที่ความสูง 8-12 เมตร กิจกรรมเหล่านี้เหมาะสำหรับสายกล้าท้าลองที่ต้องการสนุกกับทิวทัศน์ในรูปแบบที่น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น ดังนั้นอาจจะไม่เหมาะกับคนที่กลัวง่ายนะคะ กิจกรรมใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาคือชิงช้าที่คุณสามารถชมวิวแบบพาโนรามาของภูเขาได้
อุทยานธรรมชาติสึกะอิเกะ
สถานที่สุดท้ายที่ฉันอยากแนะนำให้คุณไปเที่ยวที่ฮาคุบะในฤดูร้อนคือ อุทยานธรรมชาติสึกะอิเกะ (栂池自然園 Tsugaike Shizen’en) คุณสามารถเดินทางไปถึงได้โดยนั่งกระเช้าลอยฟ้า Tsugaike Gondola Lift "Eve" จากนั้นจึงเปลี่ยนไปขึ้นกระเช้าสาย Tsugaike Ropeway ค่ะ
ทางเดินไม้กระดานทำให้การเดินป่าที่อุทยานธรรมชาติสึกะอิเกะเป็นเรื่องง่าย (เครดิตรูปภาพ: Hotel Hakuba)
สึกะอิเกะเป็นหนึ่งในที่ลุ่มที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นที่ความสูง 1,900 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อุทยานแห่งนี้มีทางเดินไม้กระดานที่ช่วยให้การเดินป่าเป็นเรื่องง่าย โดยมีคอร์สเดินป่าให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ 1-3.5 ชั่วโมง ตามความฟิตและแผนการเดินทางที่แตกต่างกันของแต่ละคน ในระหว่างที่เดินไปตามทางเดินไม้กระดานนี้ คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์อันตระการตาของภูเขาฮาคุบะ
กิจกรรมสนุกๆ สำหรับทุกคนในครอบครัวที่ Xtrem Aventures Hakuba Tsugaike WOW (เครดิตรูปภาพ: Xtrem Aventures Hakuba Tsugaike WOW)
กำลังมองหากิจกรรมทำอยู่หรือเปล่าคะ? สำหรับกิจกรรมครอบครัวน่าตื่นเต้นที่เด็กๆ สามารถเล่นด้วยได้นั้น ฉันขอแนะนำให้ไปเยี่ยม Xtrem Adventures Hakuba Tsugaike WOW ซึ่งอยู่ใกล้กับทำเลจุดสูงสุดของเส้นทางกระเช้า Eve เลยค่ะ Xtrem Adventures เป็นศูนย์รวมกิจกรรมผจญภัยจากประเทศฝรั่งเศสที่มีมากกว่า 150 สาขาทั่วโลก โดยที่สาขาฮาคุบะเป็นสาขาแรกในญี่ปุ่น ที่นี่คุณสามารถลองเล่นกิจกรรมผจญภัยในตาข่ายหลากหลายรูปแบบ คอร์สฝ่าสิ่งกีดขวางแบบโดดเด้งดึ๋ง คอร์สฝ่าสิ่งกีดขวางบนที่สูง และอื่นๆ อีกมากมาย
การเดินทางไปฮาคุบะ
คุณสามารถเดินทางไปฮาคุบะได้โดยการนั่งรถบัสจากเมืองนากาโนะ ซึ่งจะใช้เวลา 1 ชั่วโมง (2,200 เยนต่อเที่ยว) หรือหากเดินทางโดยรถไฟ จะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงจากสถานี JR Nagano, 1 ชั่วโมงโดยรถไฟด่วนพิเศษจากสถานี JR Matsumoto หรือ 3 ชั่วโมง 40 นาทีโดยรถไฟด่วนพิเศษจากสถานี JR Shinjuku
หากคุณอยากรู้ว่าจะสนุกกับทริป 3 วัน 2 คืนที่ฮาคุบะในฤดูร้อนได้อย่างไร สามารถตามไปอ่านบทความก่อนหน้าของเราเกี่ยวกับการปั่นจักรยานรอบฮาคุบะในฤดูร้อนได้เลยค่ะ
คามิโคจิ
ถ้าคุณถามฉันว่าสถานที่โปรดของฉันในญี่ปุ่นคือที่ไหน ฉันจะขอตอบว่าคามิโคจิแบบไม่ลังเลเลยค่ะคามิโคจิตั้งอยู่ท่ามกลางยอดเขาที่สูงตระหง่านและหุบเขาลึก ภูมิภาคแอลป์ตอนเหนือนั้นเปรียบได้ดั่งศูนย์รวมของบรรดานักปีนเขา โดยมีคามิโคจิ (上高地 Kamikochi) นี้เป็นประตูสู่เส้นทางปีนเขามากมายเหล่านี้
สะพานคัปปะอันโด่งดังของคามิโคจิ (เครดิตรูปภาพ: Matsumoto City / JNTO)
