Japan Rail Times
The
Rail Way
to Travel
Rail Travel

เดินทางย้อนเวลาไปกับ Oykot!

เดินทางย้อนเวลาไปกับ Oykot!

ความสนุกอย่างหนึ่งของการไปเที่ยวญี่ปุ่นคือการเดินทางไปรอบๆ ได้ด้วยรถไฟ หลายคนพูดถึงความเพลิดเพลินในการนั่งชินกันเซ็น (新幹線 shinkansen) ที่วิ่งได้นิ่งและนั่งสบาย หรือคุณภาพการบริการและการต้อนรับแบบญี่ปุ่น (おもてなし omotenashi) ที่หาเทียบได้ยาก นอกจากนี้ ในกลุ่มคนที่เคยไปญี่ปุ่นเองก็มีคนที่เล่าถึงบรรดารถไฟท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นการที่รถไฟวิ่งตรงเวลา และเสียงดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งดังเวลามีรถไฟวิ่งมาถึงชานชลา! ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ได้สัมผัสความสะดวกในการนั่งรถไฟที่ญี่ปุ่น ซึ่งนอกจากความสะดวกและความเพลิดเพลินแล้ว การนั่งรถไฟในญี่ปุ่นยังเป็นการผจญภัยในรูปแบบหนึ่งในตัว และผมก็มองหารถไฟใหม่ๆ นั่งทุกครั้งที่มาญี่ปุ่น โดยเฉพาะเวลาที่ผมมาเที่ยวในพื้นที่ตะวันออกของญี่ปุ่น ผมก็อยากลองนั่งรถไฟ Joyful Train ทุกขบวนของ East Japan Railway Company (หรือเรียกสั้นๆ ว่า JR East) ให้ได้

 

รถไฟ Joyful Train เป็นรถไฟขบวนพิเศษเฉพาะ JR East แต่ละขบวนมีธีมเฉพาะของตัวเองและมีเส้นทางวิ่งที่กระจายไปทั่วพื้นที่ตะวันออกของญี่ปุ่น ขณะนั่งรถไฟ ผู้โดยสารจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับการบริการที่เหนือชั้นและได้ชมความงามของท้องถิ่นที่รถไฟวิ่งผ่าน ซึ่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้นั่ง Oykot ที่เป็นหนึ่งในรถไฟ Joyful Train และผมบอกเลยว่ามันเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นมากๆ ตามมาดูกันเลยว่าการนั่ง Oykot เป็นประสบการณ์แบบไหน!

 

รถไฟ Oykot ที่กำลังวิ่งเข้ามายังชานชลา (เครดิตรูปภาพ: JR East / Nazrul Buang)

 

รถไฟ Oykot เป็นรถไฟที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นชนบทที่เรียบง่ายในญี่ปุ่นและการพาผู้คนเดินทางกลับไปยังชนบท ด้วยธีมที่สื่อถึงบ้านเกิด (故郷 furusato) ที่แฝงอยู่ในขบวนรถ การนั่งรถไฟขบวนนี้จึงชวนให้หวนคิดถึงอดีตพร้อมกับเยียวยาจิตใจของผู้โดยสารไปด้วยในตัว หัวใจหลักในธีมของ Oykot คือการทำให้ผู้โดยสารนึกถึงบ้านของปู่ย่าตายาย กล่าวคือ การดึงความทรงจำที่อบอุ่นที่สุดของผู้โดยสารออกมาให้ได้สัมผัสกัน อย่างเช่นความทรงจำของการโตมากับชนบทที่เงียบสงบ และความรู้สึกอบอุ่นคุ้นเคยที่สัมผัสได้ทุกครั้งเมื่อก้าวเข้าไปในบ้านเล็กๆ ที่เรียบง่ายของปู่ย่าตายาย ที่สำคัญ ถ้าสังเกตดูดีๆ จะพบว่า Oykot คือการสะกดคำว่า “Tokyo” แบบกลับหลัง ซึ่งเหตุผลเบื้องหลังนั้นเป็นอะไรที่เรียบง่ายมาก นั่นเพราะพื้นที่รอบๆ ทางรถไฟสาย Iiyama Line ที่ Oykot วิ่งผ่านนั้นมีบรรยากาศที่ตรงกันข้ามกับโตเกียวโดยสิ้นเชิง ในขณะที่โตเกียวเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองใหญ่ที่พลุกพล่านและวุ่นวาย พื้นที่บริเวณทางรถไฟสาย Iiyama Line นั้นกลับตรงกันข้าม เพราะที่นั่นมีบรรยากาศที่เงียบสงบชวนผ่อนคลาย โดยไม่มีป้ายโฆษณาที่รกตาหรือการจราจรที่หนวกหูมารบกวนแต่อย่างใด ดังนั้น Oykot จึงเป็นการสะกดคำว่า Tokyo กลับหลังเพื่อสื่อถึงความแตกต่างจากเมืองอย่างโตเกียว และเพราะสำหรับคนท้องถิ่นนั้น Iiyama มีความหมายว่า “home of the heart (บ้านของจิตใจ)” อยู่แล้วด้วยนั่นเอง