คามิโคจิเป็นพื้นที่ราบสูงที่ทั้งสวยงามและบริสุทธิ์ ซึ่งอยู่ที่ระดับความสูง 1,500 เมตร ทิวทัศน์ของแม่น้ำอาซึสะสีฟ้าใสที่ไหลผ่านหน้าเทือกเขาโฮตากะนั้นช่างน่าหลงใหลมากทีเดียว
คามิโคจิในฤดูร้อน (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
คามิโคจิเปิดให้คนทั่วไปเข้าชมตั้งแต่กลางเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนของทุกปี แต่แน่นอนว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไปเที่ยวก็คือช่วงต้นฤดูร้อน (ปลายเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายน) เมื่อภูเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวขจีโดยยังมีหิมะบนยอดเขาหลงเหลืออยู่ และช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม) เมื่อใบไม้พากันเปลี่ยนสีเป็นโทนสีที่อบอุ่น
แม้ว่าคุณจะสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามได้ง่ายๆ บนสะพานคัปปะ แต่ก็ยังมีตัวเลือกอย่างกิจกรรมเดินป่าเพื่อสำรวจทิวทัศน์ที่น่าตื่นตาตื่นใจให้มากขึ้นรอคุณอยู่ โดยคุณสามารถเดินจากสถานีรถประจำทางไปถึงได้จุดทำกิจกรรมได้ใน 5 นาที สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทิวทัศน์อันงดงามและเส้นทางเดินป่าที่คามิโคจิ สามารถตามไปอ่านในบทความก่อนหน้าที่ฉันเขียนไว้ได้ค่ะ
การเดินทางไปคามิโคจิ
คามิโคจิไม่อนุญาตให้นำรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาเพื่อสงวนไว้ซึ่งความงามดั้งเดิมของธรรมชาติ ดังนั้นการจะเดินทางไปที่นี่ได้ต้องไปโดนรถบัสหรือแท็กซี่ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น การเดินทางใช้เวลา 90 นาทีโดยรถไฟและรถบัส (2,710 เยนต่อเที่ยว) จากเมืองมัตสึโมโตะ
ภูเขาสึบาคุโระ
ภูเขาสึบาคุโระเป็นที่รู้จักจากหินรูปทรงขรุขระที่แทรกตัวอยู่ระหว่างพืชพันธุ์บนยอดเขา (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ภูเขาสึบาคุโระ (燕岳 Tsubakuro-dake) หรือที่รู้จักในฐานะ "ราชินีแห่งเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือ" คือสถานที่ที่คนชอบปีนเขาห้ามพลาด การขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของยอดเขาที่ความสูง 2,763 เมตรและมองเห็นบรรดายอดเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นนับว่าเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง ทัศนียภาพอันน่าตื่นตาจากด้านบนนั้นทั้งน่าทึ่ง อลังการ และไม่มีอะไรเทียบได้เลย
วิวพาโนรามาจากบนยอดเขาโอเท็นโช (เครดิตรูปภาพ: JR East / Akio Kobori)
รู้ไหมคะว่าโรงเรียนมัธยมต้นหลายแห่งในนากาโนะจะพานักเรียนไปปีนเขาสึบาคุโระเพราะต้องการที่จะปลูกฝังให้เด็กๆ รักภูเขา ภูเขาสึบาคุโระยังเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางปีนเขาสู่เทือกเขาแอลป์ตอนเหนือหลายเส้นทาง นักปีนเขาระดับกลางสามารถมุ่งหน้าต่อไปยังภูเขาโอเท็นโช และภูเขาโจเน็นได้ ในขณะที่นักปีนเขาระดับสูงสามารถไปยังภูเขายาริที่มีรูปร่างเหมือนหัวหอกอันโดดเด่นได้ หากคุณอยากไปปีนเขาสึบาคุโระ ลองอ่านบทความก่อนหน้านี้ของฉันได้ค่ะ
การเดินทางไปภูเขาสึบาคุโระ
นั่งรถบัส 55 นาที (1,800 เยนต่อเที่ยว) จากสถานี JR Hotaka (穂高駅) เพื่อไปยังจุดเริ่มต้นเดินเขานากาบุสะที่ภูเขาสึบาคุโระ
Fujimi Panorama Resort
ภูเขาที่ฉันพูดถึงก่อนหน้านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือ สำหรับจุดหมายถัดไปของเราคือ Fujimi Panorama Resort (富士見パノラマリゾート) ที่ตั้งอยู่ใกล้กับชายแดนจังหวัดนากาโนะและจังหวัดยามานาชิ ที่นี่เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการจะเพลิดเพลินไปกับการชมวิวภูเขาแต่ว่าไม่ค่อยอยากปีนเขาสักเท่าไหร่ กระเช้าลอยฟ้าจะพาคุณขึ้นไปที่ระดับความสูง 1,780 เมตร และตามชื่อของที่นี่เลย Fujimi Parorama Resort เป็นสถานที่ที่คุณสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิและเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพแบบพาโนรามาได้
เพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพแบบพาโนรามาที่ Fujimi Panorama Resort (เครดิตรูปภาพ: Fujimi Panorama Resort)
ถัดจากสถานีกระเช้าลอยฟ้าด้านบนคือสวน Nyukasa Suzuran ซึ่งคุณสามารถชื่นชมดอกไม้กว่า 100 สายพันธุ์บนเทือกเขาแอลป์ที่จะบานสะพรั่งในระหว่างฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูใบไม้ร่วง และเพียงเดินจากที่นั่นมา 5 นาที คุณจะมาถึงหอสังเกตการณ์ Lover's Sanctuary Yatsugatake (恋人の聖地八ヶ岳展望台) ที่ซึ่งคุณจะได้เห็นทิวทัศน์มุมสูงของเมืองฟูจิมิที่อยู่ด้านล่าง
เดินจากสถานีกระเช้าลอยฟ้าด้านบนไป 60 นาที คุณจะไปถึงยอดเขานิวคาสะ (入笠山 Nyūkasa-yama) สูง 1,955 เมตร ซึ่งคุณสามารถเพลิดเพลินกับวิวเทือกเขารอบๆ แบบ 360 องศา รวมทั้งภูเขาไฟฟูจิและเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือ เทือกเขาแอลป์ตอนกลาง และเทือกเขาแอลป์ตอนใต้ได้ ในบรรดาภูเขาชื่อดังของญี่ปุ่นทั้งหมด 100 ลูก คุณสามารถมองเห็นภูเขาจากยอดเขานี้ได้มากถึง 22 ลูกทีเดียว!
ลองเล่นร่มร่อนและปั่นจักรยานเสือภูเขาดูสิ (เครดิตรูปภาพ: Fujimi Panorama Resort)
หากคุณกระหายกิจกรรมผจญภัยและชอบที่สูงๆ ขอแนะนำให้ลองเล่นร่มร่อน (Paragliding) เลยค่ะ! ขณะที่เล่นอยู่นั้นคุณจะได้เห็นทิวทัศน์อันน่าตื่นตาของเมืองฟูจิมิ เทือกเขายัตสึกาทาเกะ เทือกเขาแอลป์ตอนใต้ และแม้แต่ภูเขาไฟฟูจิในวันที่อากาศแจ่มใส ส่วนนักปั่นก็สามารถสนุกในสนามปั่นจักรยานเสือภูเขาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นได้ สนามปั่นจักรยานเสือภูเขาของ Fujimi Panorama Resort มีเส้นทางที่หลากหลาย ตั้งแต่เส้นทางราบเรียบสำหรับมือใหม่ ไปจนถึงเส้นทางลาดสูงชันที่โหดหินขึ้น
การเดินทางไป Fujimi Panorama Resort
คุณสามารถเดินทางไป Fujimi Panorama Resort ได้โดยการขึ้นรถ Shuttle Bus จากสถานี JR Fujimi (富士見駅) ของทางรถไฟสาย JR Chuo Line
สนุกสุดเหวี่ยงไปกับการปั่นจักรยาน