 

ในฐานะที่ผมไม่ใช่คนญี่ปุ่น ผมเคยสงสัยอยู่เหมือนกันว่าธีมนี้จะสร้างความประทับใจอะไรให้เราได้บ้าง เพราะประเทศญี่ปุ่นนั้นมีทั้งเมืองใหญ่และชนบทที่เงียบสงบ ซึ่งเป็นอะไรที่ต่างจากสิงคโปร์ โดยคนญี่ปุ่นจำนวนมากจะย้ายออกจากแถบชนบทและมาเติบโตและหางานในเมืองใหญ่ ดังนั้น การกลับบ้านจึงเป็นอะไรที่มีความหมายลึกซึ้งสำหรับพวกเขามาก แต่สำหรับคนสิงคโปร์อย่างผมที่มาจากประเทศที่ไม่มีพื้นที่ชนบทแล้ว ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าการนั่ง Oykot จะมีความหมายอะไรกับผมบ้างหรือไม่

 

ภายในขบวนรถ Oykot (เครดิตรูปภาพ: JR East / Nazrul Buang)

 

ผมบอกเลยว่ามันเป็นความรู้สึกที่ไม่ธรรมดา ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ผมพอจะเข้าถึงธีมความหวนคิดถึงอดีต (懐かしい natsukashii) ของ Oykot ได้ ทั้งจากการตกแต่งภายในที่ผ่านการคิดออกแบบมาเป็นอย่างดีไปจนถึงเส้นทางรถไฟที่ตัดผ่านชนบท ภายในรถไฟจะมีที่นั่งบุนวมสีแดงหม่นและโต๊ะไม้ ซึ่งเป็นอะไรที่ผมหรือใครก็ตามเห็นแล้วจะนึงถึงบ้านของปู่ย่าตายาย ผมต้องยอมรับว่าแม้แต่ผมเองก็รู้สึกเหมือนผมกำลังเดินทางกลับบ้านที่ชนบท แม้ว่าในความเป็นจริงจะไม่ใช่เลยก็ตาม!

 

โนสะวานะ ผักดองชนิดหนึ่ง (เครดิตรูปภาพ: JR East / Nazrul Buang)

 

ผู้โดยสารบนรถไฟ Oykot จะได้รับโนสะวานะ (のざわな) ซึ่งเป็นผักดองชนิดหนึ่งและเป็นหนึ่งในตัวแทนของพื้นที่ชินชู (นากาโนะ) มาเสิร์ฟคนละกล่อง เป็นอะไรที่ผมคิดว่าน่าประทับใจดี เพราะจะมีวิธีไหนที่จะช่วยให้เราสัมผัสบรรยากาศชนบทได้ดีไปกว่าการลิ้มรสอาหารของท้องที่บนรถไฟ! ที่สำคัญ อาหารยังถูกเสิร์ฟโดยพนักงานหญิงบุคลิกอบอุ่นที่แต่งชุดพื้นบ้านเพื่อให้ได้บรรยากาศของบ้านเมืองท้องถิ่นอีกด้วย ผมไม่ได้พูดเล่นๆ นะ แต่พนักงานหญิงเหล่านี้ให้ความรู้สึกเหมือนพวกเขาเป็นคุณย่าคุณยายของผมจริงๆ !

 

พนักงานหญิงของ Oykot ที่ถ่ายรูปคู่กับ Carissa (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

ท้องทุ่งที่ปกคลุมไปด้วยหิมะที่เห็นได้จากขบวนรถ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Nazrul Buang)

 

เมืองชนบทที่เห็นได้ตามทางรถไฟสาย Iiyama Line (เครดิตรูปภาพ: JR East / Nazrul Buang)

 

สิ่งที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งของการนั่ง Oykot คือภาพวิวที่สวยงามมาก ผมนั่งรถไฟขบวนนี้เมื่อตอนเดือนกุมภาพันธ์ที่เป็นช่วงกลางฤดูหนาวพอดี ขณะที่รถไฟเคลื่อนผ่านแถบชนบท ผมเห็นวิวบ้านเรือนต่างๆ ถูกปกคลุมไปด้วยปุยหิมะขาวสะอาด โดยมีแม่น้ำจิคุมะกาวะไหลผ่านขนานไปกับทางรถไฟ

 

ณ ตรงนี้ผมมีเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับทางรถไฟสาย Iiyama Line มาฝาก พื้นที่รอบๆ ทางรถไฟสายนี้ที่วิ่งผ่านนับเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีหิมะตกหนาที่สุดในญี่ปุ่น! ผมลงรถที่สถานี JR Togarinozawa-onsen (JR戸狩野沢温泉駅 Togarinozawa-onsen-eki) ท่ามกลางฤดูหนาวของเดือนกุมภาพันธ์ และใกล้ๆ กันก็มีสถานีรถไฟอีกแห่งคือสถานี JR Morimiyanohara (JR森宮野原駅 Morimiyanohara-eki) ที่ห่างออกไป 30 นาที ที่นั่นเป็นจุดที่มีหิมะตกหนักที่สุด โดยหนักสุดอยู่ที่ 7.85 เมตรเมื่อปี 1945! ถ้าไปแถวนั้นคุณจะได้เห็นจุดที่มีเครื่องหมายสถิติหิมะที่สูงที่สุดด้วย!