ถ้าคุณอยากจะเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของภูเขาจากพื้นดิน อีกวิธีดีๆ ในการสำรวจย่านชนบทที่สวยงามของนากาโนะก็คือการปั่นจักรยานค่ะ! ที่นี่มีจุดให้เช่าจักรยานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจักรยานธรรมดา จักรยานไฟฟ้า (e-bikes) หรือจักรยานเสือภูเขา นากาโนะมีสถานที่ที่น่าตื่นตาตื่นใจมากมายให้เราได้ปั่นจักรยานสำรวจ ในบทความนี้เราลองไปเที่ยวที่อาซูมิโนะ (安曇野) และอียามะ (飯山) สองแห่งนี้กันค่ะ
อาซูมิโนะ
นาข้าวที่มีฉากหลังเป็นภูเขาที่บนยอดปกคลุมไปด้วยหิมะ (เครดิตรูปภาพ: 安曇野市観光協会)
อาซูมิโนะตั้งอยู่ระหว่างเมืองฮาคุบะและมัตสึโมโตะ นี่คือสถานที่ที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์เขียวขจีของชนบทที่มีเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือเป็นฉากหลังได้ ซึ่งการปั่นจักรยานจัดว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสำรวจพื้นที่นี้
การปั่นจักรยานเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเที่ยวอาซูมิโนะ (เครดิตรูปภาพ: 安曇野市観光協会)
สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วๆ ไป ฉันขอแนะนำคอร์ส A ของสมาคมท่องเที่ยวอาซูมิโนะ ซึ่งเป็นเส้นทางยาว 11 กม. ที่จะพาคุณไปยังสถานที่เที่ยวยอดนิยมบางแห่งใกล้ๆ สถานี JR Hotaka เช่น ศาลเจ้าโฮตากะ หมู่บ้านสวิส และฟาร์มไดโอวาซาบิ (Daio Wasabi Farm)
ไร่วาซาบิและของกินรสวาซาบิที่ฟาร์มไดโอวาซาบิ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
คุณรู้หรือเปล่าคะว่าวาซาบิต้องการน้ำที่สะอาดมากๆ ในการเจริญงอกงาม และฟาร์มไดโอวาซาบิ (大王わさび農場 Daiо̄ Wasabi Nojо̄) ก็ใช้น้ำจากหิมะที่ละลายลงมาจากเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือที่อยู่ใกล้เคียง ที่ฟาร์มไดโอวาซาบิแห่งนี้คุณสามารถเดินเตร็ดเตร่รอบๆ ไร่วาซาบิได้อย่างอิสระ และยังสามารถลองชิมอาหารรสวาซาบิ เช่น โซบะวาซาบิ คร็อกเก้วาซาบิ ไอศกรีมวาซาบิ หรือแม้แต่เครื่องดื่มรสวาซาบิอย่างเบียร์วาซาบิและน้ำวาซาบิได้ด้วย!
ล่องเรืออาซูมิโนะเคลียร์โบ๊ท (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
เรืออาซูมิโนะเคลียร์โบ๊ท (安曇野クリアーボート) เปิดให้บริการเฉพาะช่วงหน้าร้อนที่ฟาร์มไดโอวาซาบิ คุณสามารถผ่อนคลายไปกับการล่องเรือนาน 20 นาทีผ่านกังหันน้ำที่สวยงาม คุณสามารถจุ่มนิ้วมือและนิ้วเท้าลงไปในน้ำได้อย่างอิสระ และจะต้องทึ่งกับน้ำที่ทั้งใสแจ๋วแล้วก็เย็นฉ่ำเอามากๆ! ในวันที่แดดออก น้ำจะส่องประกายระยิบระยับเมื่อสะท้อนแสงอาทิตย์ราวกับเพชรพลอยเลยทีเดียว
การเดินทางไปอาซูมิโนะ
นั่งรถไฟ JR Oito Line จากสถานี JR Matsumoto ใช้เวลา 30 นาที หรือนั่งรถไฟ JR Oito Line จากสถานี JR Hakuba ใช้เวลา 70 นาที ไปยังสถานี JR Hotaka (穂高駅) จากสถานี JR Hotaka ใช้เวลาปั่นจักรยานไปยังฟาร์มไดโอวาซาบิ 20 นาที หรือหากโดยสารรถประจำทางจะใช้เวลา 10 นาที
อียามะ
อียามะตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดนากาโนะ และเป็นสถานที่เงียบสงบที่เปี่ยมไปด้วยภูมิทัศน์ทางธรรมชาติและมีประวัติศาสตร์ยาวนาน แม้ว่าอียามะจะขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในที่ๆ หิมะตกหนักที่สุดในญี่ปุ่น แต่เมื่อหิมะละลาย โลกใบใหม่จะปรากฏให้เห็น!
ปั่นจักรยานเที่ยวอียามะ (เครดิตรูปภาพ: Todd Fong)
อียามะได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์ของนักปั่นจักรยานเลยก็ว่าได้ ที่นี่มีเส้นทางการปั่นจักรยานที่หลากหลายสำหรับนักปั่นระดับต่างๆ คุณสามารถเช่าจักรยานได้ที่ศูนย์กิจกรรมชินเอ็ตสึชิเซนเคียว (Shinetsu-shizenkyo Activity Center) ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ของสถานี JR Iiyama นอกจากนี้คุณยังสามารถจองทัวร์ปั่นจักรยานพร้อมไกด์ที่พูดภาษาอังกฤษได้ด้วย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปั่นจักรยานในอียามะ สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้
ศูนย์กิจกรรมชินเอ็ตสึชิเซนเคียว (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ศูนย์กิจกรรมชินเอ็ตสึชิเซนเคียว เป็นศูนย์รวมกิจกรรมกลางแจ้งที่คุณสามารถเช่าเสื้อผ้าและอุปกรณ์กลางแจ้งได้ทุกประเภท รวมถืงจองกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ ได้ด้วย ส่วนศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ติดกันก็มีข้อมูลอย่างละเอียดและแผนที่สถานที่ท่องเที่ยวในอียามะเตรียมพร้อมสำหรับคุณ และมีพนักงานใจดีที่พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือแก่นักท่องเที่ยว
วิวในเส้นทาง Shinetsu Trail Views (เครดิตรูปภาพ: 信州いいやま観光局)
นอกจากจะเป็นสวรรค์ของนักปั่นจักรยานแล้ว อียามะยังเป็นประตูสู่เส้นทางเดินป่า Shinetsu Trail (信越トレイル) ซึ่งเป็นเส้นทางยาว 80 กม. เลียบไปตามชายแดนจังหวัดนากาโนะและจังหวัดนีงาตะ เกร็ดน่ารู้: ชินเอ็ตสึ (信越) หมายถึง นากาโนะและนีงาตะ และมาจากอักษรตัวแรกของคำว่า ชินชู (信州 ชื่อเดิมของนากาโนะ) และเอจิโกะ (越後 ชื่อเดิมของนีงาตะ) เส้นทาง Shinetsu Trail นั้นจำลองมาจากเส้นทาง Appalachian Trail ในสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อเสียงด้านป่าต้นบีชสวยงามที่จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวสดในเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน การเดินป่าตลอดเส้นทางนี้ในทริปเดียวจะใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 6 วัน 5 คืน แต่คุณสามารถเลือกเดินในส่วนต่างๆ ของเส้นทางโดยแยกเป็นหลายทริปได้ ซึ่งทำให้คุณมีเหตุผลที่จะกลับไปเยือนอียามะอีกครั้ง
การเดินทางไปอียามะ
การเดินทางไปสถานี JR Iiyama (飯山駅) ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟ Hokuriku Shinkansen 10 นาที หรือนั่งรถไฟ JR Iiyama Line จากสถานี JR Nagano 50 นาที ศูนย์กิจกรรมชินเอ็ตสึชิเซ็นเคียวตั้งอยู่ภายในสถานี JR Iiyama
ชิลๆ กับลมทะเลสาบ
นากาโนะเป็นจังหวัดที่มีภูเขามากมายและไม่มีทางออกสู่ทะเล อย่างไรก็ตาม ที่นี่มีทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่กลางจังหวัดคือ ทะเลสาบสุวะ (諏訪湖 Suwako)