 

แม่น้ำจิคุมะกาวะ (เครดิตรูปภาพ: JR East / Nazrul Buang)

 

ป้ายเสาที่ทำเครื่องหมายบันทึกหิมะที่ตกหนาที่สุดที่สถานี JR Morimiyanohara (เครดิตรูปภาพ: JR East / Carissa Loh)

 

หลังหิมะละลาย ในที่สุดฤดูใบไม้ผลิก็มาเยือน Iiyama (เครดิตรูปภาพ: JR East)

 

วัดแห่งหนึ่งใน Iiyama ในฤดูใบไม้ร่วง (เครดิตรูปภาพ: JR East)

 

หนึ่งในไฮไลท์ของการนั่ง Oykot อยู่ที่สถานี JR Iiyama Station (JR飯山駅 Iiyama-eki) ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานีที่รถไฟจะหยุดแวะ ที่สถานีนี้ผู้โดยสารสามารถลงจากรถเพื่อชมงานนาฬิกาที่ประณีตได้ที่ Karakuri Clock โดยทุกครั้งที่นาฬิกาตีขึ้นชั่วโมงใหม่ เราสามารถชมและฟังตุ๊กตาไขลานออกมาเต้นจำลองการแสดงดั้งเดิมของญี่ปุ่นโดยมีเพลง “Furusato” เพลงพื้นบ้านยอดนิยมที่ประพันธ์โดย Takano Tatsuyuki (ผู้มาจากนาคะโนะ เมืองข้างๆ Iiyama) บรรเลงคลออยู่เบื้องหลัง นอกจากนี้ ภายในสถานียังมีร้านหลายแห่งที่จำหน่ายอาหารและของขบเคี้ยวที่เป็นของท้องถิ่นอยู่ด้วย

 

นาฬิกา Karakuri ที่สถานี JR Iiyama (เครดิตรูปภาพ: JR East / Nazrul Buang)

 

นาฬิกา Karakuri Clock ที่ดูราวกับมีชีวิตขึ้นมา ณ JR Iiyama (เครดิตรูปภาพ: JR East / Nazrul Buang)

 

โดยรวมแล้ว การนั่งรถไฟ Oykot นับเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ขณะนั่งในขบวนรถไฟที่เรียบง่ายนี้ ผมรู้สึกราวกับเวลาได้หยุดลง ผมมาจากสิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศที่กาลเวลาดูผ่านไปไวมาก และผมคิดว่าการนั่งรถไฟขบวนนี้คงเป็นประสบการณ์ที่พิเศษสำหรับใครก็ตามที่สงสัยว่าจะเป็นอย่างไร “เมื่อเวลาหยุดเดิน”

 

รถไฟ Oykot ในฤดูหนาว (เครดิตรูปภาพ: JR East)

 

การท่องเที่ยวไปกับ Oykot (Video credit: East Japan Railway Company)

 

JR EAST PASS (Nagano, Niigata area)

ตั๋ว JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) แบบใหม่และพื้นที่ที่ตั๋วครอบคลุม (เครดิตรูปภาพ: JR East)

 

ถ้าคุณมีแพลนเที่ยวนากาโนะและนีงาตะ เราขอแนะนำ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) ตั๋ว Pass ราคาย่อมเยาที่ปลดล็อคการเดินทางด้วยรถไฟแบบไม่จำกัดในเส้นทาง JR East (รวมถึงชินกันเซ็นด้วย) โดยคุณสามารถนั่งรถไฟรอบโทโฮคุได้เป็นเวลา 5 วันติดกัน ด้วยราคาเพียง 18,000 เยน ตั๋ว JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) สามารถช่วยคุณประหยัดค่าโดยสารรถไฟได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้คุณยังสามารถจองที่นั่งบนรถชินกันเซ็น รถด่วนพิเศษบางขบวน และ Joyful Train ล่วงหน้าได้นานถึง 1 เดือนผ่านช่องทางออนไลน์ที่นี่ได้ฟรี ตั๋ว JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) สามารถใช้งานได้กับประตูอัตโนมัติ และผู้ถือพาสปอร์ตต่างประเทศที่พำนักอยู่ในญี่ปุ่นก็สามารถใช้ตั๋ว Pass นี้ได้เช่นกัน

 

หมายเหตุ: ความเปลี่ยนแปลงในข้อกำหนดและราคาของตั๋ว JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) จะมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2021 เป็นต้นไป อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

 

เครดิตรูปภาพส่วนหัวบทความ: JR East
Translated by ANNGLE

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

Share this article:
TSC-Banner