วิวของทะเลสาบสุวะจากบนเรือ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
ถ้าคุณอยากจะเพลิดเพลินกับทะเลสาบอย่างเต็มอิ่ม ขอแนะนำให้นั่งเรือท่องเที่ยวทะเลสาบหรือนั่งเรือถีบเลย รู้ไหมเอ่ย? ว่าทะเลสาบสุวะนี้ว่ากันว่าเป็นแรงบันดาลใจให้กับทะเลสาบในภาพยนตร์แอนิเมชันยอดฮิตเรื่อง Your Name (君の名は Kimi no Na wa) ของชินไค มาโกโตะเลยนะ ตามมารู้จักเมืองริมทะเลสาบสุวะสองแห่งได้แก่ เมืองคามิสุวะ (上諏訪) และเมืองชิโมสุวะ (下諏訪) กันค่ะ
คามิสุวะ
ออนเซ็นกลางแจ้งที่คามิสุวะออนเซ็น (เครดิตรูปภาพ: SUHAKU (ซ้าย) and Hotel SAGINOYU (ขวา))
คามิสุวะตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของทะเลสาบสุวะ และเป็นที่ตั้งของคามิสุวะออนเซ็น (上諏訪温泉) ที่ถือเป็นตัวแทนออนเซ็นรีสอร์ทของจังหวัดนากาโนะเลยก็ว่าได้ ที่นี่คุณจะได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศของรีสอร์ทและผ่อนคลายในบ่อออนเซ็นภายในที่พักสุดทันสมัยที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ในที่พักพร้อมออนเซ็นบางแห่งก็มีออนเซ็นกลางแจ้งพร้อมด้วยทิวทัศน์อันสวยงามของทะเลสาบสุวะและภูเขาโดยรอบเลยทีเดียว
เทศกาลดอกไม้ไฟฤดูร้อนที่ทะเลสาบสุวะ (เครดิตรูปภาพ: 諏訪市)
ในฤดูร้อนจะมีการจัดงานเทศกาลดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ตระการตาที่ทะเลสาบสุวะ และด้วยความที่อยู่ใกล้กับภูเขานี้เอง ทำให้สามารถสัมผัสเสียงก้องกังวานของดอกไม้ไฟในรูปแบบประสบการณ์ "4 มิติ" อันน่าทึ่ง! นอกจากช่วงเทศกาลแล้ว ก็จะมีการแสดงดอกไม้ไฟ 15 นาทีซึ่งจะจัดทุกคืนเป็นเวลาประมาณหนึ่งเดือนในฤดูร้อนด้วย ดังนั้นคุณจึงสามารถเพลิดเพลินกับทั้งภาพและเสียงได้เมื่อเข้าพักค้างคืนที่คามิสุวะออนเซ็น
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมที่คุณสามารถทำได้ที่คามิสุวะ สามารถดูได้ในบทความก่อนหน้าที่เขียนโดย JR East สาขานากาโนะได้เลย
ชิโมสุวะ
บนชายฝั่งทางเหนือของทะเลสาบสุวะคือชิโมสุวะ ซึ่งมีชื่อเสียงมากๆ จากชิโมฉะ (下社 ศาลเจ้าเบื้องล่าง) ของสุวะไทฉะ (諏訪大社 ศาลเจ้าใหญ่สุวะ) หนึ่งในศาลเจ้าที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดในญี่ปุ่น
ชมภูเขาไฟฟูจิจากชายฝั่งทางเหนือของทะเลสาบสุวะ (เครดิตรูปภาพ:下諏訪観光協会)
แม้ว่าชิโมสุวะจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ว่าก็เป็นเมืองมีเสน่ห์ซึ่งเต็มไปด้วยสถานที่เชิงประวัติศาสตร์และคาเฟ่ทันสมัยมากมาย ด้วยขนาดเมืองที่กะทัดรัด คุณจึงสามารถเดินไปยังสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ได้โดยไม่ต้องใช้ยานพาหนะ ทำให้ที่นี่เหมาะกับการจัดทริปเล็กๆ ที่ยอดเยี่ยมระหว่างที่คุณพักอยู่ในจังหวัดนากาโนะ
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมที่คุณสามารถทำได้ที่ชิโมสุวะ สามารถดูได้ในบทความก่อนหน้าที่เขียนโดย JR East สาขานากาโนะได้เลย
การเดินทางไปทะเลสาบสุวะ
นั่งรถด่วนพิเศษ Azusa จากสถานี JR Shinjuku ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หรือจากสถานี JR Matsumoto ใช้เวลาน้อยกว่า 30 นาทีในการเดินทางไปสถานี JR Kami-Suwa (上諏訪駅) โดยสถานี JR Shimo-Suwa (下諏訪駅) นั้นอยู่ห่างจากสถานี JR Kami-Suwa บน JR Chuo Line หนึ่งสถานี (4 นาที)
พักผ่อนในตัวเมือง
แม้ว่าจังหวัดนากาโนะจะเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามและกิจกรรมกลางแจ้งที่น่าตื่นใจ แต่ก็ยังมีเมืองชิลๆ ที่เต็มไปด้วยโรงแรมแสนสะดวกสบายซึ่งเป็นฐานที่มั่นอันที่ดีเยี่ยมสำหรับการเดินทางท่องเที่ยว มีร้านค้าที่เต็มไปด้วยของที่ระลึกและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น และร้านอาหารอร่อยเพื่อตอบสนองความอยากอาหารของคุณ ตามมาดูเมืองนากาโนะและเมืองมัตสึโมโตะ สองเมืองใหญ่ของนากาโนะกันค่ะ
เมืองนากาโนะ
วัดเซ็นโคจิ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
เมืองนากาโนะ (長野市 Nagano-shi) เป็นเมืองหลวงของจังหวัดนากาโนะ เดิมเป็นเมืองวัดที่สร้างขึ้นรอบๆ วัดเซ็นโคจิ (善光寺) อันเก่าแก่ จากเมืองนากาโนะ คุณสามารถเดินทางไปยังสถานที่อื่นๆ ที่ฉันได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้ในบทความได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากเมืองนี้มีเครือข่ายเชื่อมต่อถึงกันมากมายทั้งทางรถไฟและรถประจำทาง
Hotel Metropolitan Nagano เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมเมื่อคุณเข้าพักที่เมืองนากาโนะ (เครดิตรูปภาพ: Hotel Metropolitan Nagano)
โรงแรม Hotel Metropolitan Nagano เป็นตัวเลือกที่สะดวกสบายและคุ้มค่าเมื่อคุณเข้าพักที่เมืองนากาโนะ เพราะเชื่อมต่อกับสถานี JR Nagano โดยตรงผ่านห้างสรรพสินค้า MIDORI ภายในสถานีคุณจึงสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายโดยไม่ต้องกังวลว่าจะเปียกฝนหรือต้องหิ้วกระเป๋าเดินทางข้ามถนน เสริมอีกนิด: อาหารเช้าของที่นี่มีทั้งอาหารญี่ปุ่น อาหารตะวันตก และอาหารท้องถิ่นของนากาโนะ เช่น โนซาวานะ โอยากิ (เกี๊ยวผักแบบดั้งเดิม), ชินชูโซบะ (บะหมี่บัควีท), สาเก (สุราหมักจากข้าว) และอีกมากมาย! รอติดตามบทความต่อไปที่ฉันจะมาแนะนำอาหารพื้นเมืองแสนอร่อยของนากาโนะได้เลยนะคะ
ลิงหิมะในช่วงหน้าร้อน (เครดิตรูปภาพ: photoAC)
ทริปง่ายๆ แบบไปเช้าเย็นกลับที่เดินทางได้จากเมืองนากาโนะคือการไปสวนลิงหิมะจิโกคุดานิ (地獄谷野猿公園 Jigokudani Yaen Kоāen) ที่คุณจะได้เห็นลิงญี่ปุ่นแบบใกล้ชิด แม้ว่าที่นี่จะได้รับความนิยมมากกว่าในฤดูหนาว แต่หากคุณมาในช่วงฤดูร้อน คุณจะได้เห็นลูกลิงน่ารักๆ ที่มักจะเพิ่งเกิดช่วงหลังปลายเดือนเมษายนด้วยนะ!
ถ้าคุณชอบประวัติศาสตร์ ก็สามารถไปเที่ยวเมืองปราสาทมัตสึชิโระได้ในหนึ่งวัน และถ้าคุณเป็นแฟนการ์ตูนเรื่องดาบพิฆาตอสูร (鬼滅の刃 คิเมะสึ โนะ ไยบะ) คุณก็สามารถเช็คดูสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับดาบพิฆาตอสูรทั้งห้าแห่งในนากาโนะได้เลย
การเดินทางไปเมืองนากาโนะ
สถานี JR Nagano (長野駅) ใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวโดยรถไฟ Hokuriku Shinkansen 90 นาที และ ใช้เวลา 50 นาทีจากสถานี JR Matsumoto โดยรถไฟด่วนพิเศษ Shinano ส่วนการเดินทางไปสวนลิงหิมะจิโกคุดานิจะใช้เวลาเดินทาง 40 นาทีโดยรถบัส (1,500 เยนต่อเที่ยว) จากสถานี JR Nagano ทางออกทิศตะวันออก
เมืองมัตสึโมโตะ
เมืองใหญ่อีกแห่งในจังหวัดนากาโนะและเป็นหนึ่งในเมืองโปรดของฉันในญี่ปุ่นก็คือ เมืองมัตสึโมโตะ (松本市 Matsumoto-shi) ที่มีเสน่ห์และมีเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือเป็นฉากหลัง จากเมืองมัตสึโมโตะคุณสามารถเดินทางไปยังส่วนอื่นๆ ของจังหวัดนากาโนะได้อย่างง่ายดายด้วยเครือข่ายทางรถไฟและรถประจำทางที่มีอยู่มากมายเช่นเดียวกับเมืองนากาโนะ
วิวที่หลากหลายของปราสาทมัตสึโมโตะในฤดูร้อน (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)
บางทีสิ่งที่ทำให้เมืองมัตสึโมโตะเป็นที่รู้จักอย่างมากคงหนีไม่พ้นปราสาทมัตสึโมโตะสีดำสวยสง่า ซึ่งเป็นปราสาทญี่ปุ่นที่ฉันชอบและสมบัติของชาติด้วย ปราสาทมัตสึโมโตะมีสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่ง โดยมีหอคอยปราสาทห้าชั้นที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นซึ้งสร้างขึ้นในสมัยบุนโรคุ (ค.ศ. 1592-1596) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปราสาทมัตสึโมโตะและปราสาทญี่ปุ่นที่โดดเด่นอื่นๆ สามารถดูที่บทความก่อนหน้าของฉันได้เลยค่ะ
สดชื่นไปกับน้ำแร่เย็นฉ่ำที่มัตสึโมโตะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Chie Matsubara)
มัตสึโมโตะยังขึ้นชื่อในฐานะเป็นแหล่งน้ำแร่บริสุทธิ์ น้ำแร่นี้ไหลไปทั่วทั้งเมือง และคุณจะสังเกตเห็นว่ามีน้ำแร่ธรรมชาติและบ่อน้ำอยู่ตามท้องถนน สมาคมการท่องเที่ยวและส่งเสริมการประชุมมัตสึโมโตะได้ทำแผนที่แหล่งน้ำแร่เอาไว้ด้วย คุณสามารถดื่มน้ำแร่นี้เพื่อดับกระหาย เติมใส่ขวดน้ำ และล้างมือได้ฟรี!
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเมืองมัตสึโมโตะ สามารถดูของบทความก่อนหน้าตอนที่ 1 และตอนที่ 2 ที่เขียนโดย JR East สาขานากาโนะได้เลย
การเดินทางไปเมืองมัตสึโมโตะ
การเดินทางไปสถานี JR มัตสึโมโตะ (松本駅) จากสถานี JR Shinjuku ใช้เวลาเดินทางโดยรถด่วนพิเศษ Azusa 2 ชั่วโมงครึ่ง และจากสถานี JR Nagano ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟด่วนพิเศษ Shinano 50 นาที
JR EAST PASS (Nagano, Niigata area)
JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) และพื่นที่ที่ตั๋วครอบคลุม . (เครดิตรูปภาพ: JR East)
ถ้าคุณกำลังวางแผนเดินทางไปเที่ยวจังหวัดนากาโนะ ขอแนะนำ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) ตั๋วเดินทางราคาย่อมเยาที่ใช้ขึ้นรถไฟได้ไม่จำกัดตามเส้นทางรถไฟ JR East (รวมถึงชินกันเซ็น) ภายในระยะเวลา 5 วันติดกัน ตั๋วนี้มีราคาเพียง 18,000 เยนเท่านั้น ซึ่งถูกกว่าค่าเดินทางไปกลับระหว่างสนามบินนาริตะและนากาโนะ (~22,000 เยน) นอกจากนี้ คุณยังสามารถสำรองที่นั่งรถไฟชินกันเซ็น รถไฟด่วนพิเศษบางขบวน และ Joyful Train ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ฟรี โดยจองล่วงหน้าได้นานสุดถึง 1 เดือน ที่นี่
ตั๋ว JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) สามารถใช้ได้กับประตูอัตโนมัติ และผู้ที่ถือหนังสือเดินทางต่างชาติในญี่ปุ่นมีสิทธิ์ใช้ตั๋วนี้ได้เช่นกัน
เครดิตรูปภาพส่วนหัวบทความ: Tourism Commission of Hakuba Village / JNTO
Translated by ANNGLE